ชีวิตเดิมบัดซบอยู่แล้ว ไฉนสววรค์ยังส่งมาให้อยู่ในร่างของหญิงสาวที่ต้องแต่งเข้าจวนชินอ๋องตัวร้ายอย่างไม่มีทางขัดขืน เขาได้ฉายาว่าเป็นชายมักมากในกาม มัวเมาในกามารมย์วัน ๆ เอาแต่เข้าหอนางโลม
Voir plusบทนำ
อี้เหยาหญิงสาวในยุคปัจจุบันไปร้านเหล้าดื่มและบ่นเรื่องชีวิตให้กับเพื่อนสนิทฟัง ใครจะคิดว่าเธอจะเมาหลับตื่นขึ้นมาอีกทีดันทะลุมิติไปอยู่ในร่างงของบุตรสาวคนรองของใต้เท้าตกอับ แม้ว่าจะโชคดีที่ไม่ต้องทำงานแต่เธอกลับต้องมีเรื่องทุกข์ใจเพราะต้องแต่งเข้าจวนอ๋อง ที่ขึ้นชื่อว่ามักมากในกาม บ้าตัณหา โหดเหี้ยมอยากได้อันใดก็ต้องได้ เพื่อให้ตระกูลของตนเองไม่ตกต่ำไปมากกกว่านี้ ท่านพ่อของนางจึงขอร้องให้นางแต่งไปเป็นอนุหรือพระชายารองของชินอ๋องหวังหมิง นางไม่สามารถขัดขืนได้จึงยอมแต่งเข้าจวนทว่าหลัวจตากที่นางเหยียบเข้าจวนอ๋องทุกวันนางคิดหาหนทางออก แต่ไม่ได้ง่ายอย่างที่นางคิดเอาไว้ ไหนจะพระชายาเอกเสวี่ยหมิ่นที่เหมือนจะดีกับนางแต่ก็แอบร้ายอยู่ลึก ๆ นางจึงคิดหาหนทางหนีจากชินอ๋องเพื่อเอาชีวิตรอดไม่สนใจแล้วว่าตระกูลของนางจะเป็นเช่นไร ทว่าสวรรค์ไร้ความเมตตาจะหนีเช่นไรก็ไม่มีทางจะหนีเขาพ้นเสียทีและนางได้ไปล่วงรู้เรื่องที่ไม่สมควรรู้อีกด้วย
คำเตือน
***นิยายเรื่องนี้แต่งตามความเข้าใจของนักเขียนเท่านั้น ไม่ได้อ้างอิงตามประวัติศาสตร์โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อ่านเพื่อความบันเทิง
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
ตอนที่ 1 ฉันไม่ใช่คุณหนู
‘ดรุณีน้อยเอ๋ย ถึงเวลาที่เจ้าสมควรตื่นเสียทีต่อจากนี้ถึงเวลาที่เจ้าจะได้ใช้ชีวิตอย่างที่เจ้าต้องการ ชะตาชีวิตของเจ้าต่อจากนี้เจ้าจงกำหนดเองว่าเจ้าจะเดินไปหนทางใด ขอให้เจ้ามีความสุขอย่างที่เจ้าต้องการ’ เสียงกระซิบข้างหูทำเอาสตรีร่างบางที่นอนอุดอู้อยู่บนเตียงใช้มือปิดหูดึงผ้าห่มมาคุมศีรษะของตนเองพร้อมเปล่งเสียงไม่ให้ผู้ใดมารบกวนเวลานอนของตน
“คนจะนอนมาเสียงดังไม่มีมารยาทจริง ๆ ชิอย่ามาพูดอยู่แถวนี้ไปไหนก็ไป” ทว่าเมื่อนึกขึ้นได้ตนเองอยู่ในห้องเพียงผู้เดียวจะมีผู้ใดเสียงดังอยู่แถวนี้ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ แต่ว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาต้องตกใจมากกว่าเดิม เพราะเธอไม่ได้ลืมตาขึ้นมาในห้องของตนเอง แต่ตื่นขึ้นมาในเตียงไม้แกะสลักลวดลายโบราณ เธอใช้สายตากวาดมองไปจนทั่ว ขยี้ตาครั้งแล้วครั้งเล่าคิดว่าตนเองเพียงแค่ฝันไปเท่านั้น เมื่อลืมตามาอีกครั้งกลับพบว่าตัวเองยังนั่งอยู่บนเตียงไม้เช่นเคย
“คุณหนูเจ้าคะถึงเวลาที่ต้องลุกแต่งกายเตรียมตัวไปจวนท่านชินอ๋องหวังหมิงแล้วเจ้าค่ะ หากชักช้านายท่านจะเข้ามาตามด้วยตนเองนะเจ้าคะ” ไม่ทันได้ให้เจ้าตัวได้คิดอะไรต่อเสียงดังขึ้นมาจากด้านนอก ร่างเล็กสะดุ้งจ้องมองไปตามต้นเสียงครั้นนั้นมีหญิงสาวเดินมาเปิดผ้าคุมเตียงไปมัดเอาไว้ที่เสาเตียงสองข้าง หญิงสาวอีกสี่คนเดินเข้ามาพร้อมกะละมังน้ำเพื่อล้างหน้าและอีกสองคนถือเสื้อผ้ามาเตรียมแต่งตัวให้เธอ ร่างเล็กลุกพรวดถอยหลังยื่นมือไปด้านหน้าไม่ให้คนพวกนี้เข้ามาใกล้ตัวเอง
“อย่าเข้ามานะ พวกเธอเป็นใครที่นี่ที่ไหนออกไปไกล ๆ เลยนะไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกตำรวจ” หญิงสาวหลายคนมองหน้ากันด้วยความสงสัย เหตุใดจู่ ๆ คุณหนูของพวกนางถึงได้เอ่ยวาจาพิลึกเช่นนี้
“คุณหนูท่านเอ่ยอันใดพวกข้าไม่เข้าใจสักนิดรีบลงมาจากเตียงเถอะเจ้าค่ะ คุณหนูก็รู้มิใช่หรือเจ้าคะว่าท่านชินอ๋องหวังหมิงจิตใจโหดเหี้ยมไร้ความเมตตา หากให้รอนานกว่านี้มีหวังพวกข้า มิใช่สิตระกูลซูทั้งตระกูลอาจจะถูกบั่นคอได้นะเจ้าคะ” ตอนนี้สมองของเธอเริ่มสับสนและงวยงง เพราะเธอไม่ใช่คุณหนูของคนเหล่านี้แต่เธอคืออี้เหยาหญิงสาวที่อยู่ในทศวรรษ 2024
‘อะไรของคนพวกนี้ฉันไม่ใช่คุณหนูสักหน่อย มีทางไหนจะพาฉันกลับบ้านได้มั้ยนะ ฉันไปดื่มเหล้ากับเพื่อนเพื่อปรับทุกข์ปัญหาชีวิตทำไมตื่นมาถึงมาอยู่ที่นี่หรือว่านี่อาจจะเป็นรายการเรียลลิตี้โชว์หรือยังไงกัน ไม่แน่ฉันวิ่งออกไปหน้าประตูอาจจะมีคนถ่ายทำอยู่ข้างนอกแน่ ๆ’ อี้เหยาเห็นช่องโหว่นางรีบกระโดดลงจากเตียงวิ่งหน้าตั้งไปข้างนอกทว่าเมื่อสองเท้าวิ่งไปหน้าเรือนสิ่งที่น่าตกใจมากกว่าเดิมคือ ไม่ง่าจะมองไปทางใดไม่มีผู้กับกับไม่มีกล้องหรือแม้ผู้คนที่แต่งตัวด้วยชุดสมัยใหม่ จะมีเพียงเหล่าคนรับใช้ที่แต่งกายตามยุคสมัย ต่างก้มโค้งให้นางไม่ว่านางจะวิ่งไปทางใด หญิงรับใช้ในห้องเมื่อครู่ตกใจรีบพากันวิ่งตามจับตัวนาง
"คุณหนูอย่าวิ่งสิเจ้าคะ เดี๋ยวจะได้รับบาดเจ็บ"
"ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่คุณหนูของพวกเธอ นี่มันรายการอะไรกัน ฉันไม่ยินดีถ่ายรายการนะฉันจะไปเรียกร้อง" อี้เหยาเหลียวมองไปด้านหลังพร้อมตะโดนบอกสาวใช้ที่กำลังวิ่งไล่ตามเธออยู่ ทว่าตอนนั้นนั่นเองเธอไม่ทันได้มองทางทำให้เธอวิ่งชนเข้ากับเสาเรือนด้านหน้าล้มหงายหลังสลบลงคาที่
"คะ....คุณหนู " สาวใช้ใบหน้าแตกตื่นตกใจรีบเข้าไปประคองร่างของคุณหนูด้วยความเป็นห่วง บ่าวรับใช้ในเรือนเห็นรีบพากันมาช่วยยกร่างของคุณหนูไปที่ห้องของนาง
'ซูอี้หานพ่อผู้นี้ละอายแก่เจ้าจริง ๆ แต่ถ้าเจ้าไม่ทำเรือนของเราอาจจะตกต่ำล้มสลาย นั่นน่าละอายใจต่อบรรพบุรุษมากกว่าเดิม ได้โปรดช่วยเหลือตระกูลเราด้วยเถิด ถือว่าเจ้าได้ทำเพื่อเป็นการตอบแทนตระกูลซู " ชายชรานั่งคุกเข่าต่อหน้าบุตรสาวอ้อนวอนด้วยสีหน้าลำบากใจ ไม่ต่างจากเจ้าตัวที่ทุกข์ใจในคำขอของท่านพ่อครั้งนี้ มิใช่ว่านางดื้อรั้นหรือหัวแข็งทว่าบุรุษที่ท่านพ่อกล่าวมาคือบุรุษที่ไม่สมควรเข้าไปยุ่งด้วยอย่างยิ่ง เหตุใดท่านพ่อถึงจะส่งนางเข้าไปในกรงของเสือร้ายเช่นเขา นางย่อตังลงจับแขนของท่านพ่อให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ท่านพ่อ เรื่องทั้งหมดข้าเข้าใจในเจตนาของท่าน ทว่าท่านพ่อไม่คิดห่วงข้าหรือรักข้าบ้างหรือเจ้าคะ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าชินอ๋องหวังหมิงนิสัยเป็นเช่นไร ชื่อเสียงของท่านผู้นั้นเลื่องลือไปทั่วใต้หล้า บุตรชายเหล้าใต้เท้าตระกูลอื่นหรือแม้แต่บัณฑิตมากมายที่สามารถช่วยเหลือตระกูลเราได้ เหตุใดท่านพ่อถึงไม่ลองไปให้ผู้อื่นช่วยเหลือ ให้ข้าแต่งกับบ่าวรับใช้ยังดีกว่าแต่งเข้าจวนชินอ๋องหวังหมิงอีกเจ้าค่ะ”
“ซูอี้หานเจ้าเสียสติไปแล้วหรือไงที่ยอมลดศักดิ์ศรีไปแต่งกับบ่าวรับใช้ แม้ว่าชินอ๋องหวังหมิงจะมักมากบ้าตัณหาสิ่งนั้นก็ไม่ได้แย่มิใช่หรือ ? เจ้าเข้าไปอยู่ในจวนในฐานะชายารอง วัน ๆ เจ้าแสนสบายเหตุใดต้องทุกข์ใจด้วยเล่า” ซูเสี่ยวมี่พี่สาวของซูอี้หานเอ่ยขึ้นพร้อมอุ้มเด็กชายตัวน้อยในอ้อมแขน
“ท่านพี่พูดได้นี่เจ้าคะ เพราะท่านได้ออกเรือนกับคนที่ท่านรัก ไม่เหมือนกับข้า ทั้งท่านพี่ทั้งท่านพ่อไม่มีผู้ใดเข้าใจข้าเพียงสักคน ข้ามิได้ต้องการสามีที่มีฮูหยินหรืออนุภรรยาหลายคน ข้าต้องการสามีที่มีเพียงข้าเพียงผู้เดียว ต่อให้ข้าแต่งกับชาวนาข้าว่ายังดีกว่าหากเขาพร้อมมีข้าเพียงผู้เดียวศักดิ์ศรีข้าไม่ต้องการ”
เพี้ยะ !! เสียงมือฟาดลงกระทบเนื้อดังสนั่นห้องโถง ใบหน้าของร่างบางสะบัดตามแรงมือของบิดา ดวงตาเริ่มเอ่อแดง
“อี้หานเจ้าเลิกฝันเฟื่องหาความรักที่เจ้าหวังเถอะ นั่นไม่ได้ทำให้ชีวิตเจ้าสุขสบายหรอกนะ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าต้องแต่งงานเข้าไปอยู่ในจวนของชินอ๋องในอีกสามวัน เชื่อข้าเถอะต่อจากนี้ชีวิตของเจ้าจะสุขสบายยิ่งกว่าตอนนี้เสียอีก วันหนึ่งเจ้าจะขอบคุณข้าที่ข้าส่งเจ้าเข้าจวนชิงอ๋อง มิใช่แค่ส่งไปเพื่อให้เขาช่วยเหลือตระกูลซูแต่เป็นการช่วยให้เจ้าสุขสบายอีกด้วย” ใต้เท้าซูโมโหที่บุตรสาวไม่เชื่อฟังบันดาโทสะใช้มือตบเข้าที่ใบหน้าทว่าในใจของผู้เป็นบิดาก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน แต่จะให้นางไปใช้ชีวิตอยู่อย่างที่นางต้องการ ร่างกายอ่อนแอเช่นนางมีหวังได้ตายตั้งแต่ไปอยู่ได้เพียงไม่กี่วันเป็นแน่ เรื่องนั้นก็ไม่อาจทำให้เขาวางใจ และหากตระกูลนางตกต่ำไปกว่านี้ ตนเองและอี้หานต้องไปทำงานให้เหล่าใต้เท้าที่มาซื้อตัวไปเป็นข้ารับใช้ ใบหน้าและเรือนร่างอย่างนางมิหวังได้ถูกตาต้องใจของเหล่าใต้เท้า นางอาจจะถูกขืนใจและถูกบังคับให้เป็นอนุเป็นแน่ สู้ให้นางเป็นพระชายารองชินอ๋องหวังหมิงมีหน้ามีตา แถมยังสุขสบายไปทั้งชาติไม่ดีกว่าหรือ ?
“การส่งข้าเข้าไปที่จวนชินอ๋องหวังหมิงเป็นสิ่งที่ท่านพ่อประสงค์ข้าก็มิอาจจะทำตามได้ ทว่าต่อจากนี้ข้าซูอี้หานจะขอทำตามใจท่านพ่อเพื่อเป็นการตอบแทนเป็นครั้งสุดท้ายต่อจากนี้ข้าจะไม่ช่วยเหลือหรือค้างคาบุญคุณต่อท่านอีกถือว่าข้าได้ชดใช้ให้ตระกูลซูแล้ว” ดวงตาเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตาพยายามไม่ให้ไหลเอ่ยวาจาไร้เยื่อใยกับท่านพ่อก่อนจะวิ่งหนีไปด้วยความน้อยใจ เสี่ยวมี่จ้องมองตามแผ่นหลังน้องสาวพรางมองท่านพ่อและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ข้าไม่เข้าใจท่านพ่อเลยเจ้าค่ะ เหตุใดไม่บอกความจริงแก่นางล่ะเจ้าค่ะ ว่าเส้นทางที่ท่านพ่อเลือกมันต่อนางเพียงใดจะให้นางเข้าใจผิดเช่นนี้หรือ”
“ปล่อยให้นางเข้าใจไปเช่นนี้ดีแล้ว วันหนึ่งเมื่อนางโตมากกว่านี้นางจะเข้าใจในสิ่งที่ข้ากระทำลงไปในวันนี้” ใต้เท้าซูมองตามแผ่นหลังบุตรสาวคนรองด้วยความเจ็บร้าวในใจ ก่อนจะก้มมองมือที่ร้อนผ่าวสั่นเทานึกเสียใจที่กระทำรุนแรงกับอี้หาน แต่ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้เขาทำได้เพียงส่ายหน้าไปมาพร้อมเดินกลับเข้าห้องกักขังตัวเองอยู่ในความรู้สึกผิด
ตอนที่ 17 เบิกบานรุ่งสางวันต่อมาร่างบางนอนอุดอู่อยู่บนเตียง เรื่องราวที่เกิดขึ้นราวกับความฝันทว่าความเจ็บที่เขาทิ้งไว้ตอกน้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง อี้หานลืมตาขึ้นมาไม่พบร่างใหญ่ที่นอนโอบกอดนางทั้งคืนเหลือทิ้งไว้เพียงไออุ่นที่ยังหลงเหลืออยู่“ได้สมดั่งใจแล้วทิ้งข้าไปเลยอย่างนั้นหรือ?” นางถอนหายใจยันกายลุกขึ้นหาอาภรณ์มาสวมใส่ก่อนที่ซูซูจะเข้ามา ในใจก็อดน้อยใจไม่ได้ที่ตื่นขึ้นมาไม่มีเขาอยู่เคียงข้าง นางปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องราวเมื่อคืนนี้ทำให้นางมีความสุขมากแค่ไหน นี่นะหรือที่เขาเรียกว่าการหลับนอน“พระชายาเพคะ ได้เวลาตื่นบรรทมแล้วเพคะ”“ข้าตื่นนานแล้วล่ะ” อี้หานพยายามก้าวเท้าลงจากเตียงแต่ไม่คิดเลยว่าระหว่างขาของนางจะเจ็บร้าวไปหมด ใบหน้าของอี้หานซีดเซียวนั่งลงบนเตียงนอนเช่นเดิม“พระชายาตื่นแต่เช้าตรู่เพราะตั้งแต่หัวค่ำสินะเพคะ เอ๊ะทำไมใบหน้าของท่านถึงได้ซีดเซียวเช่นนั้น”“ซูซูวันนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย จะขอนอนต่ออีกสักครู่อย่าพึ่งเปิดหน้าต่างและห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้ามารบกวน หากได้พักอีกนิดอาการคงจะดีขึ้น ”“ไม่ให้หมอหลวงมาตรวจหรือเพคะ หรือว่าพระชายาเป็นฤดูเพคะ” ซูซูเอ่ยถามด้วยความ
ตอนที่16 เป็นประสงค์ของข้า“ย้าก เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงกล้าบุกเข้ามาในจวนชินอ๋อง วันนี้ไม่ข้าก็เจ้าต้องตาย” อี้หานฟาดหมอนไปใส่ร่างใหญ่แต่ว่าเขาหลบทันไม่ถูกหมอนของนางฟาด มือหนาจับมือของนางเอาไว้ให้นางจ้องมองเขาอย่างชัดเจน“อี้หานข้ามิใช่โจรร้ายเสียหน่อยเจ้าดูให้ดีสิ เสียงเจ้าดังเช่นนี้เดี๋ยวทุกคนได้แห่กันมาที่นี่หรอก” อี้หานชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงของผู้มาเยือน“ชิ! ยามวิกาลเช่นนี้แถมยังเข้ามาทางหน้าต่างผู้ใดจะไม่คิดว่าเป็นโจรบ้างเพคะ แล้วมาทำอะไรที่นี่ท่านต้องอยู่ที่ตำหนักพระชายาเอกนี่น่า” อี้หานโล่งใจเมื่อรู้ว่าเป็นเขาแต่อีกใจก็ยังอดสงสัยเคลือบแคลงใจไม่ได้ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ร่างใหญ่ยื่นมือหยิบหมอนจากมือบางวางไว้บนเตียงนอนกอดนางจากด้านหลังด้วยความคิดถึง“ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าสตรีที่ข้าต้องการร่วมหลับนอนด้วยมีแต่เจ้า”“คิดว่าข้าโง่เขลาหรือเพคะ ในตำหนักของข้าเอ่ยกันสนั่น ท่านชินอ๋องกอดแนบชิดกับชายาเอกในตำหนักของข้า ปล่อยเพคะไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่มีทางเชื่อคำพูดของท่านเด็ดขาด อีกอย่างดูสภาพของท่านยามนี้แม้แต่อาภรณยังไม่สวมใส่ ยังดีที่ช่วงล่างยังสวมใส่มา คงพากันขึ้นสวรรค์มีความสุขมาแล้วสิ
ตอนที่ 15 อยากให้ท่านสนใจบ้าง “ท่านชินอ๋องมีเรื่องอันใดต้องการพูดกับหม่อมฉันหรือเพคะ”“เสวี่ยหมิ่นเจ้ายังจำคำพูดของเจ้าตั้งแต่วันแรกที่เจ้าก้าวเท้าเข้ามาจวนของข้าได้หรือไม่” น้ำเสียงของหวังหมิงเปลี่ยนไปเป็นเย็นยะเยือก ต่างจากเมื่อครู่มากโข ทำให้ร่างเล็กใบหน้าสลดลงเล็กน้อยก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปโผล่กอดร่างใหญ่อย่างไม่เคยทำมาก่อน“ท่านชินอ๋องเหตุใดท่านถึงเย็นชาใจร้ายกับหม่อมฉันนักเพคะ ต่างจากพระชายารองและสตรีอื่น ขนาดนางคณิกาท่านยังเอ่ยวาจาอ่อนโยนกับพวกนาง หม่อมฉันมีส่วนใดที่บกพร่องเพคะ หากถามเรื่องวาจาของหม่อมฉัน ใช่เพคะครั้นนั้นหม่อมฉันยังอ่อนต่อโลกคิดว่าการแต่งงานของเราเป็นการสานสัมพันธ์ แต่ทว่าเมื่ออยู่กับท่านใจของหม่อมฉันเริ่มเปลี่ยนไป ในแต่ละวันเฝ้ารอวันที่ท่านจะไปเยือนที่ตำหนักวันแล้ววันเล่า ท่านมิเคยไปหาหม่อมฉันเลย หม่อมฉันมารู้ใจตนเองคือวันที่ท่านชินอ๋องพาพระชายารองเข้ามาในจวน วันนั้นหัวใจที่ไม่เคยรู้สึกอันใดกลับเจ็บปวด ยิ่งได้ยินว่าท่านเข้าห้องหอกับชายารองหัวใจของข้าร้อนรุ่มไปหมด ทั้ง ๆ ที่หม่อมฉันมาก่อนเหตุใดท่านถึงไม่แม้จะแลตามองหม่อมฉันเพคะ”“เจ้าบอกเองมิใช่หรือว่าเจ้าต้องการ
ตอนที่ 14 เสแสร้งหวังหมิงไม่เคยคิดอยากครองบัลลังก์รีบคุกเข่าลงต่อหน้าฝ่าบาท ประสานมือไว้กลางอกพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม“ฝ่าบาทอย่าเอ่ยออกมาเช่นนั้นกระหม่อมมิเคยต้องการขึ้นครองบัลลังก์แม้แต่น้อย กระหม่อมจงรักภักดีต่อท่านจะคอยอยู่เคียงข้างท่านเสมอ ”“ข้ารู้ดีว่าเจ้าจงรักภักดีต่อข้าจนต้องแสร้งทำชื่อเสียงให้ฉาวโฉ่ ลุกขึ้นเถิดต่อให้วันหนึ่งมีผู้คนใส่ร้ายเจ้าข้าก็เชื่อคำของเจ้ามากกว่าเหล่าเสนาบดีปากมากพวกนั้น เอาไว้สักวันเราออกไปล่าสัตว์กันตามลำพัง ข้าอยากออกไปนอกรั้ววังหลวงโดยมีแต่ข้ากับเจ้า”“พะย่ะค่ะฝ่าบาท” จวนชินอ๋องหวังหมิง ดวงตะวันบ่ายคล้อยอี้หานนั่งเล่นอยู่ศาลารับลมกลางจวนจิบน้ำชาหวนคิดถึงคำพูดและการกระทำของหวังหมิง เขาไม่ทำอย่างที่เอ่ยออกมาจริง ๆ เขาไม่แตะต้องนางทั้ง ๆ ที่มีโอกาสอี้หานเริ่มใจเต้นแรงตึกตัก‘นี่ข้ากำลังคิดอะไรอยู่ ! คิดถึงบุรุษที่มักมากอย่างเขานะหรือ ? แต่ว่าเขาไม่เคยนอนกับสตรีอื่นนี่น่า คำพูดของผู้ชายเชื่อได้มากแค่ไหนกัน ฮึคิดว่าพูดและทำอย่างนี้แล้วฉันจะเชื่อเหรอ ?แต่เขาก็ไม่ได้แตะต้องข้าเลยนี่น่า ไม่รู้ละดูไปก่อนไม่แน่เขาอาจคิดว่าข้าหลอกง่าย พูดอะไรข้าก
ตอนที่ 13 ข้าเหนื่อยเหลือเกินฝั่งด้านหวังหมิงเขากลับห้องเปลี่ยนอาภรณ์เตรียมเดินทางเข้าวังหลวงเนื่องจากมีราชโองการให้เขาไปเข้าเฝ้า ระหว่างนั้นเจิงหลงเดินเข้ามาแจ้งเรื่องที่เขาให้ตามเฝ้าสังเกตการ“ท่านชินอ๋องข้าได้ตามเฝ้าพระชายาเสวี่ยหมิ่นตามที่ท่านบอก พระชายาไม่ได้เป็นคนออกไปนอกตำหนักด้วยตนเองทว่าให้เหม่ยหนิงออกไปยามวิกาล ข้าได้แอบตามออกไปเห็นว่านางออกไปพบกับชายฉกรรจ์เมื่อมองดี ๆ นั่นคือหลางอี้ลูกน้องของใต้เท้าจางขอรับ ”“เหม่ยหนิงนางออกไปแต่ไม่มีทหารที่เฝ้าหน้าจวนมาแจ้งข้าเลยอย่างนั้นหรือ คนพวกนี้เป็นคนของพระชายาหมดเลยหรืออย่างไร”“เอ่อ.. เรื่องนั้นข้าคิดว่าเหม่ยหนิงนางติดสินบนมากกว่าขอรับ ข้าเห็นนางยื่นถุงเบี้ยให้ทหารที่เฝ้าประตู ”“เจ้าได้ยินหรือไม่ว่าทั้งสองหารือเรื่องอันใดกัน”“ข้าอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินขอรับ ”“เช่นนั้นก็จงตามต่อไป และข้ามีอีกเรื่องที่ให้เจ้าทำเจ้าจงไปตรวจสอบการยักยอกเงินจากคลังของข้า เวลาสองปีให้หลังเงินในคลังของข้าหายไปไม่น้อย อยากรู้เหลือเกินว่าเป็นฝีมือพ่อครัวหรือเป็นฝีมือของเสวี่ยหมิ่นกันแน่”“พะย่ะค่ะ” หลังจากแต่งกายเสร็จหวังหมิงเดินทางเข้าวังหลวง
ตอนที่ 12 เปลี่ยนไปทีละนิด“เฮ้อ! ไม่ว่าข้าจะวางแผนอันใดท่านจับได้เสมอสินะ คำพูดของท่านข้ายังไม่วางใจหรอกนะเพคะ ตอนนี้ช่วยปล่อยกายของข้าได้หรือไม่ข้าหายใจไม่ออกเพคะ” ใจของอี้หานเต้นแรงตึกตักเมื่อได้ยินคำพูดของหวังหมิงที่จริงจังและหนักแน่นราวกับว่าสิ่งที่เขาเอ่ยมาคือความจริง เขายอมทำตามที่นางกล่าวมาค่อย ๆ ปล่อยนางออกจากอ้อมแขน และเอ่ยถามเรื่องที่เขาได้สงสัยตั้งแต่ที่สาวรับใช้กล่าวบอกเขา“เจ้าออกไปที่ตลาดเพราะเรื่องอันใด เสวี่ยหมิ่นมอบหมายงานให้เจ้าทำหรือ ถึงกระนั้นก็ไม่เห็นต้องออกไปเดินตลาดด้วยตนเอง”“จะไม่ให้ข้าไปที่ตลาดด้วยตนเองเช่นไรเพคะ ในเมื่อท่านต้องการให้ข้าเลิกเล่นและจริงจังข้าเองก็มีเรื่องอยากจะหารือกับท่านเช่นเดียวกัน เพราะต่อจากนี้หน้าที่ของข้าคือการดูแลการเงินหลังจวน ข้ามิอยากจะให้เกิดเรื่องขึ้นทีหลัง” อี้หานหมดสิ้นหนทางหนีจึงนำเรื่องที่นางสงสัยและคาใจบอกพร้อมหารือกับชินอ๋องเลย นางไม่รู้ว่าเขารู้หรือยังเกี่ยวกับบันทึกการจ่ายเงิน อี้หานลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่โต๊ะหน้าห้องบรรทม หวังหมิงอดสงสัยไม่ได้รีบเดินตามนางมา เมื่อมาถึงโต๊ะเห็นบันทึกมากมายที่กองอยู่ และยังมีหมึกใหม่ที
Commentaires