อรุณีมาลา ฉัตรอรุณ แม่เลี้ยงเดียวของเด็กหญิงต้นข้าวและเด็กชายต้นกล้า ต้องเวียนมาพบกับพ่อของลูก ดร.ศิวัช อีกครั้งในฐานะญาติดอง เธอจะทำอย่างไร จะปกป้องตัวเองและลูกจากคนแบบเขาได้อย่างไร ################## "พี่วัชคะ ออทำกับข้าวมาฝากค่ะ" อรุณีมาลาเคาะประตูอพาร์ทเม้นท์ของชายคนรัก เธอรู้ว่าช่วงนี้เขาคร่ำเคร่งกับงานวิจัยจนแทบไม่มีเวลาหาอะไรทานจึงทำกับข้าวมาให้ และเธอมีข่าวดีจะบอกเขาด้วย "ออ พี่มีเรื่องจะบอก" เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง มองเธอที่กำลังจัดอาหารให้เขาด้วยความลำบากใจ "ช่วงนี้พี่ต้องเร่งธีสิต พี่คงไม่มีเวลาดูแลออ เราเลิกกันเถอะ" หญิงสาวมองเขาอย่างตกใจ "พี่วัชล้อเล่นเหรอคะ ไม่พูดแบบนี้สิ" หากแต่แววตาของเขาไม่มีแววล้อเล่น "แต่ออกำลัง.." เธอพูดไม่จบ เขายกมือขึ้นบอกว่า "พี่คิดดีแล้ว ที่ผ่านมาถ้าพี่ทำให้ออเข้าใจผิด พี่ขอโทษนะ พี่ขอให้ออเรียนจบกลับไทยไวๆ นะครับ" หญิงสาวน้ำตาคลอเมื่อแน่ใจว่าเขาไม่ได้พูดเล่น เธอพยักหน้ายอมรับไม่พูดอะไรอีก
ดูเพิ่มเติม"น้องเพียงออเป็นนักศึกษาป.โท น้องออครับนี่ไอ้วัชเพื่อนพี่ มันมาทำด็อกเตอร์หลายปี ใกล้จบแล้วครับ"
สีหราช เพื่อนสนิทของชายหนุ่มกล่าวแนะนำหญิงสาวให้รู้จักกับศิวัช ในงานเลี้ยงของคนไทยที่สถานทูตไทยจัดขึ้นทุกสามเดือน
"สวัสดีค่ะ พี่วัช" เธอทักทายเขา
จากนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองรุดหน้าอย่างรวดเร็ว หญิงสาวมักจะใช้เวลาว่างจากการเรียนนัดพบศิวัชที่ห้องสมุดหรือโรงอาหารเสมอ
จนกระทั่งเขาชวนเธอไปที่อพาร์ทเม้นท์ของเขาแทนในระยะหลังๆ แม้ไม่มีคำบอกรักหรือการขอคบกันอย่างเป็นทางการ แต่อรุณีมาลาก็มองโลกในแง่ดีว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด
บ่ายวันหนึ่งเธอมาหาเขาตามปกติ ซึ่งหญิงสาวจะมาหาเขาที่ห้องสัปดาห์ละสองวันหลังจากที่รับประทานอาหารกันอิ่มแล้ว หญิงสาวช่วยเขาเก็บล้างของในครัว
"อุ๊ย พี่วัช" เธอสะดุ้งเมื่อท่อนแขนแข็งแรงสอดมากอดรอบตัว ในขณะที่เธอยืนหน้าซิงค์ล้างจาน ไออุ่นที่แนบชิดมาจากด้านหลังทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก
"อย่าเพิ่งล้างเลยครับ คุยกับพี่ก่อนดีกว่า" เขาจับผมยาวของเธอปัดไปอีกทาง ฝังจมูกลงไปตามซอกคอขาวผ่อง เขาเอื้อมมือปิดน้ำจับตัวเธอให้หันหน้ากลับมาหาเขา
จูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากก่อนจะเพิ่มดีกรีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเธอยืนไม่อยู่ต้องใช้สองมือเกาะร่างเขาไว้แน่น ศิวัชสำรวจไปทั่วร่างแน่งน้อยนั้นอย่างใจเย็น
"อย่าค่ะพี่วัช" เสียงเธอเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน
"ทำไมล่ะครับ ออไม่อยากให้พี่ทำเหรอ" เขาถามพึมพำกับใบหูบาง
หญิงสาวหน้าแดงก่ำกับคำถามของเขา เมื่อเธอไม่ตอบเขาจึงอุ้มร่างบางขึ้นออกจากห้องครัว ตรงเข้าไปที่ห้องนอนของเขาเอง
ศิวัชวางร่างของเธอลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวล เลิกชายเสื้อเธอร่นขึ้นไปตามช่วงตัวจนมันหลุดไปจากศีรษะของเธอ เขาจูบลงที่แอ่งชีพจรดูดดุนผิวเนื้อบางๆ จนมันเป็นรอยคิสมาร์ก มือข้างหนึ่งสอดเข้าใต้แผ่นหลังสะกิดตะขอบราให้หลุดจากกัน
ทรวงอกกลมกลึงขนาดพอดีตัว ปรากฏต่อสายตาเขาอดใจไม่ได้ที่จะใช้ลิ้นสากลากเลียไปตามผิวเนื้อนั้น ยอดบัวหดชูชันเรียกร้องให้เขาหยอกล้อกับมันเนิ่นนาน
อรุณีมาลาบิดตัวเป็นเกลียวทันทีที่ลิ้นของเขาแตะแต้มไปตามทรวงอกสล้าง สมองเธอขาวโพลนไม่หลงเหลือความยับยั้งชั่งใจใดๆ เหลืออยู่ ศิวัชถอดเสื้อยืดที่สวมอยู่ก่อนจะกลับมาซุกซบกับปทุมถันคู่งาม
หญิงสาวลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของเขา เธอกัดฟันแหงนหน้าเมื่อเขาใช้ปลายลิ้นตวัดยอดอกหายเข้าไปในปาก
ชายหนุ่มปลดตะขอกางเกงของเธอออกและค่อยๆ รูดมันลงไปตามลำขา เธอขยับสะโพกอำนวยความสะดวกให้โดยไม่รู้ตัว ศิวัชแตะต้องไปทั่วร่าง ทุกจุดที่มือเขาสัมผัสเหมือนมีไฟนาบลงไป หญิงสาวเหมือนลอยเคลิ้มอยู่ในภวังค์ เธอเกร็งที่ท้องน้อยเมื่อมือเขาลูบผ่านไปยังบิกีนี่ตัวบาง
ชายหนุ่มดึงขอบบิกินี่เธอลงจนมันพ้นสะโพกแทนที่ด้วยมือและปากของเขา เขาไม่ได้หวังว่าอรุณีมาลาจะเป็นสาวพรหมจรรย์แต่คิดว่าเธอคงมีประสบการณ์รักมาไม่มาก
หญิงสาวเกร็งตัวเมื่อเขาดื่มชิมความหวานจากกลีบดอกกุหลาบงาม เธอครวญครางในคอมือจิกเส้นผมของเขา
“ไม่ไหวแล้วค่ะ พอเถอะ” เธอร้องขอให้เขาหยุด เนื้อตัวสั่นระริก ศิวัชหยุดเพื่อถอดเสื้อผ้าที่เหลือที่ยังติดกายอยู่ ก่อนจะกลับมาหาร่างที่นอนระทดระทวยตาปรือ
เขาจูบเธอใหม่อีกครั้งเธอตอบรับแลกลิ้นกันอย่างร้อนแรง ขณะที่กดสะโพกลงหาความคับแคบอุ่นชื้น มันบีบรัดและเกร็งจนเขาฉุกใจถาม
“ออไม่เคยเหรอ”
หญิงสาวพยักหน้ารับหางตาเธอมีน้ำตาไหลซึม เขาเริ่มจูบเธอใหม่อย่างปลอบโยน เขาไม่อยากให้เธอเจ็บจนกลัวการมีความสัมพันธ์ทางเพศ หลังจากที่ปลุกเร้าเธอใหม่จนหญิงสาวคลายเจ็บลง เธอเริ่มขยับสะโพกเพื่อให้อึดอัดน้อยลงจากการที่เขายังอยู่ในตัวเธอ
ชายหนุ่มเริ่มถอนตัวเองช้าๆ และย้ำลงไปใหม่จนทางรักเริ่มปรับตัวได้ เธอยกสะโพกตอบรับเมื่อความเจ็บหมดไป เขาขยับตัวเนิบช้าสลับรัวเร็ว จนสามารถส่งหญิงสาวไปถึงฝั่งได้ร่างเธอเกร็งหอบ เขาเปลี่ยนเป็นนั่งคุกเข่ายกขาเรียวข้างนึงของเธอพาดบนท่อนแขนเพื่อเร่งจังหวะตามเธอ เมื่อใกล้ถึงปลดปล่อยตัวเองให้ถึงฝั่งตามเธอไปติดๆ
ศิวัชนอนพักชั่วครู่ เขาอุ้มร่างเธอพาเข้าไปในห้องน้ำ
“พี่วัช ไม่ค่ะออจะอาบน้ำเอง”
หญิงสาวยังเขินอายอยู่มาก แต่ชายหนุ่มดื้อดึงเขาเปิดน้ำจากฝักบัวให้รินรดร่างทั้งสองคน
“พี่อยากทำให้”
เขาพูดและกดสบู่เหลวลูบไล้ไปทั่วตัวหญิงสาว น้ำเย็นที่ไหลผ่านร่างไม่ได้ช่วยลดอุณหภูมิร้อนฉ่าภายในห้องน้ำนั้นได้เลย เขาปิดน้ำเมื่อล้างฟองสบู่ออกจากตัวจนหมด จับเธอหันหลังบอกหญิงสาวให้เกาะผนังห้องน้ำไว้ กดแผ่นหลังเธอให้โน้มลง ดึงสะโพกเธอยกสูงกดแทรกตัวตนลงไป เสียงครางดังไปทั่วห้องน้ำ กว่าที่เขาและเธอจะออกมาจากห้องน้ำก็ใช้เวลาเกือบสองชม.ในนั้น
หลังจากวันนั้นเธอและเขามีสัมพันธ์กันเรื่อยมา แม้ไม่มีคำขอคบเป็นแฟนอย่างเป็นทางการ แต่หญิงสาวก็หลอกตัวเองว่าศิวัชไม่ใช่คนชอบพูดมาก ตราบใดที่เขายังปฏิบัติต่อเธอเฉกเช่นคนรักและไม่มีคนอื่น
สีหราชถามศิวัชในวันหนึ่งที่เขาแวะมาหาเพื่อน
“นายคิดยังไงกับน้องออ”
“ก็ไม่ยังไง นายถามทำไม” ศิวัชตอบเสียงเรียบไม่บอกอารมณ์
“กูเป็นพี่ก็ต้องถาม มีคนพูดกันว่าน้องออมาที่นี่บ่อยๆ ถ้านายจะคบออจริงจังก็ดี”
สีหราชพูดในฐานะที่เขาเป็นญาติกับอรุณีมาลา และเป็นคนที่แนะนำให้ลูกพี่ลูกน้องรู้จักกับเพื่อนตนเอง
“ก็คงจะคบแบบ friend with benefit มั้ง ไม่ผูกมัดกัน” ศิวัชตอบ
“แล้วออรู้ไหมว่านายคิดแค่นี้”
สีหราชข่มอารมณ์ไม่พอใจที่เริ่มมี เขารู้ดีว่าญาติสาวรักไอ้หมอนี่เต็มเปา
“ฉันไม่ได้บอกตรงๆ แต่คิดว่าออน่าจะรู้ เพราะฉันไม่เคยขอออเป็นแฟน” ศิวัชพูดตามที่คิด
“ไอ้เพื่อนชั่ว... มึงบอกว่าไม่เคยคิดอะไรแต่มึงนอนกับน้องสาวกูเนี่ยนะ” สีหราชเหลืออดแต่ยังยั้งใจทันห้ามตัวเองไม่ให้ชกหน้าหล่อๆ ของมัน
“ถ้ามึงไม่คิดอะไรกูจะบอกให้รู้ไว้ว่าออเขาคิด และถ้ามึงแน่ใจว่าไม่รักน้องกูจริงๆ ก็ไปบอกเลิกคบกับออซะอย่าให้เขามีความหวังไปเรื่อยๆ ถ้ามึงยังคิดว่าจะยังเป็นเพื่อนกูอยู่” ชายหนุ่มพูดก่อนจะเดินออกไปจากห้องของศิวัชด้วยความโมโห
ต่อมาอรุณีมาลาตื่นขึ้นมาด้วยอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน เธอแทบจะรับประทานอาหารอะไรไม่ได้มาหลายวันแล้ว หญิงสาวคิดทบทวนว่าตนเองเป็นอะไร ก่อนจะใจหายวาบเมื่อนึกได้ว่าประจำเดือนไม่มาตั้งแต่เดือนก่อน หญิงสาวแข็งใจไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ ก่อนจะเกือบล้มทั้งยืนเมื่อผลตรวจบอกว่าเธอกำลังท้อง
“ออเป็นอะไรน่ะ” อรุณประภา ฝาแฝดของเธอที่อยู่อพาร์ทเม้นท์เดียวกัน ถามแฝดผู้น้องอย่างสงสัยเธอเข้ามาจับตัวเพียงออ
“ตัวเย็นนี่ แต่อาเจียนใช่ไหม พิณได้ยินเมื่อคืน”
“เปล่าน่ะ คงไม่เป็นไรมากหรอก พิณมีเรียนไม่ใช่เหรอไปเถอะ” อรุณประภาละล้าละลัง แต่ก็ยอมไปในที่สุด
“งั้นเราจะรีบกลับ อย่าออกไปไหนนะออ” เธอสั่งก่อนจะออกไปเรียนอย่างกังวล
อรุณีมาลาดูปฏิทินเห็นว่าวันนี้ศิวัชไม่มีเข้าแลป เธอควรไปบอกเขาหญิงสาวล้างหน้าล้างตา ไปเตรียมอาหารให้เขาอย่างกระตือรือร้น
"พี่วัชคะ ออทำกับข้าวมาฝากค่ะ" อรุณีมาลาเคาะประตูอพาร์ทเม้นท์ของชายคนรัก เธอรู้ว่าช่วงนี้เขาคร่ำเคร่งกับงานวิจัยจนแทบไม่มีเวลาหาอะไรทานจึงทำกับข้าวมาให้ และเธอมีข่าวดีจะบอกเขาด้วย
"ออ พี่มีเรื่องจะบอก" เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง มองเธอที่กำลังจัดอาหารให้เขาด้วยความลำบากใจ
"ช่วงนี้พี่ต้องเร่งธีสิต พี่คงไม่มีเวลาดูแลออ เราเลิกกันเถอะ"
หญิงสาวมองเขาอย่างตกใจ
"พี่วัชล้อเล่นเหรอคะ ไม่พูดแบบนี้สิ" หากแต่แววตาของเขาไม่มีแววล้อเล่น
"แต่ออกำลัง.." เธอพูดไม่จบ เขายกมือขึ้นบอกว่า
"พี่คิดดีแล้ว ที่ผ่านมาถ้าพี่ทำให้ออเข้าใจผิด พี่ขอโทษนะ พี่ขอให้ออเรียนจบกลับไทยไวๆ นะครับ"
หญิงสาวน้ำตาคลอเมื่อแน่ใจว่าเขาไม่ได้พูดเล่น เธอพยักหน้ายอมรับไม่พูดอะไรอีก ถอยหลังหันกลับออกไปจากห้องของเขาเงียบๆ
เย็นนั้นอรุณีมาลาพาร่างอ่อนระโหยกลับถึงห้องพัก และเจอว่าคู่แฝดสาวอรุณประภานั่งรออยู่แล้ว
“ออไปไหนมา เราบอกตัวว่าให้อยู่ห้องไงถ้าเกิดเป็นลมกลางทางจะทำยังไง” แฝดสาวเป็นห่วง
“เอ่อ..เราอุดอู้น่ะ เลยไปเดินเล่น ขอโทษนะพิณ”
อรุณีมาลาแก้ตัวก่อนจะหน้าซีดเมื่ออรุณประภาหยิบที่ตรวจครรภ์ออกมาวาง ตามด้วยคำถามว่า
“ออไปหาเขามาใช่ไหม”
เพียงแค่นั้นก็เหมือนทำนบพัง เพียงออร้องไห้อย่างยั้งไม่อยู่อรุณประภาทำได้แค่กอดน้องสาวไว้ เธอไม่ต้องถามว่าผลของการไปหาผู้ชายคนนั้นคืออะไร ท่าทีของน้องสาวฝาแฝดก็ชัดเจนมากพอแล้ว
“ไม่เป็นไรนะออ เราจะแก้ปัญหาด้วยกัน” เธอลูบหลังน้องสาวจนอีกฝ่ายเงียบลง
ศิวัชรู้สึกเงียบเหงาตั้งแต่อรุณีมาลาก้าวออกไปจากห้อง เธอไม่เอาอะไรออกไปเลยแม้แต่พวกตะกร้าที่ใส่ของกินมาให้เขา
เขาไม่เคยนิยามความสัมพันธ์ของเขากับเพียงออด้วยซ้ำว่าคบกันในฐานะไหน รู้แค่ว่าถ้ายังสบายใจกันอยู่ไม่มีการล้ำเส้นกันเขาก็ยินดีคบเธอต่อไป
แต่ที่เขาต้องบอกเลิกเพราะไม่อยากผิดใจกับสีหราช และเกรงว่าหญิงสาวเองจะเสียเวลากับเขามากไปกว่านี้ เพราะเขาคงไม่พร้อมที่จะมีครอบครัวหรือมีใครแบบจริงจังอย่างที่เธอคาดหวัง
แต่แปลกใจที่เขารู้สึกเหงาทั้งที่ส่วนมากเขาก็อยู่คนเดียว ก่อนหน้าที่เขาจะรู้จักเพียงออเขาก็ไม่เคยเหงาแบบนี้ ชายหนุ่มถอนใจเขาอาจจะแค่รู้สึกผิดกับเธอ แต่ต่อไปมันจะดีกับทุกฝ่าย
อรุณีมาลาไม่ไปพบศิวัชอีกหลังจากนั้น และในอีกสองเดือนต่อมาเธอตัดใจเรียนให้จบเทอม เพื่อที่เธอจะดรอป 1 ปีในปีหน้าและย้ายไปเรียนที่เมืองอื่น อรุณประภาตัดสินใจย้ายที่เรียนของตัวเองด้วย เพื่อจะได้ตามไปดูแลคู่แฝดได้
เมื่อเธอเคลียร์เรื่องที่มหาวิทยาลัยเรียบร้อย สองพี่น้องพากันย้ายและไม่กลับมาที่เมืองนั้นอีกเลยจนกระทั่งกลับเมืองไทย
สิบสองปีต่อมา ณ เกาะพยาม อธิปหรือต้นกล้ายืนมองทะเลไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา เขาเพิ่งกลับจากการไปเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่สหรัฐอเมริกา ชายหนุ่มเรียนจบแล้วและตั้งใจจะมาอยู่ที่นี่สักพัก ก่อนที่จะกลับไปเรียนต่อปริญญาโทแต่วันนี้บ้านพักที่เคยสงบกลับเต็มไปด้วยผู้คนเพราะเป็นงานวันเกิดของนายหัวภาคย์ คุณปู่ของเขาเอง อธิปไม่ชอบคนเยอะเขาจึงปลีกตัวออกมาหาความสงบตามลำพัง“ต้นกล้า” เสียงเรียกของผู้หญิงคนที่เขารักที่สุดดังอยู่ด้านหลัง “คุณแม่” เขาหันกลับไปหาอรุณีมาลา แม่ของเขาในวัยสี่สิบสี่ยังสวยพริ้งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ยังทำให้พ่อเขาหึงได้อยู่เสมอ“แม่เดินหาลูกตั้งนาน มาทำอะไรตรงนี้” เธอถามลูกชายที่โตขึ้นผิดหูผิดตา ก่อนที่เขาจะจากไปเรียนต่อในตอนอายุ 17 ปีต้นกล้ายังเป็นวัยรุ่น แขนขายาวเก้งก้างแต่สี่ปีผ่านไปเขากลายเป็นหนุ่มเต็มตัว ตัวสูงกว่าเธอเสียอีก“ผมไม่ค่อยชอบคนเยอะเลยครับแม่ รำคาญ” คำพูดของลูกชายทำให้เธอหัวเราะ“วันนี้มีแต่พี่ๆ น้องๆ ทั้งนั้นเลยลูก” เธอหมายถึงต้นข้าวและต้นน้ำ และบรรดาหลานๆ เช่น ไอย่าลูกสาวของอัญญาและเมฆา อัครินทร์และมุกจันทร์ ลูกชายลูกสาวของอรุณประภาและคิรินทร์
เวลาผ่านล่วงเลยมาสี่ปี เด็กชายต้นกล้าในวัยเก้าขวบเขาบอกมารดาว่า“คุณแม่ ต้นกล้าอยากย้ายไปอยู่กับคุณปู่คับ”อรุณีมาลาเงยหน้าขึ้นมองลูกชาย“ลูกเพิ่งเรียนเกรด 3 เองนะลูก ที่นั่นไม่มีนานาชาติให้ไปต่อนะ”“เปิดเทอมหน้าต้นกล้าก็เรียนเกรด 4 แล้วคุณแม่ ปู่บอกว่าถ้าอยากไป ก็เรียนโรงเรียนประจำที่ภูเก็ตได้ ปิดเทอมกลับไปอยู่กับคุณปู่” เด็กชายพูด“ต้นกล้าไม่อยากอยู่กับแม่แล้วเหรอ” หญิงสาวเริ่มน้อยใจลูกชายนิดๆ ศิวัชเดินเข้ามาในห้องเขาได้ยินพอดี ชายหนุ่มวางมือบนบ่าของเธอเป็นเชิงให้ใจเย็น“ลูกไม่เคยเรียนโรงเรียนประจำจะอยู่ได้เหรอลูก” เขาถามต้นกล้า“ปู่บอกว่าพ่อก็เคยเรียน พ่ออยู่ได้ต้นกล้าก็ต้องอยู่ได้ครับ” เด็กชายตอบหนักแน่นศิวัชหันไปถามต้นข้าว “ต้นข้าวล่ะลูก หนูอยากไปไหม” เด็กหญิงส่ายหน้า “หนูอยากอยู่กับพ่อแม่ค่ะ” “คืนนี้พ่อจะคุยกับคุณปู่อีกที ปิดเทอมนี้ต้นกล้าไปเยี่ยมคุณปู่ตามปกติก่อนแล้วกันลูก” ศิวัชสรุปคืนนั้นศิวัชคุยกับอรุณีมาลา เขารอจนเธอลมหายใจสงบเป็นปกติจากบทรักหนักหน่วง ชายหนุ่มดึงร่างเธอมากอดลูบแผ่นหลังเรียบเนียน“เรื่องต้นกล้า ออคิดยังไง” “ออเป็นห่วงลูกค่ะ ต้นก
หลังจากที่คู่แต่งงานใหม่ใช้เวลาด้วยกันตามลำพังสามวัน คุณปู่คุณย่าก็พาเด็กๆ ตามมาสมทบที่เกาะพยาม และเพราะว่าอยู่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียนของเด็กๆเช้านี้นายหัวภาคย์มีแผนจะพาเด็กๆ ไปชมปะการังโดยขึ้นเรือท้องกระจกขนาดใหญ่ ศิวัชสวมเสื้อชูชีพให้ต้นกล้าและต้นข้าว เด็กชายถามบิดาว่า“แล้วเราจะลงไปดูในทะเลจริงๆ ได้ไหมคับพ่อ”“ได้ลูก แต่ลูกต้องโตกว่านี้แล้วไปเรียนดำน้ำก่อนครับ” ศิวัชตอบลูกชายที่ตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่บ้านคุณปู่“ต้นข้าวไม่เห็นอยากลงไปเลย แม่บอกว่าเดี๋ยวตัวดำ” เด็กหญิงพูดขึ้นบ้าง“นี่มันเรื่องของลูกผู้ชาย” ต้นกล้าหันไปพูดกับน้อง เขาจำคำพูดของปู่มาใช้“ไปกันลูกเรียบร้อยแล้ว ห้ามดื้อ ห้ามโผล่หน้าออกนอกเรือ เข้าใจไหมครับ” ดร.หนุ่มบอกลูกแฝดต้นข้าวไม่เท่าไร เขากลัวต้นกล้าจะทำอะไรแผลงๆ มากกว่าเริ่มสายทั้งหมดจึงลงเรือกัน เรือที่ใช้วันนี้เป็นเรือขนาดใหญ่ มีที่ให้เดินหรือนั่งนอนได้ตามสบายตรงกลางท้องเรือเป็นแผ่นกระจกหนาเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 2.5 เมตร ทว่า..เด็กชายต้นกล้ากลับไปสนใจมองปะการังนอกตัวเรือ เขาชะโงกหน้าออกไปเรื่อยๆ “ต้นกล้า หยุ
งานแต่งงานของศิวัชและอรุณีมาลาถูกกำหนดขึ้นในอีกสองเดือนหลังจากนั้น ยิ่งช่วงใกล้วันงานทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ยิ่งมีเรื่องวุ่นวาย คุณศิตามาอยู่ยาวที่กรุงเทพฯ เพื่อช่วยเตรียมงานล่วงหน้าถึง 1 เดือนงานนี้มีเพื่อนเจ้าสาวเพียงคนเดียวคืออรุณประภา ซึ่งอรุณีมาลาต้องการให้เป็นแบบนั้น เธอถือว่าพวกเธออยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิดดังนั้นในวันสำคัญของชีวิต เธอต้องการให้คู่แฝดรับหน้าที่นี้เพียงคนเดียวส่วนเพื่อนเจ้าบ่าวอรุณีมาลาขอว่าเธอจะเลือกเอง เธอต้องการให้สีหราชซึ่งเคยแนะนำให้เธอกับศิวัชพบกันเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ซึ่งชายหนุ่มก็ยินดีอย่างยิ่งในวันลองชุดของหนุ่มสาวสี่คน ซึ่งเป็นร้านเดียวกันในระหว่างที่สองสาวฝาแฝดอยู่ด้วยกันในห้องแต่งตัว“ออจะไปฮันนีมูนที่ไหนนะ” พี่สาวถาม“จะไปเกาะพยามน่ะ ไปรอบที่แล้วมัวแต่ทะเลาะกัน ไม่ได้ดูอะไรเลย” อรุณีมาลาพูดปนหัวเราะนิดๆ“พิณดีใจด้วยที่ออมีความสุขสักที” อรุณประภาดีใจกับคู่แฝด เธอไม่เห็นอรุณีมาลาหัวเราะได้จริงๆ มานานแล้ว“จะดีกว่านี้ถ้าเราได้แต่งพร้อมกัน” แฝดน้องพูดด้วยน้ำเสียงสดใสพวกเธอออกมาจากห้องแต่งตัว อรุณีมาลาในชุดไทยจักรพรรดิสีงาช้าง ส่วนอรุณประภาสวมชุดไทย
อรุณีมาลานอนโรงพยาบาลสองวันหมอจึงให้กลับได้ ในเช้าวันที่จะกลับบ้านเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของตัวเองที่แม่บ้านจัดมาให้ ศิวัชเปิดประตูเข้ามาหลังจากที่เขาไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายและรับยามาให้แล้ว“นี่ยานะครับออ” เขาวางถุงยาไว้บนโต๊ะ หญิงสาวเดินมานั่งที่เก้าอี้สำรวจถุงยาว่ามีอะไรบ้าง“ส่วนนี่พี่ซื้อกาแฟมาให้กับขนม” เขาวางกาแฟกับขนมถัดไปจากยา หญิงสาวพึมพำขอบคุณ“ส่วนนี่อีกอย่างครับ แม่พี่ให้มา” เขาวางกล่องกำมะหยี่ลง หญิงสาวมองของแล้วมองหน้าเขาศิวัชนั่งลงกับพื้นตรงหน้าเธอ “วันนี้ออจะได้กลับบ้านที่เป็นบ้านของเรา พี่อยากทำให้ถูกต้อง ไม่อยากให้ใครเอาออไปพูดเสียๆ หายๆ ออแต่งงานกับพี่นะครับ พี่จะได้ดูแลออได้เต็มที่” อรุณีมาลามองหน้าเขา ศิวัชเปิดกล่องแหวนมันเป็นแหวนมรกตน้ำงามล้อมรอบด้วยเพชร“แหวนนี่เป็นแหวนเก่าของท่านตาใช้สวมในท่านยายในวันแต่งงานของท่าน ตกทอดมาถึงคุณแม่ที่เป็นลูกคนเดียวแล้ววันนี้มันจะเป็นของออช่วยรับไว้เก็บไว้ให้ต้นข้าว ในวันแต่งงานของต้นข้าวนะครับ” “แต่งงานเหรอคะ” เธอพึมพำ“ครับ ถ้าออตกลงพ่อกับแม่พี่จะคุยกับคุณอัญ พี่อยากบอกออว่าทั้งหมดที่ผ่านมาพี่รักออ อยากอยู่ใกล้
หญิงสาวตื่นมาอีกทีในตอนเช้าของอีกวัน เวลาเดียวกับที่ศิวัชเปิดประตูห้องน้ำออกมา“พี่ทำออตื่นเหรอเปล่า” เขามองหน้าเธออย่างเป็นห่วง อังมือกับหน้าผากของเธอทำท่าโล่งใจ“ดีนะ ออไม่มีไข้”“กี่โมงแล้วคะ ลูกล่ะ” เธอถาม“ตอนนี้เพิ่งหกโมงเช้าเอง ลูกอยู่กับแม่น่ะออ แม่กับพ่อมาถึงเมื่อคืนตอนเที่ยงคืน ออหลับอยู่พี่เลยไม่ได้ปลุก”“ค่ะ เลยทำคนอื่นลำบากกันไปหมด” “อย่าพูดแบบนั้น ทุกคนที่พูดถึงก็ครอบครัวทั้งนั้น” ศิวัชปลอบ รู้ว่าอรุณีมาลายังกลัวอยู่ “ออย้ายไปอยู่บ้านพี่นะ” ศิวัชบอกเมื่อเห็นเธอพยักหน้าเขาจึงพูดต่อว่า“เดี๋ยวพี่ให้คนไปเก็บของให้ ถ้าออยังกลัวก็ไม่ต้องไปเอง”“อิ๋วด้วยนะคะ ให้มาอยู่ดูแลเด็กๆ ด้วยได้ไหม” อรุณีมาลาห่วงคนของตัวเอง ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างโดนทำร้ายอะไรตรงไหนเธอยังไม่ทันได้ดูเลย“ได้จ้ะ พี่ให้คนของออตรวจร่างกายแล้วเมื่อคืน หมอบอกว่าไม่มีอะไรมาก ฟกช้ำนิดหน่อยตรงข้อมือที่ถูกมัด พี่เลยให้ไปอยู่ที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืน จะได้อยู่เป็นเพื่อนต้นกล้าต้นข้าวด้วย” ศิวัชพูดเสียงนุ่ม“ขอบคุณค่ะ” อรุณีมาลาสบายใจขึ้นบ้าง“ออหิวไหม อยากกินอะไรรึเปล่าพี่ลงไปซื้อให้นะ” เธอส่ายหน้า “เจ
ความคิดเห็น