LOGINอัจฉริยะทางการแพทย์ยุคปัจจุบันเดินทางข้ามผ่านเวลากลายมาเป็นพระชายาอ๋องผู้ถูกทอดทิ้ง แม้แต่ลูกชายของตนยังถูกเรียกว่าลูกนอกสมรส! จ้าวสงครามที่สองขาพิการรังเกียจนางเยี่ยงมด แม้แต่การอยู่การกินของนางก็แสนระกำลำบาก! ดีที่นางมีมืออันวิเศษของหมออัจฉริยะ และพรแห่งห้วงเวลาอยู่ ถูกคนรับใช้ดูหมิ่น ก็ทำให้ตาบอดเสียเลย! พวกนางรับใช้ แม่นมรังแก ก็ตัดเส้นเอ็นข้อมือเสียให้! สามีขี้เผด็จการ ก็แขวนเขาไว้บนต้นไม้ซะสิ! หลิงอวี๋ถลกแขนเสื้อขึ้น ทำเสียจนตำหนักอ๋องอี้วุ่นวาย! อาศัยมือวิเศษคู่นั้นที่ช่วยชีวิตท่านเสนาบดี ช่วยชีวิตไทเฮา... ! ชนะใจชายหนุ่มผู้มากยศมั่งคั่งทั้งหลาย ในที่สุด นางก็ถูกสามีจ้าวสงครามต้อนจนมุมเสียได้ “ขโมยทั้งร่างกายทั้งหัวใจข้า ยังคิดที่จะหนีไปให้ไร้ร่องรอยอีกรึ?”
View Moreแววตาเช่นนั้นของลุงซินช่างขัดแย้งกับรูปลักษณ์ที่แก่ชราของเขา หลิงอวี๋นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ครั้นคิดจะมองอีกครั้ง ลุงซินก็ก้มศีรษะลงเสียแล้ว กลับไปมีท่าทีต้อยต่ำและนอบน้อมดังเดิม“พระนางหลิง เชิญทางนี้เถิด!”ชิงเสวียนหันกลับมาเอ่ยเรียกในใจของหลิงอวี๋บังเกิดความคลางแคลงใจต่อท่าทีของลุงซิน แต่ชั่วขณะนี้ยังไม่มีเวลาครุ่นคิดให้ลึกซึ้ง จึงได้แต่เดินตามชิงเสวียนเข้าไปด้านในเมื่อเดินอ้อมลานเรือนรองด้านหลัง ผ่านระเบียงทางเดินทอดยาวหลายสาย ในที่สุดก็มาถึงเรือนชั้นในอันเป็นที่พำนักของฮูหยินหยางเหล่าสาวใช้ที่พบระหว่างทาง เมื่อเห็นชิงเสวียนต่างก็ก้มศีรษะคารวะ ไม่มีผู้ใดตั้งข้อสงสัยที่นางพาหลิงอวี๋เข้ามาด้วยครั้นมาถึงเรือนชั้นใน สาวใช้คนหนึ่งที่เฝ้าประตูอยู่เห็นชิงเสวียน จึงร้องประกาศเสียงดังว่า “ฮูหยิน คุณหนูชิงเสวียนกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”เสียงที่แก่ชราเสียงหนึ่งดังแว่วมาจากด้านใน “ให้นางเข้ามา!”หลิงอวี๋ได้ยินเสียงนี้ก็มิได้เอะใจอันใด นางนึกว่าเป็นเสียงของแม่นมข้างกายฮูหยินหยางชิงเสวียนจึงขานรับว่า “ฮูหยิน ข้าพาฮูหยินอู่มาด้วยเจ้าค่ะ!”ชิงเสวียนหยุดยืนรออยู่ที่หน้าประตูครู่หนึ่ง จึงพาหลิง
ชิงเสวียนเองก็รีบพรวดเข้าไปดึงตัวหยางหนานไว้“หยางหนาน นายท่านอู่กล่าวได้ถูกต้องแล้ว เจ้าบุ่มบ่ามจะไปหาอ๋องซู่เพื่อแก้แค้นเช่นนี้ ทั้งฮูหยินและนายท่านก็ยังมิล่วงรู้!”“หากอ๋องซู่คิดแตกหักกับเจ้าอย่างสิ้นเชิงขึ้นมา ฮูหยินและนายท่านก็จะตกอยู่ในอันตราย! เจ้าจะนำชีวิตของทุกคนไปเสี่ยงอย่างบุ่มบ่ามเช่นนี้มิได้!”หยางหนานกำหมัดแน่น ชิงเสวียนพูดถูกแล้ว ยามนี้อ๋องซู่นั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก อำนาจทางการทหารทั้งหมดล้วนอยู่ในกำมือของเขาหากตนมิอาจสังหารอ๋องซู่ได้ เช่นนั้นคนทั้งตระกูลหยางจะต้องถูกเขาสังหารล้างตระกูลเป็นแน่!หยางหนานสะบัดมือนางออกแล้วเดินกระสับกระส่ายไปมาในห้อง เขาสูดหายใจลึกอย่างต่อเนื่อง พยายามข่มเพลิงโทสะของตนไว้ชิงเสวียนเห็นเขามิได้บุ่มบ่ามออกไป จึงหันไปทางหลิงอวี๋ “พระนางหลิง พวกเราเชื่อคำพูดของพวกท่าน!”“เช่นนั้นอาการป่วยของรั่วหลาน พระนางหลิงพอจะมีวิธีรักษาหรือไม่เจ้าคะ?”หลิงอวี๋ครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงกล่าว “ข้าตรวจดูรั่วหลานแล้ว ในเลือดของนางไม่มีพิษ แต่นี่ก็มิได้หมายความว่านางมิได้ถูกพิษ มิฉะนั้นไฝดำบนร่างกายนางคงมิขยายใหญ่ขึ้นเช่นนี้!”“นี่อาจเป็นพิษชนิดหนึ่งที่ทั้งข้า
หยางหนานยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นตระหนก หากมิใช่เพราะหลิงอวี๋สังเกตเห็นไฝดำบนแผ่นหลังของรั่วหลาน และล่วงรู้ว่าเจี่ยงชิงเป็นสตรีป่านนี้ต่อให้รั่วหลานตายไปแล้วพวกเขาก็คงมิสงสัยเจี่ยงชิงอีกทั้งตนถูกพิษโดยมิได้สงสัยอ๋องซู่แม้แต่น้อย หากตนเพียงกล้าแตกหักกับเขา อ๋องซู่ก็มิจำเป็นต้องมอบยาถอนพิษให้ ก็สามารถสังหารตนได้ทุกเมื่อ!อ๋องซู่ในยามนี้มิใช่คนที่ต้องพึ่งพาตระกูลหยางเหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้ว ต่อให้เขากำจัดตระกูลหยางทิ้งก็มิได้ส่งผลกระทบใดต่อตัวเขาเลย!“หึหึ มินึกเลยว่าตระกูลหยางของข้าจะเป็นเพียงผู้ที่ปูทางให้ผู้อื่นเสวยสุข ต้องเหนื่อยยากโดยเปล่าประโยชน์เสียจริง!”หยางหนานกล่าวเยาะหยันตนเอง“มิใช่แค่ชีวิตของข้าเท่านั้น ยังมีรั่วหลาน และกระทั่งชื่อเสียงความซื่อสัตย์สุจริตที่บิดาข้าสั่งสมมาทั้งชีวิต!”เซียวหลินเทียนกล่าวเสียงเรียบ “หยางหนาน หากเจ้าคิดว่าเรื่องที่อ๋องซู่และเจี่ยงชิงกระทำมีเพียงเท่านี้ เช่นนั้นเจ้าก็ดูแคลนพวกเขาสองคนเกินไปแล้ว!”หยางหนานมองเซียวหลินเทียนอย่างมิเข้าใจ “นายท่านอู่ เขายังทำสิ่งใดอีกหรือ?”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างมีความนัย “เจ้ามินึกสงสัยบ้างหรือว่า อ๋องซู่นำเงิ
หยางหนานดูเหมือนจะมิระแคะระคายเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เขากล่าวขึ้นอย่างซื่อ ๆ ว่า “มิใช่ว่าเขาก็กินโอสถของเจี่ยงชิงเหมือนพวกเราหรอกหรือ?”“หากเขามีวิธีอื่นใดที่สามารถยกระดับวรยุทธ์ได้ เขาจะต้องบอกข้าอย่างแน่นอน!”“อ๋องซู่กับข้าสนิทสนมกันประหนึ่งพี่น้องแท้ ๆ เขามีของดีอันใดล้วนแบ่งปันให้ข้าเสมอ!” หลิงอวี๋ถึงกับไร้คำพูด หยางหนานผู้นี้ช่างซื่อตรงเสียจริง มิน่าเล่าถึงได้ติดกับ ทั้งยังมิคลางแคลงใจในตัวอ๋องซู่แม้แต่น้อยเซียวหลินเทียนจ้องมองเขา กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “หยางหนาน ข้ามายังปากั๋วโจว ก็พอได้ยินกิตติศัพท์นิสัยใจคอของบิดาเจ้ามาบ้าง!”“เขารักราษฎรประดุจบุตรธิดา ทำการยุติธรรมและเคร่งครัด ก็เพราะเขามีชื่อเสียงดีงามถึงเพียงนี้ พวกเราจึงได้ยอมเจรจากับพวกเจ้า!”“หยางหนาน ข้าขอถามเจ้า หากเพื่อยกระดับวรยุทธ์ แล้วต้องให้เจ้าฝึกฝนวิชานอกรีต สังหารผู้คนแย่งชิงพลังของผู้อื่น เจ้าจะยินยอมหรือไม่?”หยางหนานขมวดคิ้วทันที กล่าวเสียงขรึมว่า “ย่อมมิยินยอมอยู่แล้ว! หากท่านพ่อข้าน้อยรู้เข้า ท่านยอมทุบตีข้าน้อยให้ตาย ดีกว่าปล่อยให้ข้าน้อยประพฤติตัวเลวทรามเช่นนี้!”“หยางหนานผู้นี้ได้รับการอบรม
หยางหนานได้ยินดังนั้นก็รีบร้อนถาม “พระนางหลิง โอสถบำรุงวิญญาณมีความนัยใดแอบแฝงกันแน่? ท่านอย่าอ้อมค้อมอีกเลย บอกข้าน้อยมาให้หมดเถิด!”หลิงอวี๋กล่าวเสียงขรึม “หยางหนาน เมื่อครู่ข้าเจาะเลือดของเจ้าก็เพื่อต้องการตรวจสอบว่าในร่างกายของเจ้ามีพิษหรือไม่!”“และก็มิผิดจากที่ข้าคาดการณ์ ในเลือดของเจ้ามีพิษตกค้างของเถาเลือด หญ้ารากดิน และดอกใจเพลิงเจ็ดใบ!”“โอสถที่อ๋องซู่มอบให้เจ้านั้นมีส่วนผสมของสมุนไพรเหล่านี้อยู่ สมุนไพรพวกนี้ช่วยให้เจ้าเลื่อนขั้นวรยุทธ์ได้ก็จริง แต่พิษของมันกลับมิถูกร่างกายขับออกไปจนหมดสิ้น!”“เมื่อสะสมนานวันเข้า พิษร้ายเหล่านี้ก็จะกัดกร่อนอวัยวะภายในของเจ้า หากขาดยาถอนพิษเมื่อใด ก็อาจถึงแก่ชีวิตได้!”“และโอสถบำรุงวิญญาณที่อ๋องซู่มอบให้พวกเจ้าทุกสิบห้าวัน ก็คือสิ่งที่ใช้สะกดพิษเหล่านี้ไว้นั่นเอง!”หยางหนานและชิงเสวียนต่างฟังจนตกตะลึงอ้าปากค้างหยางหนานส่ายศีรษะอย่างมิอยากเชื่อ “เป็นไปมิได้! หากในโอสถมีพิษ ท่านแม่ของข้าจะมิล่วงรู้ได้อย่างไร?”หลิงอวี๋กล่าวเสียงเย็นชา “ข้ามิรู้หรอกว่าตอนที่ท่านแม่ของเจ้าตรวจสอบโอสถนั้น ในโอสถได้เติมสมุนไพรเหล่านี้ลงไปแล้วหรือไม่ แต่หาก
หลิงอวี๋มองหยางหนาน แล้วเอ่ยเสียงขรึม “หยางหนาน ข้าขอเจาะเลือดเจ้าสักหน่อยได้หรือไม่? มิมาก เพียงแค่หลอดเดียวก็พอ!”หยางหนานขมวดคิ้วมองหลิงอวี๋หลิงอวี๋หยิบหลอดเข็มสำหรับเจาะเลือดออกมาแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “หยางหนาน หากยังอยากเจรจากันต่อ ก็จงแสดงความจริงใจออกมาเสียหน่อย!”“อีกประการหนึ่ง การที่ข้าเจาะเลือดของเจ้าก็นับเป็นประโยชน์ต่อตัวเจ้าเอง หากเจ้ามิยินยอม เช่นนั้นพวกเราก็คงมิจำเป็นต้องเจรจากันอีกต่อไป!”ชิงเสวียนเหลือบมองหลอดเข็ม ก่อนจะดึงแขนเสื้อของหยางหนานหยางหนานกล่าวอย่างมิค่อยเต็มใจนัก “ก็ได้ ท่านเจาะไปเถิด!”หลิงอวี๋ถือหลอดเข็มเดินเข้าไป บอกให้หยางหนานพับแขนเสื้อขึ้น จากนั้นจึงสอดเข็มเข้าไปในท่อนแขนของเขาเพื่อเก็บเลือดมาหนึ่งหลอด“รอสักครู่!”หลิงอวี๋เดินออกไปด้านนอก นางนำโลหิตไปวิเคราะห์ในมิติหยางหนานมองไปที่ประตูอย่างกังขา ก่อนจะหันไปถามว่า “นายท่านอู่ พระนางหลิงทำเช่นนี้หมายความว่ากระไร?”เซียวหลินเทียนรู้ดีว่าหลิงอวี๋กำลังสงสัยสิ่งใด จึงเพียงยิ้มเล็กน้อย “รออีกสักครู่เดี๋ยวก็รู้เอง!”“หยางหนาน เจ้าควรทราบว่าพวกเรามิได้มีเจตนาร้ายต่อพวกเจ้า มิฉะนั้นคงมิเอ่ยถึงเรื












Comments