LOGINอัจฉริยะทางการแพทย์ยุคปัจจุบันเดินทางข้ามผ่านเวลากลายมาเป็นพระชายาอ๋องผู้ถูกทอดทิ้ง แม้แต่ลูกชายของตนยังถูกเรียกว่าลูกนอกสมรส! จ้าวสงครามที่สองขาพิการรังเกียจนางเยี่ยงมด แม้แต่การอยู่การกินของนางก็แสนระกำลำบาก! ดีที่นางมีมืออันวิเศษของหมออัจฉริยะ และพรแห่งห้วงเวลาอยู่ ถูกคนรับใช้ดูหมิ่น ก็ทำให้ตาบอดเสียเลย! พวกนางรับใช้ แม่นมรังแก ก็ตัดเส้นเอ็นข้อมือเสียให้! สามีขี้เผด็จการ ก็แขวนเขาไว้บนต้นไม้ซะสิ! หลิงอวี๋ถลกแขนเสื้อขึ้น ทำเสียจนตำหนักอ๋องอี้วุ่นวาย! อาศัยมือวิเศษคู่นั้นที่ช่วยชีวิตท่านเสนาบดี ช่วยชีวิตไทเฮา... ! ชนะใจชายหนุ่มผู้มากยศมั่งคั่งทั้งหลาย ในที่สุด นางก็ถูกสามีจ้าวสงครามต้อนจนมุมเสียได้ “ขโมยทั้งร่างกายทั้งหัวใจข้า ยังคิดที่จะหนีไปให้ไร้ร่องรอยอีกรึ?”
View Moreหากสองใจรักมั่นนิรันดร์กาล ไหนเลยจะต้องอยู่เคียงกันทุกทิวาราตรี!ชั่วขณะนั้น หลิงหว่านพลันคิดตกขอเพียงในใจของเผยอวี้มีนาง ต่อให้มิได้แต่งงานกับเขา แต่ได้คอยประคับประคอง ปลอบโยนซึ่งกันและกันเช่นนี้ เพียงเท่านี้ก็ดีมากแล้ว!หากเผยอวี้มิแต่งภรรยาอื่น นางเองก็จะมิยอมออกเรือนกับบุรุษใด!นางเชื่อมั่นว่าท่านพ่อท่านแม่ หรือแม้แต่ท่านอดีตเสนาบดี จะต้องเข้าใจและสนับสนุนนางเป็นแน่!“หว่านเอ๋อร์!”เผยอวี้เองก็ตระหนักถึงความนัยในวาจานั้น เขาเผลอกระชับอ้อมกอด รั้งร่างของหลิงหว่านแนบชิดอกอีกครา“เชื่อข้า ข้าจะมิปล่อยให้เจ้าต้องรอนานถึงเพียงนั้น! และข้ายิ่งไม่มีวันปล่อยให้เจ้าต้องแก่เฒ่าไปอย่างโดดเดี่ยว!”“เพราะข้า... ตัดใจทำเช่นนั้นมิได้...”เมื่อรับรู้ถึงความรู้สึกที่หลิงหว่านมีต่อตนอย่างแน่ชัด เผยอวี้ก็ยิ่งมั่นใจเปี่ยมล้นเขาจะต้องทำให้ท่านพ่อท่านแม่ยอมรับการแต่งงานนี้ด้วยความเต็มใจให้จงได้ถึงยามนั้น เขาจะจัดงานแต่งอย่างยิ่งใหญ่ ให้หลิงหว่านได้แต่งเข้ามาอย่างสมเกียรติและภาคภูมิทั้งสองกอดกันเงียบงัน นี่เป็นคราแรกที่ต่างฝ่ายต่างเปิดเผยความในใจ ทำให้พวกเขารู้สึกว่าความสุขเช่นนี้ช่างได้ม
“หว่านเอ๋อร์...”เผยอวี้พึมพำแผ่วเบา “เรื่องที่เกิดขึ้นในฉินตะวันตก องค์จักรพรรดิทรงเล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว!”“ข้าขอโทษ ครอบครัวข้าทำให้เจ้าต้องเจ็บช้ำน้ำใจ!”หลิงหว่านพยายามหยัดกายลุกขึ้น ทว่ากลับถูกเผยอวี้โอบกอดไว้แน่น เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก“หว่านเอ๋อร์ ชาตินี้หากมิใช่เจ้า ข้าก็จะมิขอแต่งงานกับผู้ใด!”“หากพวกเขามิเห็นด้วย ข้าจะพยายามเกลี้ยกล่อมจนกว่าจะยอม!”“หนึ่งปี สองปี ขอเพียงเจ้ายินดีรอข้า ข้าจะไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด!”หลิงหว่านชะงักงันไปทันทีเผยอวี้กับเซียวหลินเทียนอายุไล่เลี่ยกัน ลูกของเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ก็ห้าขวบกว่าแล้ว แต่เผยอวี้กลับบอกว่าขอเพียงนางยอมรอ เขาจะเพียรพยายามเกลี้ยกล่อมคนในครอบครัวให้ยอมรับนางให้ได้!เผยอวี้มิรีบร้อนเรื่องสืบทอดทายาทตระกูลเผย มีลูกหลานสืบสกุลหรือไรกัน?“หว่านเอ๋อร์ ข้าชอบเจ้า!”เสียงของเผยอวี้ดังขึ้นข้างหูหลิงหว่าน เขาเอ่ยด้วยความรวดร้าว “ข้านึกภาพมิออกเลยว่าตัวข้าเองจะแต่งงานกับสตรีอื่นได้อย่างไร!”“ข้าอยากให้เจ้าเป็นคนให้กำเนิดลูกของข้า... ข้าอยากให้ทุกวันหลังเลิกประชุมขุนนาง เมื่อกลับถึงเรือนก็ได้กินฝีมือปลายจวักของเจ้า!”“
“องค์จักรพรรดิ ท่านทรงมอบพระราชโองการสมรสพระราชทานให้กระหม่อมแต่งงานกับหว่านเอ๋อร์มิได้หรือขอรับ?”เผยอวี้วิงวอนอย่างปวดร้าวเซียวหลินเทียนกล่าวอย่างจนใจ “เรื่องนี้พี่หญิงหลิงหลิงของเจ้าลั่นวาจาไว้แล้วว่าห้ามก้าวก่าย!”“เผยอวี้ นางพูดถูกแล้ว ชีวิตวันหน้าคือหว่านเอ๋อร์ที่ต้องอยู่ร่วมกับคนตระกูลเผย หากท่านแม่และท่านย่าของเจ้ายังมิยอมรับนาง หว่านเอ๋อร์แต่งเข้าไปก็คงมีแต่ความทุกข์ใจ!”“เจ้าเป็นพี่น้องของข้า ข้าย่อมอยากเห็นเจ้ามีความสุข และข้าก็มิอยากให้เจ้ากลับบ้านไปแล้วต้องจมอยู่ท่ามกลางศึกพวกนางทุกวัน!”วาจาของเซียวหลินเทียนล้วนเป็นความจริง ไหนเลยเผยอวี้จะมิเข้าใจหลักการที่ว่าครอบครัวปรองดองนำมาซึ่งความเจริญทว่าจะให้เขาตัดใจจากหว่านเอ๋อร์เพื่อตามใจท่านแม่และท่านย่า เขาทำมิได้“เอาเช่นนี้เถิด รอให้กลับไปแล้วเจ้าลองเกลี้ยกล่อมท่านแม่ของเจ้าดูอีกครั้ง หากนางยอมเปลี่ยนท่าที ข้าจะประทานสมรสให้พวกเจ้าเอง!”เซียวหลินเทียนพูดปลอบโยนเผยอวี้กำหมัดแน่นด้วยความคับแค้นใจ รู้สึกไร้เรี่ยวแรงและจนปัญญายามเผชิญหน้าศัตรูเขามิเคยหวาดหวั่น ทว่าสิ่งที่ต้องเผชิญหาใช่ศัตรูไม่ แต่เป็นท่านแม่และท่าน
หลิงอวี๋และหลิงหว่านแยกตัวไปจัดเตรียมสำรับมื้อค่ำ เผยอวี้ได้แต่เหม่อมองแผ่นหลังของหลิงหว่านที่เดินจากไป ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ยากจะอธิบายหลิงหว่านยังจดจำความแค้นเคืองที่มารดาและท่านย่าของเขาเคยคัดค้านมิให้นางแต่งเข้าตระกูลเผยอยู่หรือไม่?ที่นางแสดงท่าทีห่างเหินเย็นชาประหนึ่งคนแปลกหน้าเช่นนี้ เป็นเพราะนางมิอยากจะข้องแวะกับเขาอีกแล้วหรือ?“เผยอวี้ เข้ามา!”เซียวหลินเทียนเดินนำเข้าไปในห้อง เมื่อสัมผัสได้ว่าเผยอวี้มิได้ตามเข้ามา จึงเอ่ยเรียกขึ้นเผยอวี้รีบก้าวตามเข้าไป ทันใดนั้นก็เห็นจั่วชิวเดินนำอยู่ด้านหน้า ส่วนเซียวหลินเทียนเดินตามหลังเผยอวี้ชะงักไปเล็กน้อย ตามกฎแล้วจั่วชิวเป็นเพียงองครักษ์เงา ย่อมมิอาจเดินนำหน้าผู้เป็นนายได้ทว่าเพียงชั่วพริบตาเผยอวี้ก็เข้าใจสถานการณ์ ดวงตาของเซียวหลินเทียนมองมิเห็น จั่วชิวซึ่งมีหน้าที่ดูแลจึงต้องเดินนำหน้าเพื่อคอยบอกทิศทางขอเพียงเซียวหลินเทียนใช้หูฟังเสียงฝีเท้าและเดินตามการนำทางของเขา ก็จะมิเดินพลาดเป้าเช่นนี้แล้ว จั่วชิวก็เปรียบเสมือนดวงตาของเซียวหลินเทียนนั่นเองเมื่อคิดได้ดังนั้น เผยอวี้ก็อดรู้สึกปวดร้าวและสะท้อนใจมิได้






Ratings
reviewsMore