ขาเป็นคนบีบให้นางหย่า ส่งนางไปให้ศัตรูเพื่อแก้แค้น ทว่าดันโผล่หัวไปที่ค่ายศัตรูเพื่อช่วยนาง น่าขันตรงที่ ส่งนางให้บุรุษอื่น แต่เจ็บปวดเกินทนไหว เมื่อได้ยินเสียงหวานครวญครางปานจะขาดใจ หลอกตัวเองว่าไม่เคยรักมานานสามปี จนกระทั่งยอมรับความจริงเพราะเสียงคราง ทว่าในวันที่ยอมรับใจตนเอง นางกลับลืมเขาจากความทรงจำไปสิ้น
view moreเมืองฉีเฟิงตั้งอยู่ทิศเหนือของเมืองหลวงแคว้นซีไห่ เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีผิงชินอ๋องปกครองเป็นเจ้าเมือง และมีหวู่เยว่ซินเป็นแม่ทัพคุ้มกันเมือง
ชาวบ้านล้วนอยู่อย่างสงบ เพราะแม่ทัพหวู่คอยกำจัดศัตรูที่คุกคามจนสิ้น เขาเก่งกาจ รอบคอบ ไม่เคยแพ้ในสนามรบใด ทว่า...
ถูกคนที่รับมาเลี้ยงวางยาสังหาร เพื่อแย่งอำนาจทางการทหาร เด็กสาวคนนั้นถูกท่านแม่ทัพเลี้ยงมาอย่างดี เขาฝึกวรยุทธ์ให้นางด้วยตัวเอง ใครจะคิดว่าเด็กที่มีพรสวรรค์ฝึกวิชาสำเร็จภายในหนึ่งปี จะอกตัญญูทำร้ายผู้มีพระคุณ
ว่ากันว่าแม้แต่ร่างไร้ลมหายใจของท่านแม่ทัพ ยังกลบฝังไร้ซึ่งพิธีทางศาสนา ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปีแล้ว ชาวบ้านก็ยังไม่ลืมเรื่องเล่าพวกนี้ ทุกครั้งที่พบว่านจิ่วซิ่นก็จะพากันซุบซิบนินทา “เจ้าดูนางสิกล้ามาเดินอวดโฉมที่ตลาดอีกแล้ว ไร้ยางอายเสียจริง”
“นั่นสิสังหารได้แม้กระทั่งผู้มีพระคุณ หลายปีมานี้มองไม่เห็นความเศร้าเสียใจในแววตาของนางเลย”
“เจ้าว่าเหตุใดท่านแม่ทัพในตอนนี้ไม่จัดการนางเล่า”
“ก็เพราะนางมีตราบัญชาการทหารครึ่งหนึ่ง ทหารยังต้องฟังคำสั่งนางนะสิ แม้ท่านแม่ทัพมีใจอยากกำจัดทิ้งก็ทำอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้”
“แบบนี้บุตรชายเพียงคนเดียวของท่านแม่ทัพก็ไม่มีสิทธิ์สั่งการใช่รึไม่”
“ท่านแม่ทัพคนใหม่มีตราบัญชาการอีกครึ่ง แต่ก็ไม่ต่างจากหุ่นเชิด ทหารแทบไม่ฟังคำสั่งเขานอกเสียจากนางพยักหน้า”
สาวน้อยนางหนึ่งสวมชุดบุรุษสีดำดูทะมัดทะแมงกระโจนใส่พวกปากไม่มีหูรูด “หลายปีมานี้รองแม่ทัพว่านก็กำจัดพวกซ่านหู่ให้พวกเจ้าอยู่ดีมีสุข ความดีความชอบมีมากมายพวกเจ้าไม่พูดถึง พูดแต่เรื่องที่ไม่มีมูลน่าจับไปรับโทษที่ค่ายทหารนัก” ชิงหลันชักกระบี่ออกมาอย่างเหลืออด รองแม่ทัพของนางเหน็ดเหนื่อยเพื่อปวงประชา รับมือกับศัตรูภายนอกยังต้องมารับมือกับปากหอยปากกาภายในฉีเฟิงอีก
หลายปีมานี้รองแม่ทัพของนาง ไม่เคยนอนหลับสบายเหมือนชาวบ้านพวกนี้ด้วยซ้ำ อยู่สุขสบายเพราะมีรองแม่ทัพปกป้องเมืองยังกล้ามาปากดีอีก มันน่าปล่อยพวกเหมียวเจียง และซ่านหู่มาจัดการนัก
ชิงหลันเป็นที่ปรึกษาในกองทัพ เนื่องจากนางตามบิดามากองทัพทุกวัน ทำให้ซึมซับกลการศึกจากบิดา เมื่อบิดาป่วยจนสิ้นใจชิงหลันจึงสืบต่อหน้าที่นี้
เมืองฉีเฟิงเปิดกว้าง สตรีและบุรุษถ้ามีความสามารถ อยากประกอบอาชีพใด ล้วนได้รับอิสระไม่แบ่งแยก
“หลันเอ๋อร์ไปกันเถิด” ว่านจิ่วซิ่นจับแขนบอบบางของชิงหลันลากเดินออกจากตรงนั้น ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปกว่านี้
“ท่านทนได้แต่ข้าทนไม่ได้เจ้าค่ะ”
“เอาน่า อย่าเก็บมาใส่ใจเลย ได้ของครบแล้วกลับจวนกัน” วันนี้นางออกมาซื้อผ้าไหม ไปตัดเย็บชุดคลุมให้หวู่ไฉตงเพราะเริ่มเข้าฤดูหนาวแล้ว แม้เขาจะไม่ชอบหน้านาง และไม่เคยหยิบชุดคลุมที่นางเย็บให้มาใส่เลย แต่นางก็ยังตัดเย็บให้เขาทุกปี
ชิงหลันไม่เต็มใจนัก แต่ไม่คิดขัดคำสั่งรองผู้บังคับบัญชา แม้ว่ารองแม่ทัพจะเป็นสตรี แต่กลยุทธ์ทางการทหารโดดเด่น ไม่แพ้บุรุษอย่างท่านแม่ทัพแน่นอน
สามปีที่นางติดตามรองแม่ทัพ ก็เห็นอยู่ว่าทุกเรื่องท่านแม่ทัพไม่เคยแก้ปัญหาเองเลย โยนมาไว้บนบ่ารองแม่ทัพว่านเสมอ
สองสตรีกลับถึงจวนแม่ทัพ ก็มีทหารเข้ามารายงาน “รองแม่ทัพว่าน ท่านแม่ทัพเกิดเรื่องแล้วขอรับ”
ว่านจิ่วซิ่นฟังรายงานแล้ว เร่งรีบไปที่ค่ายเพื่อนำทหารไปช่วยหวู่ไฉตง นางมาถึงก็ตกใจจนแทบสิ้นสติ เพราะหวู่ไฉตงกำลังจะถูกกระบี่แทงที่จุดตาย หญิงสาวไม่รอช้ากระโจนเข้าไป ใช้ตัวบังกระบี่ให้หวู่ไฉตง กระบี่แทงลึกที่หัวไหล่ซ้าย นางทนกับความเจ็บ โอบพลิกคนเมาพาออกไปจากที่อันตรายแห่งนี้ แขนของนางอ่อนแรงแทบขยับไม่ไหว คนร้ายก็ตามมาติด ๆ หากเป็นแบบนี้ต่อไปคงต้านไว้ไม่ไหวแน่
ว่านจิ่วซิ่นตัดสินใจกอดร่างกำยำของหวู่ไฉตงแล้วทิ้งตัวลงพื้นกลิ้งลงทางลาดชัน ละแวกนี้เป็นป่าเขาจุดที่นางทิ้งตัวเป็นป่าทึบบดบังได้เป็นอย่างดี
ทั้งสองกลิ้งหลายตลบกว่าจะถึงพื้นเรียบ แผลของว่านจิ่วซิ่นเจ็บหนักแถมฉีกขาดกว่าเดิม ทั่วทั้งร่างของนางเต็มไปด้วยแผลถลอก แขนซ้ายไร้แรงขยับ ความเจ็บปวดแทรกซึมทุกอณูจนแทบรักษาสติไว้ไม่ได้
เสียงสวบสาบที่อยู่ไม่ไกล ทำให้ว่านจิ่วซิ่นหวาดหวั่น กลัวว่าคนร้ายที่ดักซุ่มโจมตีหวู่ไฉตงจะตามมาทัน และที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าคือนางไม่มีแรงจะลุกขึ้นสู้ “ไฉตง เจ้าบาดเจ็บรึไม่”
หวู่ไฉตงหมดสติไปแล้ว ว่านจิ่วซิ่นอยากจะลุกขึ้นมาดูอาการเขาก็ลุกไม่ไหว เขาอาจแค่เมา...เมาจนหลับไปนางปลอบใจตนเองเช่นนั้น หญิงสาวกัดฟันทนเจ็บได้อีกเล็กน้อยก็หมดสติไป เพราะสูญเสียโลหิตไปจำนวนมาก
กวางหมิงนำกำลังทหารตามมาสมทบกับเหล่าทหารที่ว่านจิ่วซิ่นนำมา ไม่นานเขาก็จับกุมพวกที่ลอบสังหารหวู่ไฉตงได้ คนพวกนั้นเป็นทหารเดนตายพอถูกจับได้ก็กัดพิษฆ่าตัวตาย
กวางหมิงงัดพิษในปากคนร้ายได้หนึ่งคน เขาจึงสั่งให้นำตัวคนรอดชีวิตไปขังไว้ที่ค่ายอี๋หลิงรอสอบสวน จากนั้นก็นำกำลังจำนวนหนึ่งค้นหาหวู่ไฉตงและว่านจิ่วซิ่น
“รองแม่ทัพกวางเจอท่านแม่ทัพแล้วขอรับ” ทหารนายหนึ่งวิ่งมารายงานกวางหมิงอย่างหอบเหนื่อย
กวางหมิงยิ้มดีใจเขาหาจนเริ่มท้อแล้ว เวลาสามชั่วยามที่ค้นหาไม่ใช่น้อย ๆ ยิ่งใช้เวลานานเขาก็ยิ่งหวาดกลัว…กลัวว่าศัตรูจะพบคนทั้งสองก่อน
ตอนได้ฟังทหารรายงานว่าหวู่ไฉตงเมา ว่านจิ่วซิ่นได้รับบาดเจ็บ กวางหมิงถึงกับหัวใจวูบโหวง เขากลัวว่าทั้งสองคนจะรับมือกับอันตรายไม่ได้ เมื่อได้ยินว่าพบคนแล้วความหนักอึ้งในใจก็เบาลง “ปลอดภัยรึไม่”
“ปลอดภัยขอรับ เพียงแต่ไม่พบรองแม่ทัพว่าน”
“เจ้าหาดีแล้วรึ พวกเขาตกมาพร้อมกันจะต้องอยู่ไม่ไกลแถวนี้รีบหาตัวรองแม่ทัพว่านให้พบ” กวางหมิงสั่งการ
“ขอรับรองแม่ทัพกวาง”
กวางหมิงวิ่งมาตามคำบอกกล่าวของทหาร เมื่อเห็นหวู่ไฉตงนอนอยู่โคนต้นไม้ ก็ถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะเดินเข้าไปตบเบา ๆ ที่ใบหน้าของสหายรุ่นน้อง “ไฉตงตื่นได้แล้ว ก่อเรื่องเก่งเสียจริง ข้านี่อยากฟาดไม้เรียวที่หลังเจ้าแทนท่านอาเยว่ซินนัก รีบตื่น”
“อะไรของเจ้าปลุกแต่เช้า” หวู่ไฉตงโวยวายที่ถูกรบกวนการนอน
“ดูสถานที่ที่เจ้านอนอยู่ด้วย เสือไม่คาบไปกินก็บุญแล้ว” กวางหมิงส่ายหน้าไปมาอย่างจนใจ เด็กคนนี้ไม่รู้จักโตสักที
หวู่ไฉตงลืมตาขึ้นมาแล้วหรี่ตาลงเพราะปรับตัวกับแสงไม่ทัน “ที่นี่ที่ไหน” ศีรษะของเขาหนักอึ้งเหมือนมีก้อนหินทับอยู่ ทั่วทั้งร่างปวดระบมไปหมด ความจำเลือนรางคล้ายถูกมารดาปกป้องไว้ในอ้อมกอด ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกสงบมาก หากแต่มารดาของเขาป่วยสิ้นใจไปนานแล้ว ใครกันมอบอ้อมกอดอบอุ่นนี้ให้เขา
“ซิ่นเอ๋อร์ตกลงมาพร้อมเจ้าเห็นนางรึไม่”
“นี่เป็นหลักฐานการคบค้าศัตรูของนายอำเภอเผิง” กวางหมิงกล่าว พลางยื่นจดหมายที่นายอำเภอเผิงใช้ติดต่อพวกเหมียวเจียงให้ผู้ตรวจการซุน “ข้ามีพยานบุคคลด้วย ใต้เท้าข้าขอเบิกตัวพยาน”“เบิกตัวพยานบุคคล”กวางหมิงชี้ไปที่สตรีคนแรกที่เดินเข้ามา “นางเป็นคนวางยาในจวนท่านเจ้าเมือง” หญิงสาวที่ถูกนำตัวเข้ามา คือคนที่วางยาพิษในอาหาร ที่ห้องเครื่องจวนเจ้าเมืองผู้ตรวจการซุนจับจ้องพยานด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเอ่ยถาม “ผู้ใดสั่งเจ้าสังหารท่านเจ้าเมือง”หญิงผู้นั้นมีท่าทีลนลาน มองไปทางนายอำเภอเผิงเมื่อพบเข้ากับสายตาเยียบเย็นก็ก้มหน้าลงมุมปากนายอำเภอเผิงยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะใช้มือปิดมุมปากด้วยความเจ็บใจ เหมือนจะมีเลือดซึมออกมาอีกแล้ว อ้าปากทีไรเป็นต้องน้ำตาไหลทุกที ดีที่แก้แค้นหวู่ไฉตงได้สำเร็จ ไม่เช่นนั้นเขาคงอกแตกตายเด็กสาวคนนี้หวาดกลัวเขา ย่อมไม่กล้าพูดความจริงอยู่แล้ว นายอำเภอเผิงยิ้มกรุ้มกริ่มในใจหญิงสาวที่วางยาพิษในห้องเครื่อง ถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินคับแคบที่ค่ายทหาร นางย้อนคิดไปถึงชั่วยามก่อน ในขณะที่จิตใจกำลังสับสน เงาร่างอ้วนท้วนก็เข้ามาประชิดตัว ลำคอของนางรู้สึกถึงความเย็นของโลหะขึ้นมาทันใด “ถ้าเจ้าใ
“ปิดคดีการลอบสังหารท่านเจ้าเมือง คนร้ายที่อยู่เบื้องหลังได้รับโทษแล้ว” ผู้ตรวจการซุนเอ่ยปิดคดีว่านจิ่วซิ่นหัวใจบีบแน่น ยามได้ยินว่าหวู่ไฉตงสิ้นใจแล้ว นางไม่เข้าใจ คนที่เพิ่งพบและรู้จักกัน เหตุใดจึงมีผลกับหัวใจนางเช่นนี้ ก่อนเขาจะสิ้นใจ มองนางด้วยสายตาห่วงใยหรือนางกับเขาจะรู้จักกันมาก่อน “เรื่องก่อนหน้าที่เจ้าล่วงเกินข้า ข้ายกโทษให้เจ้าแล้วนะแม่ทัพหวู่” ว่านจิ่วซิ่นเอ่ยทั้งน้ำตาไหล นางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าน้ำตาไหลได้อย่างไร ความเศร้าแทรกซึมสู่ก้นบึ้งหัวใจ คล้ายเสียของสำคัญบางอย่างไป แต่นางกับท่านแม่ทัพหาได้รู้จักกันมาก่อน ความรู้สึกพวกนี้คืออะไรกันแน่กวางหมิงควบม้ามาอย่างเร่งรีบ ผ่าฝูงชนเข้าไปในที่ว่าการ หลังจากได้รับมอบหมาย ให้ไปกวาดล้างบ่อนวอนเฉาเมื่อชั่วยามที่แล้ว พอหวู่ไฉตงสอบถามนักโทษแล้วพบเบาะแส ก็มาสั่งเขาทันทีให้ไปสืบเรื่องนี้รองแม่ทัพหนุ่มกระโดดลงหลังม้า กระบอกตาร้อนผ่าวครั้นได้เห็นสภาพสหายที่อาภรณ์ย้อมด้วยโลหิตสีแดงฉานเขามาช้าเกินไป ช้าจนช่วยท่านแม่ทัพไว้ไม่ทัน ตอนนี้เขามีหลักฐานเอาผิดคนบงการแล้ว “เหตุใดเจ้าไม่รอข้าก่อนไฉตง” กวางหมิงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขาสะอื้นไห้จนไหล่สั
“ในเมื่อเจ้าทุกข์ใจ ไยจึงสั่งประหารเขา” ฮ่องเต้วัยกลางคน ใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าอายุ เอ่ยถามอนุชาเสียงอ่อนโยน“เขาทำผิด กระหม่อมมิอาจละเว้น เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวได้ อีกอย่างหลักฐานก็มัดตัวเขาจนดิ้นไม่หลุด” ผิงชินอ๋องเอ่ยด้วยท่าทีกลัดกลุ้ม“ที่เจ้าพูดก็ถูก เช่นนั้นก็อย่าเสียใจเลยเป็นเขาที่มักใหญ่ใฝ่สูงหาเรื่องใส่ตัวเอง” ฮ่องเต้เอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนเพื่อปลอบใจอนุชา“พ่ะย่ะค่ะ” ผิงชินอ๋องตอบรับ และนั่งเงียบงันอยู่เช่นนั้น ‘เยว่ซิน ข้าขอโทษที่ปกป้องไฉตงไม่ได้อย่างที่เคยรับปากเจ้า’ เขาพร่ำขอโทษสหายรักในใจเพื่อคล้ายความรู้สึกผิดหวู่ไฉตงถูกจับไปโบยหน้าลานที่ว่าการ ผู้ตรวจการซุน คล้ายจะประจานให้ใต้หล้ารู้ความผิดของเขา ชาวบ้านมากมายต่างมุงดูและวิพากษ์วิจารณ์สายตาคมกริบลึกลับจับจ้องไปที่ผู้ตรวจการซุน ก่อนจะละสายตาออกมา แล้วทอดมองไปยังว่านจิ่วซิ่นที่ยืนดูอยู่ท่ามกลางฝูงชน ชายหนุ่มเกิดโมโหขึ้นมากะทันหันเมื่อเห็นสายตาไม่ทุกข์ไม่ร้อนของอีกฝ่าย เมื่อก่อนเขาก็ใช้สายตาเช่นนี้มองนางสินะ นางคงจะเอาคืนเขา แต่เหตุใดยามนี้เขาเจ็บหัวใจนักเล่าที่ถูกนางเมินว่านจิ่วซิ่น เห็นเหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผากหวู่ไฉตง
ผิงชินอ๋องมองแม่ทัพหนุ่มด้วยสายตาเฉยชา ในมือถือจดหมายสั่งการที่ผู้ตรวจการซุนนำมาให้ ลายมือในจดหมายเป็นลายมือที่เขาสอนเองกับมือ เหตุใดเขาจะจำไม่ได้ “เจ้ากับข้าเคยมีความแค้นกันรึไม่” น้ำเสียงที่เอ่ยราบเรียบไม่มีระลอกคลื่น“กระหม่อมไม่เคยมีความแค้นใดกับพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” หวู่ไฉตงคำนับสองมือผสานเข้าด้วยกันก้มหน้ากล่าวด้วยความเคารพ“แล้วเหตุใดเจ้าต้องสั่งคนมาสังหารข้า ทั้งยังปล้นคนร้ายอีก” ผิงชินอ๋องเอ่ยถามเสียงราบเรียบ“เพราะกระหม่อมกลัวว่า...” คนร้ายจะถูกฆ่าปิดปาก เขาพูดไม่ทันจบด้วยซ้ำ ผู้ตรวจการซุนก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ท่านอ๋องแม่ทัพหวู่จับคนไปเพื่อปิดบังอำพราง เรื่องนี้เดาไม่ยากเลย เขาไม่ได้มีหน้าที่สอบสวนเรื่องนี้ แต่รีบปล้นคน เพราะกลัวโทษพ่ะย่ะค่ะ หลักฐานก็อยู่ในมือพระองค์แล้ว ลายมือในจดหมาย เทียบกับลายมือท่านแม่ทัพแล้วเป็นลายมือเดียวกัน”หวู่ไฉตงเหลือบมองผู้ตรวจการซุน เสียดายที่ไม่ได้อัดเขา จึงทำให้เขาพูดได้คล่องปากเช่นนี้ ทั้งยังมีการเตรียมหลักฐานเท็จไว้ล่วงหน้าอีกด้วย ราวกับว่าหมายตาเป้าหมายไว้ก่อนแล้ว“เป็นเช่นนั้น กระหม่อมห้ามแล้วก็ถูกทำร้าย” นายอำเภอเผิงกล่าวฟ้องเสียงอู้อี้
จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าคนเหล่านี้สมควรได้รับ ทำชั่วย่อมได้รับผลกรรมชั่ว “แม่นางหากเจ้าบอกความจริง ข้ากับท่านแม่ทัพจะไว้ชีวิตเจ้า และกันเจ้าไว้เป็นพยาน อีกทั้งยังจะคุ้มครองความปลอดภัยของคนที่เจ้าห่วงด้วย…ห่วงของเจ้าคงไม่ใช่แค่ตัวเองใช่รึไม่ เจ้าก็รู้หากคนร้ายไม่ถูกจับ คนที่เจ้าห่วงใยก็จะตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน”“พวกท่านจะคุ้มครองเราได้จริงหรือเจ้าค่ะ แม่ข้า แม่ข้าตกอยู่ในอันตราย” หนึ่งในคนร้ายหญิงที่พุ่งเข้าใส่ฮ่องเต้เอ่ยด้วยท่าทีหวาดกลัวว่านจิ่วซิ่นมองไปที่หวู่ไฉตงเพื่อให้เขาตอบรับ ทว่าชายคนนั้นกลับไม่พูดสิ่งที่นางต้องการ ยืนกอดอกมองนางอยู่ได้ นางจึงตอบเสียเอง “แน่นอน”หญิงสาวที่ถูกจับมองไปทางหวู่ไฉตง นางรู้ว่าคนที่มีอำนาจสั่งการไม่ใช่สตรีที่พูดคุยกับนางอยู่หวู่ไฉตงพยักหน้าให้หญิงสาวคนนั้น เป็นการรับปาก หญิงสาวจึงเริ่มเล่าสิ่งที่ตนรู้ออกมา“ข้าไม่รู้ว่าคนที่สั่งการเบื้องหลังคือใคร แต่เกี่ยวข้องกับบ่อนวอนเฉา”“ไม่เคยได้ยินมาก่อน” หวู่ไฉตงพึมพำออกมาเขาอยู่ฉีเฟิงมาตั้งแต่เด็ก ชื่อบ่อนวอนเฉาไม่เคยเฉียดกรายเข้าหูให้ได้ยินเลย“ที่แห่งนี้ลึกลับซับซ้อน คนที่จะเข้าบ่อนได้ต้องมีป้ายสมาชิก ตอนข้าเข้า
หวู่ไฉตงยิ้มเย็น ถ้าปล่อยตาเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนี้สืบสวน คงได้มาเพียงแพะเท่านั้น “นายอำเภอเผิงกลัวสิ่งใดกันแน่ ข้าแค่อยากเข้าไปฟังด้วยเท่านั้น”“ข้าจะกลัวสิ่งใดกัน เพียงแต่การปฏิบัติหน้าที่ของข้าไม่อาจให้คนนอกยื่นมือเข้ายุ่งได้” นายอำเภอเผิงต่อปากต่อคำไม่ลดละหวู่ไฉตงมุมปากกระตุก “ข้าอยากได้คนดูสิใครจะกล้าขวาง”หน็อยแน่!! เจ้าเด็กคนนี้นี่หัวรั้นไม่เบา “ท่านแม่ทัพกล้าก็ลองดู” นายอำเภอเผิงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งผยอง กับเด็กที่มีแต่ตำแหน่ง ไม่มีผลงานคนนี้ เขาไม่กลัวแม้แต่น้อย“ข้ากล้าอยู่แล้ว” หวู่ไฉตงชกเข้าที่ใบหน้าเหี่ยวย่นเต็มแรง“เจ้า...เจ้า...ข้าจะรายงานท่านอ๋อง” นายอำเภอเผิงริมฝีปากสั่นระริก ทั้งเนื้อทั้งตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ กล้าดีนักนะเจ้าเด็กเหลือขอ ไว้เขารายงานท่านอ๋อง เจ้าเด็กนี่ต้องได้รับโทษสถานหนัก ที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงาน เขาไม่ยอมเด็ดขาดเจ้าเด็กบ้าฟันข้าแทบหลุด!! ข้าจะ...ข้าจะเอาคืนแน่หวู่ไฉตงไม่เพียงไม่หยุดทำร้ายคน ยังเดินเข้าหาอย่างเชื่องช้า แล้วชกซ้ำตรงจุดเดิม ทำให้นายอำเภอเผิงลนลานถอยหนีจนล้มลงพื้น ขดตัวใช้มือสองข้างปกป้องศีรษะไว้อย่างหวาดกลัวครั้นเห็นดังนั้นห
Mga Comments