ไหนเล่าชินอ๋องผู้เย็นชา โหดเหี้ยมและหยิ่งยโสที่นางเคยร่วมเตียงกับเขาในชาติก่อน ตรงหน้านางยามนี้มีเพียงบุรุษหน้าหนาที่ชอบทำหน้าออดอ้อนขอความเห็นใจ หรือที่เขาเปลี่ยนไปเช่นนี้เพราะมีจุดประสงค์ใดแอบแฝง . “เจ้าคิดว่าเปิ่นหวางรูปงามหรือไม่” “หะ! พระองค์เอ่ยถามหม่อมฉันว่าอันใดนะเพคะ” “เจ้าคิดว่าเปิ่นหวางรูปงามหรือไม่” “ก็...รูปงามเพคะ” หากไม่รูปงามก็คงไม่มีสาวงามมากมายหลงใหลเขาหรอก เอ๊ะ! แต่นางไม่แน่ใจว่าหลงใหลเขาหรืออำนาจที่เขามีกันแน่ “หากเจ้ากล่าวว่าเปิ่นหวางรูปงาม เช่นนั้นก็เลือกเปิ่นหวางเถิด” “เอ่อ...ท่านอ๋อง พระองค์เมาสุราใช่หรือไม่” เขากำลังเอ่ยอันใดรู้ตัวอยู่หรือไม่ “เปิ่นหวางมิได้เมาสุรา ก่อนหน้านี้เปิ่นหวางได้ยินเจ้าบอกว่ารองเจ้ากรมพิธีการหลี่อยากได้หลานตัวอวบอ้วน เปิ่นหวางสามารถช่วยเจ้าได้ บิดารูปงามมารดาน่ารักน่าเอ็นดู บุตรหรือจะขี้ริ้วขี้เหร่ไปได้” “มิรบกวนท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันขอตัว” หลี่เย่หรงที่คล้ายจะตกใจกับวาจาของชินอ๋องรีบก้าวเท้าเดินจากไปอย่างรวดเร็ว หัวใจไม่รักดีเต้นแรงอย่างไม่อาจห้ามปรามได้ “เปิ่นหวางจะรอเจ้าเปลี่ยนใจ” หม่าเซี่ยอวี้ส่งเสียงตะโกนตามหลัง
View Moreบทนำ
“เย่หรง ช่วยข้าด้วย” หม่าเซี่ยอวี้ทรุดกายนั่งลงที่ตรงขอบเตียงก่อนจะจับมือเจ้าของเรือนเขย่าเพื่อปลุกนางให้ตื่น
“ชินอ๋อง! พระองค์มาได้อย่างไรเพคะ” สตรีที่เพิ่งดับไฟเข้านอนไปเมื่อครึ่งเค่อก่อนผุดกายลุกขึ้นนั่งบนเตียง
“เย่หรง ช่วยข้าด้วย ข้าโดนวางยา”
“หา! ท่านโดนวางยา” นางกล่าวก่อนจะรีบขยับกายไปจุดไฟทันที
“อ๊า! ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว เย่หรง เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่”
“พระองค์โดนวางยาอะไรมา แล้วหม่อมฉันต้องช่วยพระองค์อย่างไร” นางเพ่งมองใบหน้าที่คล้ายจะแดงก่ำ แววตาที่จ้องมองนางฉายแววดุร้ายคล้ายสัตว์ป่า บนใบหน้ามีหยาดเหงื่อผุดพรายเต็มกรอบหน้า
‘หรือว่าเขาจะโดนวางยาปลุกกำหนัดมา’
พรึ่บ! แทนคำตอบเขารั้งตัวนางเข้ามากอดก่อนจะกดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนุ่มอย่างอุกอาจ เขาเกี่ยวกระหวัดพัวพันลิ้นเล็กอย่างรุกเร้ารุนแรงและเอาแต่ใจ ลิ้นร้อนกวาดต้อนชิมความหวานจากโพรงปากนุ่มแล้วดูดดึงริมฝีปากของนางคล้ายย้ำเตือนก่อนจะยอมผละออก
“ขออภัย ข้าไม่อาจห้ามปรามตนเองได้” เขาไม่ได้โกหกแม้ยาถอนพิษจะออกฤทธิ์แล้วแต่ทว่าความกำหนัดยังคงหลงเหลืออยู่
“ไม่เป็นไรเพคะหม่อมฉันมีหนทางช่วยพระองค์แล้ว” นางส่งยิ้มหวานก่อนจะดันตัวเขาให้ลุกยืนขึ้นพร้อมกับร่างบอบบางที่ขยับตัวตาม
“ขอบคุณเจ้าที่เต็มใจช่วยเหลือข้า”
“เพียงเรื่องเล็กน้อย ท่านอ๋องอย่าได้ทรงกังวล” สิ้นเสียงกล่าวนางสะบัดเท้าเตะออกไปอย่างแรง
“อ๊า!” ชินอ๋องรีบเอามือกุมหว่างขาของตนก่อนจะย่อตัวเกือบจะทรุดลงไปกองกับพื้น ในขณะเดียวกันก็มีบางอย่างถูกยัดเข้ามาในปากของเขาก่อนที่มือเล็กจะปิดปากและจับคางเขาให้เงยขึ้น
“กลืนยาถอนพิษร้อยแปดเถิดเพคะ หม่อมฉันกำลังช่วยพระองค์อยู่” นางกล่าวเสียงหวานซึ่งเขาก็ทำตามแต่โดยดี
“ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยเหลือข้า” หม่าเซี่ยอวี้เอ่ยเสียงลอดไรฟัน หน้าแทบจะเขียวคล้ำเพราะโกรธเคืองที่นางเตะหว่างขาทำให้แท่งหยกของเขาบอบช้ำ
หากภายหน้ามีปัญหาใช้การไม่ได้ นางนั่นแหละคือคนที่จะต้องเดือดร้อน แต่เอาเถิดให้นางได้ระบายโทสะใส่เขาบ้างก็ดีไม่น้อย ยิ่งนางจำเรื่องราวในชาติก่อนได้เช่นนี้ เขายิ่งต้องเอาใจนางให้มาก
ในเมื่อหมดทางหนี สุดท้ายหลี่เย่หรงจึงต้องร่วมรับสำรับกับบุรุษที่ชาตินี้นางไม่อยากพบเจอที่สุด ในวาระสุดท้ายของชีวิตนางได้เอ่ยปากว่าหากย้อนเวลาได้นางจะไม่มีทางปรากฏตัวตรงหน้าเขาอีกครั้ง แต่เหตุใดนางที่พยายามเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่ในจวนไม่ออกไปไหนกลับได้เจอเขาบ่อยครั้ง “มิคิดว่าคุณหนูหลี่จะมีฝีมือเช่นนี้ หากวันใดคิดจะเปิดโรงเตี๊ยมหรือโรงน้ำชาเปิ่นหวางขอร่วมลงทุนด้วย” “ท่านอ๋องกล่าวชมเชยบุตรสาวของหม่อมฉันเกินไปเพคะ แท้จริงนางไม่ใคร่จะชอบเข้าครัวเท่าใดนัก ที่วันนี้ยอมเข้าครัวทำอาหารเพียงเพราะอยากเอาใจบิดาที่เข้ารับตำแหน่งใหม่เพคะ” จินเฟยจูรีบเอ่ยวาจา “กล่าวถึงตำแหน่งใหม่ของรองเจ้ากรมพิธีการหลี่ ในเมื่อได้สมหวังดั่งใจ วันนี้เรามิควรร่วมฉลองกันหรือ กล่าวถึงฉลองก็ต้องสุราใช่หรือไม่” หม่าเซี่ยอวี้กล่าว
‘อนุฯ เช่นเจ้าไม่ควรมายืนรอต้อนรับข้าเช่นนี้ ต่อจากนี้อย่าให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก’ ‘หม่อมฉันขออภัยเพคะ’ ‘…’ เมื่อเห็นนางยอมรับผิด เขาก็ไม่คิดต่อว่าอันใดอีก แต่ในขณะที่เขากำลังจะเดินผ่านไป นางกลับจับชายอาภรณ์ของเขาเอาไว้ ‘วันนี้หม่อมฉันเข้าครัวทำอาหารหลายอย่าง ท่านอ๋องมารับสำรับกับหม่อมฉันได้หรือไม่เจ้าคะ’ ‘อย่าได้หลงลืมว่าเจ้าเป็นเพียงอนุฯ ที่ข้าไม่ได้ตั้งใจรับเข้ามา’ กล่าวจบเขาก็กระชากมือนางออกจากอาภรณ์ของตนอย่างแรง ก่อนจะเดินหนีไป หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้เห็นนางออกมาต้อนรับและเข้าครัวทำสำรับเช่นนั้นอีกเลย รอยยิ้มสดใสที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าของนางเริ่มเลือนหายจนช่วงเวลาสุดท
5 เปิ่นหวางสามารถช่วยเจ้าได้ หลังจากได้หยุดพักเจ็ดวันแล้วรองเจ้ากรมพิธีการหลี่ก็เริ่มเข้าทำหน้าที่ทันที ในคราแรกก็รู้สึกกังวลใจอยู่บ้างเนื่องจากเขาเคยเป็นเจ้ากรมโยธาซึ่งต้องเดินทางไปดูการสร้างสิ่งปลูกสร้างในต่างเมืองอยู่บ่อยครั้ง จึงไม่ใคร่สนิทสนมกับขุนนางกรมอื่นเท่าใด
“หากอยากให้เปิ่นหวางโอบกอด เจ้าสามารถบอกกล่าวได้ตามตรง อย่าได้แสร้งทำตนเองเจ็บเช่นนี้” “เป็นหม่อมฉันที่โง่เขลาทำตัวซุ่มซ่ามเองเพคะ” กล่าวจบครานี้นางรีบเดินกลับเข้าจวนอย่างรวดเร็ว ‘ข้าพลั้งปากว่านางอีกแล้ว’ หม่าเซี่ยอวี้ก่นด่าตนเอง ที่เอ่ยวาจาไม่น่าฟังกับนางอีก นัยน์ตาคมดุทอดมองตามแผ่นหลังเล็กที่เดินจากไปด้วยความรู้สึกผิด ในครานั้นเพราะเห็นนางเอาแต่กินเฉียวกั่วและเอ่ยชมพ่อครัวในตำหนักอ๋องไม่หยุดที่นางไปขอร้องคราใดอีกฝ่ายก็จะทำขนมให้ตามใจ ด้วยความรู้สึกไม่พอใจเขาจึงบอกนางว่าให้เลิกกินเสีย เพราะสตรีโง่เขลาเช่นนางต่อให้กินขนมเฉียวกั่วเป็นสิบชั่งก็ไม่มีทางฉลาดขึ้นหรอก ไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วนางจะเลิกกินขนมที่ชอบไปจริง ๆ ส่วนขนมหนวดมังกร แท้จริงเขาไม่ไ
“หวังว่าเปิ่นหวางจะได้รับสำรับกับคนตระกูลหลี่อย่างพร้อมหน้า” วาจาคล้ายจะรู้ทันของชินอ๋องทำให้นางนึกชิงชังนัก “เชิญท่านอ๋องเข้าด้านในเถิดพ่ะย่ะค่ะ” “อืม” หม่าเซี่ยอวี้ตอบรับก่อนจะเดินผ่านคุณหนูของจวนไป ‘อ๊าก! ข้าอยู่ของข้าดี ๆ อย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีกได้หรือไม่’ นางอยากจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ ยิ่งนัก สุดท้ายแล้วหลี่เย่หรงก็ได้แต่ทำตามคำสั่งของบิดาและไปร่วมรับสำรับกับผู้สูงศักดิ์ บนโต๊ะอาหารมีเพียงนายท่านหลี่และชินอ๋องที่สนทนากันโดยมีหลี่ฮูหยินออกความเห็นบ้างตามความเหมาะสม ส่วนนางได้แต่น
“ยามนี้เปิ่นหวางมารับตำแหน่งแทนท่านเป็นการชั่วคราว ต่อจากนี้คงมีเรื่องต้องรบกวนท่านสั่งสอนอีกมากมาย” หม่าเซี่ยอวี้กล่าวกับผู้อาวุโสกว่าด้วยท่าทางนอบน้อม เรียกสายตาผู้อื่นให้หันมามอง “ท่านอ๋องเกรงใจเกินไปแล้ว หากพระองค์มีเรื่องใดให้กระหม่อมช่วยเหลือ กระหม่อมยินดีพ่ะย่ะค่ะ” “เช่นนั้นวันนี้เปิ่นหวางขอไปสนทนากับท่านเกี่ยวกับตำแหน่งเจ้ากรมโยธาต่อที่จวนตระกูลหลี่ได้หรือไม่” “เอ่อ คือ...” รองเจ้ากรมพิธีการหลี่ลังเลเล็กน้อยเนื่องจากกังวลว่าหากไม่ได้แจ้งบุตรสาวล่วงหน้าจะเป็นอันใดหรือไม่ เพราะเท่าที่สังเกตหลี่เย่หรงไม่ใคร่จะชอบใจเท่าใดยามที่ชินอ๋องเสด็จไปที่จวน “อ่า...คงเป็นเพราะนี่ก็ใกล้ยามอู่ (11.00-12.59) แล้วท่านคงอยากรีบกลับไปรับสำรับที่จวนใ
Comments