เข้าสู่ระบบเธอเปรียบเสมือนน้ำมัน ส่วนเขาเป็นไฟเมื่อมาเจอกันจึงพร้อมแผดเผากันและกันให้มอดไหม้ "ฉันเคยเตือนเธอแล้วใช่ไหมอลินดาว่าให้เลิกยุ่งกับน้องสาวฉัน" "ฉันกับน้องสาวคุณเรารักกัน ฉันจะไม่มีวันทำตามคำสั่งคุณ" "เธอดื้อรั้นเองนะอลินดาจะมาหาว่าฉันใจร้ายกับเธอไม่ได้" "คุณคิดจะทำอะไร ออกไปนะ!" "ฉันจะทำให้เธอรู้ไงว่าท่อนเอ็นของผู้ชายมันดีกว่านิ้วเล็ก ๆ เป็นไหน ๆ"
ดูเพิ่มเติมภายในห้องนอนใหญ่เผยให้เห็นร่างของ ‘อลิน หรืออลินดา’ หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยคมกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงคิงไซส์ ก่อนเธอจะค่อย ๆ ลืมตาตื่นในวินาทีต่อมาด้วยอาการมึนงงเล็กน้อย เนื่องจากเมื่อคืนเธอนอนดึกไปเสียหน่อย แต่ทว่าเช้าวันนี้ดันมีนัดกับใครบางคนเอาไว้ที่ร้านอาหารสุดหรูใจกลางเมือง นั่นจึงทำให้เธอจำเป็นที่จะต้องตื่นเร็วกว่าปกติ
ครั้นตื่นดีแล้วเธอก็รีบตรงดิ่งเข้าไปให้ห้องน้ำเพื่อทำกิจวัตรประจำทันที ใช้เวลาราว ๆ ครึ่งชั่วโมงในการอาบน้ำสระผมจนเสร็จสรรพ และใช้เวลาในการแต่งตัวอีกเกือบๆ ครึ่งชั่วโมงเศษ ไม่แปลกเลยว่าทำไมเธอถึงต้องตื่นเร็ว เพราะไม่อย่างนั้นคงจะไปไม่ทันเวลาที่นัดหมายอีกฝ่ายเอาไว้เป็นแน่
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยครบถ้วนแล้วเธอก็เหลือบสายตาไปดูเวลา ขณะนี้เป็นเวลาเก้าโมงครึ่งแล้วเวลาที่นัดแนะกับอีกคนเอาไว้ คือ สิบโมงตรงดูท่าแล้วคงจะได้ไปสายแน่ ๆ เพราะรถราบนท้องถนนไม่เป็นใจแหง ๆ คิดได้ดังนั้นเธอก็รีบคว้ากระเป๋าสะพายเดินออกจากห้องทันที
และทันทีที่เปิดประตูออกจากห้องเธอก็เจอเข้ากับอคินคนเป็นน้องชาย เธอไม่คิดจะสนใจเพราะเร่งรีบจะออกไปข้างนอกเพียงเหลือบมองน้องชายเล็กน้อยแล้วสาวเท้าเดินต่อ ทว่าก้าวเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงักเพราะประโยคที่ดังตามหลังมา
“นี่พี่จะไปไหนแต่เช้าเนี่ย พ่อกับแม่ให้ตามไปกินข้าวเช้าด้วยกันห้ามเบี้ยว”
เธอถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะหันกลับไปตอบด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ “พี่มีนัดแล้วบอกพ่อกับแม่ว่าตอนเย็นจะกลับมาทานด้วย ตอนนี้พี่ต้องรีบไปสายแล้ว”
“เดี๋ยวนี้อยู่ไม่ติดบ้านเลยนะ ถามจริงไปแอบคบหนุ่มที่ไหนหรือเปล่าอลิน” ในขณะที่สองพี่น้องกำลังสนทนากันอยู่จู่ ๆ อลัน แฝดผู้พี่ของอลินดาที่เดินมาจากไหนไม่รู้ก็ดังแทรกขึ้น
“ไม่มีหนุ่มที่ไหนทั้งนั้นอะ แค่จะออกไปกินข้าวกับเพื่อน” อลินดารีบเอ่ยปากปฏิเสธออกไปอย่างทันควัน ก่อนจะยกแขนขึ้นกอดอกวางมาด หวังให้อลันเชื่อในคำพูดของเธอแล้วเลิกตั้งคำถามกับการออกไปข้างนอกบ่อย ๆ สักที
“ใครเชื่อก็บ้าแล้ว ดูดิแต่งตัวอย่างกับจะไปเดต ใคร ๆ เขาก็ดูออกทั้งนั้นแหละ”
“ก็ปกติของพี่อลินนะ พี่อลันนั่นแหละชอบจับผิด”
“เออ จริงอย่างที่น้องมันบอกเลิกจับผิดอลินเหอะ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละแค่ไปกินข้าวกับเพื่อนสนิทเฉย ๆ” เธอเอ่ยสมทบประโยคก่อนหน้าของอคิน ทั้งยังทำหน้างอใส่แฝดผู้พี่ด้วยความหมั่นไส้กับความชอบจับผิดของพี่ชาย
“แหม เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ” อลันอดพูดแซะน้องสาวฝาแฝดกับน้องชายไม่ได้ ก่อนจะถามไถ่ถึงคนที่น้องสาวฝาแฝดจะไปหา “ว่าแต่เพื่อนคนไหนที่จะไปหา คนชื่อหยกอะไรนั่นน่ะเหรอ”
“อืม คนนั้นแหละรู้แล้วจะถามทำไม”
“ก็ไม่รู้ไงถึงได้ถาม แต่จะว่าไปเธอสองคนนี่ก็แปลก ๆ ตัวติดกันตลอดเลย หากน้องหยกเป็นผู้ชายฉันคงคิดว่าเป็นแฟนกันไปแล้ว” อลันยังคงคิดที่จะจับผิดน้องสาวอยู่อย่างนั้น แต่อันที่จริงเขาก็ไม่ได้คิดจริงจังอะไร เพียงแค่ต้องการหยอกล้อให้อลินดาหัวเสียเล่น ๆ ตามประสาพี่น้องท้องเดียวกันก็เท่านั้น
ทว่าคำพูดเล่น ๆ ของอลันกับไปจี้ถูกจุดอลินดาเสียอย่างนั้นเพราะความจริงแล้วหยกคนที่เธอบอกใคร ๆ ว่าเป็นเพื่อนสนิทกันเป็นแฟนของเธอต่างหาก
สาเหตุที่เธอต้องปิดบังเรื่องนี้เพราะรู้ว่าทั้งครอบครัวของเธอและครอบครัวของแฟนสาวคงรับไม่ได้ และไม่ยอมรับอาจจะขัดขวางความรักของเธอด้วยซ้ำการคบกันเงียบ ๆ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“พี่อลันก็พูดไปเรื่อย” เธอนิ่งเงียบไปนานนับนาทีก่อนแสร้งทำตีหน้ายักษ์ใส่พี่ชายฝาแฝดกลบเกลื่อนพิรุธ
“แต่ก็จริงอย่างที่พี่อลันบอก พี่อลินสนิทกับพี่หยกขนาดนั้นมันก็แปลก ๆ อยู่นะ” ครั้งนี้อคินเห็นด้วยกับคนเป็นพี่ชายเอ่ยพลางมองหน้าพี่สาวอย่างจับพิรุธ
“แปลกอะไร แปลกตรงไหนก็ปกตินิ” วินาทีนี้อลินถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง แต่ก็พยายามพูดจาเสียงดังทำเป็นขึงขังเหมือนไม่พอใจ ก่อนจะเดินหนีไป “ฉันไม่คุยกับพวกแกแล้ว”
“เฮ้อ..เกือบถูกจับได้แล้ว” เธอลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกหลังจากขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว เธอนั่งทำใจให้นิ่งอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะขับรถออกจากบ้านมุ่งตรงสู่จุดหมาย
ใช้เวลาในการขับรถครึ่งชั่วโมงก็มาถึงร้านอาหารอิตาลีที่นัดกับแฟนสาวไว้ เธอไม่รอช้าเปิดประตูลงจากรถเดินเข้าไปภายในร้านทันทีเพราะนี่ก็เลยเวลานัดมาหลายนาทีแล้วแฟนสาวคงโกรธแน่ ๆ
เธอลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อมองไปเห็นแฟนสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ งานนี้เธอคงโดนบ่นชุดใหญ่ได้แต่ทำใจแล้วรีบเดินไปหาแฟนสาวด้วยใบหน้ารู้สึกผิด
“เธอ ขอโทษนะสายอีกแล้ว...” เมื่อเดินมาถึงโต๊ะก็รีบกล่าวขอโทษด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มพลางส่งสายตาอ้อนสุดฤทธิ์หวังให้แฟนสาวเห็นใจ ขณะเดียวกันก็นึกโกรธตัวเองนักทั้งที่พยายามตื่นเช้าแล้วแท้ ๆ ทว่าก็ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์สักเท่าไรเลย...
“ไม่ต้องมาพูดเลย ไหนบอกว่าครั้งนี้จะมาก่อนเวลาไง ให้เค้ารออีกแล้วนะ” โยษิตาไม่ได้ใจอ่อนกับท่าทางออดอ้อนของสาวคนรักสักนิดมองค้อนไปด้วยความไม่พอใจเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สาวคนรักมาสาย
แต่ตั้งแต่ครบมาจนปีที่เก้าสาวคนรักก็ยังมาสายเกือบทุกครั้งจะไม่ให้เธอโกรธได้ยังไงกัน
“เค้าขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะมาสายนะ พอดีพ่อกับแม่ชวนกินข้าวน่ะก็เลยตีกับอคิน อลันอยู่สักพัก กว่าจะได้ออกมาก็สายแล้ว ขอโทษน้าสัญญาว่าคราวหน้าจะไม่ให้เธอรออีกแล้ว ดีกันนะ” อลินดารีบพูดบอกเหตุผลในการมาเลยเวลานัดหมายครั้งนี้ออกไปให้ผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้ฟังพลางยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าแฟนสาวหวังขอเกี่ยวก้อยคืนดี
เธอเองก็ไม่อยากแก้ตัว แต่เดิมทีแล้วไม่ได้มีเจตนาที่จะมาสายเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องมาส่งสายตาอ้อนเลย ไม่ดีด้วยหรอก” แน่นอนว่าโยษิตาไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลเธอเข้าใจ แต่เพราะอยากทำให้คนรักหลาบจำว่าไม่ควรปล่อยให้แฟนสาวอย่างเธอต้องมานั่งรอคนเดียวนาน ๆ จึงยังทำเป็นโกรธเอ่ยตอบพร้อมทั้งสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ไม่สนใจนิ้วก้อยของอีกฝ่ายที่ยื่นมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอเพื่อขอคืนดีสักนิด
“โอ๋ งอนจริงซะด้วยไม่เอาน่าเค้าขอโทษ สัญญาด้วยเกีรยติเลยว่าต่อจากนี้จะไม่มีแบบนี้อีกแล้ว”
“ลินก็พูดแบบนี้ตลอด แล้วเป็นไงล่ะ...ไม่เคยทำได้จริงสักที”
“โธ่ เค้าขอโทษผิดไปแล้วจริง ๆ ขอโทษนะคะคนดี” อลินดายังคงไม่ยอมแพ้ในการง้อแฟนสาวคราวนี้งัดไม้ตายออกมาใช้ เธอรู้ว่าหยกแพ้คนขี้อ้อนยิ่งถ้าพูดเพราะแล้วด้วยยิ่งไปกันใหญ่
ไม่ว่าจะกี่ครั้ง ๆ ที่เธอเผลอทำผิดโดยที่ไม่ตั้งใจก็มักจะได้ไม้นี้ตลอด ซึ่งมันก็ได้ผลดีเสมอมา
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ หญิงสาวเจ้าของใบหน้าหวานหันมองนิ้วก้อยน้อย ๆ ทันทีก่อนที่จะเหลือบสายตาแสนดุดันขึ้นมองหน้าอลินดาเพื่อเตือนเป็นนัย ๆ ว่าห้ามมีครั้งต่อไปเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นดีกัน
“ห้ามมีครั้งต่อไปนะ ไม่งั้นเค้าเอาเธอตายแน่”
“อื้ม ไม่มีครั้งต่อไปแล้วจริงๆ นะ เอาหัวใจไปเป็นตัวประกันเลยก็ได้”
“พอแล้ว เลิกหยอดได้แล้วน่าทำเหมือนตอนจีบกันใหม่ ๆ ไปได้”
โยษิตาแบะปากอย่างนึกหมั่นไส้กับคำหยอดหวาน ๆ ของแฟนสาว ก่อนจะยอมเกี่ยวก้อยคืนดีกับแฟนสาวขี้อ้อนของเธอแต่โดยดีแม้ว่าในใจจะแอบเคืองอยู่ไม่น้อยเลยก็ตาม ทว่าความรักมักทำให้คนหน้ามืดตามัว เธอจะทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน...
“แล้วไม่ดีเหรอ?”
“ก็เปล่า มันก็ดีนั่นแหละ แต่เธอก็รู้ว่าเค้าแพ้อะไรแบบนี้เพราะฉะนั้นห้ามทำ เข้าใจไหม?”
“ห้ามทำเลยเหรอคะ ทำไมอ่าเค้าไม่น่ารักเหมือนตอนที่เธอมาสารภาพรักเค้าแล้วเหรอ?”
“ไอ้บ้า ใครให้พูดถึงอดีต เค้าไม่เคยทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย”
“ใช่เหรอ แต่เค้าจำได้ว่า..”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นเค้าโกรธเธออีกแน่”
อลินดายังคงเย้าแหย่แฟนสาวไม่เลิกแม้อีกฝ่ายจะห้ามปราม ก่อนเธอจะต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากเมื่อได้ยินคำขู่ และสายตาเคือง ๆ จากแฟนสาว “โอเค ๆ เค้าไม่พูดแล้วก็ได้”
แม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งเธอกับแฟนสาวจะผ่านมาถึงเก้าปีแล้ว แต่ทว่าความหวานก็ไม่เคยลดลงเลยสักนิดเดียว วันแรกที่ตกลงคบกันเป็นอย่างไร จนถึงปัจจุบันมันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ไม่เคยเปลี่ยนเลย....
วันต่อมา ทั้งสองก็พากันไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล แล้วไปจดทะเบียนสมรสที่สำนักงานทะเบียนต่อ"เราเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วนะ ต่อจากนี้ห้ามชายตามองผู้ชายคนไหนแม้แต่นิดเดียว" ทันทีที่ใบทะเบียนสมรสที่มีลายลักษณ์อักษรของหญิงสาวกับตัวเองอยู่ในมือมาเฟียหนุ่มก็ยืดออกแสดงความความเป็นเจ้าของอย่างเต็มภาคภูมิ"แค่ดูเป็นอาหารตาก็ไม่ได้เหรอคะสามี" อลินดาพูดหยอกสามีป้ายแดงด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มบาง ๆ ขณะกำลังจูงมือกันเดินออกจากสำนักงานทะเบียน"มีผัวหล่อขนาดนี้แล้วจะไปมองผู้ชายคนอื่นทำไม มองผัวนี่แหละครับเป็นอาหารตาชั้นดี" เธอได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ พอได้ยินคำพูดจาหลงตัวเองของคนเป็นสามีเธอเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเขาก็หลงตัวเองเหมือนกัน ต่อให้ที่เขาพูดมาจะจริงก็เถอะ ด้วยความมันเขี้ยวอดพูดแกล้งเขาไปไม่ได้ "พี่หล่อก็จริง แค่มองทุกวันมันก็เบื่อเหมือนกันนะ"คำพูดจากริมฝีปากอิ่มทำคนฟังหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความไม่ชอบใจ พลันหยุดเดินอัตโนมัติแล้วหันไปมองหน้าร่างบางพร้อมพ่นคำพูดออกไประรัว"อย่าแม้แต่จะคิด ห้ามเบื่อ ห้ามเลิกรัก ห้ามมองผู้ชายคนอื่น ห้ามทิ้งกัน ห.."อลินดาฟังแทบไม่ทันจนเธอต้องรีบยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก
เมื่อกลับมาถึงคอนโดเธอยังคงทำตัวปกติรอจนมาเฟียหนุ่มหลับจึงแอบเอาที่ตรวจครรภ์ไปตรวจในห้องน้ำ หัวใจดวงน้อย ๆ เต้นแรงแทบจะกระเด็นกระดอนออกมานอกอกระหว่างที่กำลังรอผลตรวจ มันลุ้นเสียยิ่งกว่าลุ้นเสียอีก หากถามว่าเธอพร้อมมีลูกในตอนนี้ไหมตอบเลยว่าไม่ แต่หากว่าลูกมาแล้วจริง ๆ เธอก็คงต้องพร้อมให้ได้ "อึก.." เธอลอบกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงลำคอแห้งผากอึกใหญ่ ก่อนจะยื่นมือที่สั่นเพราะความตื่นเต้นไปหยิบที่ตรวจครรภ์ที่วางบนอ่างล้างหน้าขึ้นมาดู "อ่า..ทำไมรีบมาจังลูกแม่ยังใช้ชีวิตวัยรุ่นไม่คุ้มเลย" พอเห็นผลตรวจที่ขึ้นสีแดงสองขีดเธอถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับความรู้สึกมันตีกันมั่วไปหมด ใจหนึ่งเธอก็ดีใจแต่อีกใจก็นึกกังวลอะไรหลาย ๆ อย่าง เธอหลับตาลงพยายามตั้งสติ ขจัดความรู้สึกไม่ดีออกไป จากนั้นก็กำที่ตรวจครรภ์ไว้ในมือแน่นแล้วเปิดประตูเดินออกจากห้องน้ำ เดินไปหย่อนก้นนั่งบนเตียงข้าง ๆ ร่างสูงที่นอนหลับอยู่ สายตาจ้องมองใบหน้าคมคายด้วยความรู้สึกมันเขี้ยวที่เธอท้องคงจะสมใจเขาแล้วสิ นิ้วเรียวยื่นไปกรีดกรายตามแนวคิ้วโก้งทั้งสอง แล้วค่อย ๆ ลากลงตามจมูกโด่งเป็นสันมาหยุดที่ริมฝีปากหยักสีชมพูพลางครุ่นคิดในใจว่าหากเป็นล
เป็นเพราะเธอที่เข้ามาทำให้โลกอันดำมืดของเขาสว่างไสว เธอเป็นคนที่เข้ามาเติมทุกอย่างที่เขาขาดหายให้เต็มแล้วแบบนี้จะไม่ให้เขารัก และขอบคุณเธอได้ยังไงกันสองสายตามองสบประสานกันอย่างลึกซึ้งส่งผ่านความรู้สึกมากมายที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ก่อนทั้งสองจะละสายตาจากกันเมื่อหมอวัยกลางคนเดินเข้ามา มีแค่มีที่ยังกอบกุมกันไว้แน่นด้วยลุ้นระทึกกับผลตรวจที่อยู่ในมือหมอ"ผลตรวจร่างกายของคนไข้ปกติทุกอย่างครับ ไม่มีอะไรต้องกังวล" พอได้ฟังผลตรวจทั้งมาเฟียหนุ่มกับอลินดาก็ถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ด้วยรู้สึกโล่งอกที่ผลออกมาปกติ ทว่าอีกใจก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดีกับอาการที่เป็นอยู่"แล้วอาการที่ผมเป็นอยู่นี่ล่ะครับ" มาเฟียหนุ่มถามไถ่ไป"จากอาการที่คนไข้บอกมาถ้าร่างกายปกติก็มีเพียงอย่างเดียวครับ" หมอวัยกลางคนกล่าวยิ้ม ๆ แล้วเงียบไปชั่วครู่จึงเอ่ยต่อ "แพ้ท้องแทนภรรยา""ห๊ะ!!"สิ้นคำบอกกล่าวจากหมอมาเฟียหนุ่มกับอลินดาถึงกับตาเบิกกว้างร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจระคนฉงน พลันหันมองหน้ากันอัตโนมัติ"ประจำเดือนน้องอลินมารึยังเดือนนี้" มาเฟียหนุ่มรีบถามไถ่ด้วยความตื่นเต้นพลางก้มมองหน้าท้องของคนรัก ลึก ๆ ในใจเขาอยากให
หนึ่งเดือนต่อมา.."พี่แทนลุกขึ้นมากินข้าวอย่าเอาแต่นอนแบบนี้" อลินดาเขย่าเรียกคนตัวโตที่เอาแต่นอนตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงข้าวปลาก็ไม่ยอมลุกขึ้นมาทานด้วยความเป็นห่วงช่วงหนึ่งอาทิตย์มานี้เขาเอาแต่นอน ข้าวปลาก็ไม่ค่อยทานบอกว่าเบื่อจนน้ำหนักลดลงไปหนึ่งกิโลแล้ว หนำซ้ำยังมีอาการอ่อนเพลีย ปวดท้องปวดหลังราวกับผู้หญิงมีประจำเดือนยังไงยังงั้น แต่พอพาไปหาหมอหมอกลับบอกว่าปกติทุกอย่างถามว่าเขามีความเครียดหรือเปล่าเขาก็บอกว่าไม่เลย เขามีความสุขที่สุดด้วยซ้ำเพราะได้อยู่กับเธอแทบทุกวันทุกคืนตั้งแต่วันที่ไปหาพ่อแม่ของเธอด้วยกัน ได้พูดคุยจนเข้าใจเธอกับเขาก็ไปมาหาสู่ และอยู่ด้วยกันบ่อยขึ้นซึ่งมาเฟียหนุ่มจะมาอยู่ที่คอนโดของเธอเรียกได้ว่าตอนนี้เขาครองห้องเธอไปแล้ว ส่วนเธอก็มีบางคืนที่กลับไปนอนที่บ้านบ้างเพื่อไม่ให้พ่อแม่ว่าเอาได้ว่าอยู่แต่กับผู้ชายจนลืมบ้านลืมช่อง "พี่แทนลุกขึ้นมากินอะไรสักนิดก่อน แล้วค่อยนอนต่อ" เธอเขย่าคนตัวโตแรงกว่าเดิมเมื่อเขายังคงนอนหลับต่อ "ตื่นแล้วครับ" ในที่สุดคนถูกปลุกก็ต้องลืมตาตื่นด้วยความจำใจ เขายกมือทั้งสองขยี้ตาไล่อาการงัวเงียออก ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งด้วยความรู้สึกที่
ภายในห้องน้ำเปลี่ยนเป็นสมรภูมิรักของคนทั้งสองไปแล้วน้ำที่ว่าเย็นก็ดับความร้อนแรงนี้ไม่ได้ มาเฟียหนุ่มเดินหน้ากระแทกไม่หยั่ง อีกคนก็รอรับด้วยความกระสันเสียวและสุขสม กว่าจะอิ่มหนำก็ใช้เวลาไปไม่น้อยอลินดาถึงกับขาอ่อนยืนไม่ไหวเป็นมาเฟียหนุ่มที่ต้องคอยดูแลจัดการอาบน้ำถูสบู่ และสระผมให้ แล้วอุ้มออกมาวางบนเตียง"หึ" มาเฟียหนุ่มหัวเราะในลำคออย่างนึกเอ็นดูคนตัวเล็กที่นั่งตาปอยอยู่ริมเตียง ก่อนจะโน้มหน้าลงไปจูบหน้าผากมนเบา ๆ แล้วเดินไปเอาผ้าขนหนูอีกผืน จากนั้นก็กระโดดขึ้นเตียงไปนั่งข้างหลังเธอจัดการเช็ดผมให้อลินดายกยิ้มออกมาน้อย ๆ กับการกระทำแสนอ่อนโยนของคนตัวโตใครจะคิดว่ามาเฟียหนุ่มอย่างเขาจะมีมุมอ่อนโยนด้วย เขาอ่อนโยนจนบางทีเธอก็คิดไม่ถึง"ขอบคุณค่ะ" ครั้นเขาเช็ดผมให้เสร็จเธอก็เอี้ยวหน้าไปขอบคุณพร้อมทั้งฉีกยิ้มให้เขาจนตายี มาเฟียหนุ่มจึงใช้จังหวะนั้นจุบปากเธอไปหนึ่งทีถือเป็นค่าเช็ดผม แล้วจึงลุกลงจากเตียงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อให้เธอใส่ เขายืนเลือกอยู่สักพักโดยมีอลินดานั่งมองที่เตียง เมื่อเลือกได้ก็พาไปยื่นให้ "ใส่ไปก่อนครับ เดี๋ยวชุดน้องอลินพี่ให้แม่บ้านเอาไปซักให้"อลินดามองเสื
ทั้งสองรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงค่ำ ๆ หลังจากนอนพักเอาแรงกันจนอิ่มแล้วมาเฟียหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมาเปิดหน้าจอดูเวลา เมื่อเห็นว่าใกล้สองทุ่มแล้วจึงบอกกล่าวกับร่างบางในอ้อมกอด "ลุกขึ้นไปอาบน้ำครับจะได้ไปหาอะไรกินกัน""ขอนอนนิ่ง ๆ แบบนี้อีกสักพักได้ไหม" อลินดาแสดงท่าทีงอแงเพราะรู้สึกง่วง ๆ และขี้เกียจน้อย ๆ ซึ่งมาเฟียหนุ่มก็ไม่คิดขัดใจปล่อยให้เธอนอนกอดเขาต่อไปไม่คิดจะลุกหนีผ่านไปราว ๆ ยี่สิบนาทีจึงเรียกเธออีกครั้ง "พี่ว่าลุกขึ้นได้แล้วครับน้องอลิน""หือ.." อลินดาถึงกับตาโตหูผึ่ง ผงกหน้าขึ้นมองคนตัวโตด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินคำเรียกที่เขาเรียกแทนตัวเองและเธอ มันฟังดูละมุนจนรู้สึกจักกะจี้ในหัวใจ ไม่คุ้นชินเอาเสียเลย"หืออะไรครับ ต่อไปนี้เราจะเรียกกันแบบนี้โอเคไหมครับ" "โอเคก็ได้ค่ะ" อลินดาพยักหน้าเอออออย่างว่าง่ายแม้จะรู้สึกเขอะเขิน และไม่ชินหูก็ตาม"น่ารักที่สุด" มาเฟียหนุ่มก้มลงหอมหน้ามนฟอดใหญ่ ก่อนจะเคลื่อนลงหอมแก้มซ้ายขวาของเธอต่อด้วยความรักใคร่เอ็นดู ขณะที่คนถูกหอมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หลังจากเธอตัดสินใจวางทิ้งความรู้ไม่ดีต่อมาเฟียหนุ่มเกี่ยวกับเรื่องในอดีต และท
ความคิดเห็น