อยู่ๆก็มาเกิดใหม่กลายเป็นสาวใช้ของ กู้เหยียนฉี ท่านอ๋องที่ผู้คนหวาดกลัวกันทั้งเมืองหลวง จินฝู จำต้องหาทางรอดชีวิตไปวันต่อวัน นางไม่มีความสามารถใดพิเศษนอกจากการกิน กินและกิน และไม่หวังในลาภยศอันใดทั้งสิ้น แต่สวรรค์ นางพยายามทำทุกทางแล้ว แต่เหมือนยิ่งเกลียดยิ่งเจอ สุดท้ายนางก็ต้องกลายเป็นสาวใช้คนสนิทของเขา แต่ทว่าเมื่อได้อยู่ใกล้เขา มันกลับทำให้นางได้เห็นอีกด้านหนึ่งของเขา เดิมทีนางคิดจะเป็นปลาเค็มนอนสบายๆไปวันๆ แต่ผู้ใดจะรู้ว่านางจะต้องร่วมเป็นร่วมตายกับเขาอยู่บ่อยครั้ง จนสุดท้ายก็กลายเป็นความรักที่แสนโรแมนติกในชีวิตของนาง
ดูเพิ่มเติมวังหลวงแคว้นต่ง
"ให้ตายเถอะ พรุ่งนี้พวกเราก็ต้องไปรับใช้ชินอ๋องที่จวนแล้ว บอกตามตรงข้าไม่อยากไปเลย"
"ข้าก็เหมือนกัน ผู้ใดก็รู้ว่าชินอ๋องผู้นั้นอารมณ์แปรปรวนยิ่ง และยังทำสิ่งใดตามใจตนอย่างไร้เหตุผลอีกด้วย ข้าเคยได้ยินผู้คนเล่าลือกันปากต่อปากว่า หากเขาไม่ชอบใจผู้ใดก็จะสังหารทิ้งทันที สถานเบาก็โบยจนพิการ ที่เขาต้องการเลือกนางกำนัลเข้าไปรับใช้ในครานี้ก็เพราะนางกำนัลคนเก่าถูกเขาสังหารทิ้งไปหมดแล้ว!"
"ไอหยา ข้าจะมีชีวิตรอดไปพบหน้าบิดามารดาอีกหรือไม่ ฮือ"
เสียงพูดคุยและเสียงกระซิบกระซาบของเหล่านางกำนัลน้อยทำเอาจินฝูที่กำลังนอนอยู่ไม่ไกลถึงกับเม้มริมฝีปากแน่น จิตใจสั่นไหวอย่างยากจะควบคุม
นางมีนามว่าจินฝู สองวันก่อนจำได้ว่ากำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าอยู่ๆนางจะหลับไม่ตื่น แล้ววิญญาณก็ลอยละล่องมาเกิดใหม่ที่ร่างของหญิงสาวนางนี้ ที่มีชื่อแซ่และหน้าตาเหมือนนางราวกับฝาแฝด
สตรีนางนี้ชะตาชีวิตน่าสงสารนัก นางเป็นเพียงลูกชาวนายากจน พออายุสิบสามก็เข้าวังหลวงมาเป็นนางกำนัล ยามนี้ก็มีอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ที่นางยอมเข้าวังหลวงมาเป็นนางกำนัลก็เพราะหวังว่าครอบครัวจะสามารถลืมตาอ้าปากได้ จึงยอมเอาทั้งชีวิตมาทิ้งเอาไว้ในวังหลวงที่เหมือนกับคุกบนแดนสวรรค์แห่งนี้ เพราะเจ้าของร่างเดิมเป็นคนขยันรู้ความ นางจึงได้รับเลือกให้ไปรับใช้ชินอ๋องที่จวนชินอ๋องด้านนอกวังหลวง เดิมทีคราแรกที่จินฝูได้ทราบว่าจะไม่ต้องทนอยู่ในวังหลวงนี่ไปชั่วชีวิตก็ดีใจอยู่หรอก แต่เมื่อได้ยินสตรีเหล่านี้เล่าชีวประวัติอันน่าสยองขวัญของชินอ๋องผู้นั้นแล้ว นางกลับเริ่มรู้สึกคิดหนัก
แต่จะทำเช่นไรได้เล่า ใครใช้ให้นางมาอยู่ในร่างของสาวน้อยต่ำต้อยนางนี้กัน จะว่าไป นางเองก็ไม่รู้กฎระเบียบ ไม่รู้วิธีการดูแลท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์อันใดเทือกนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่ช่างเถอะ หลับหูหลับตาทำๆไปอย่าไปขัดใจเขาเป็นพอ แล้วก็ไม่ต้องไปแย่งความโปรดปราณอันใดจากเขาด้วย นางไม่ทำเด็ดขาด นางขอเป็นสาวใช้จอมขี้เกียจที่ไม่สนใจสิ่งใดก็พอแล้ว
"พวกเจ้ายังไม่นอนอีกหรือ หากพรุ่งนี้ตื่นสาย ข้าจะทำโทษพวกเจ้าทุกคนสถานหนัก!"
เสียงของฟู่หมัวหมัวที่มาเดินตรวจตรารอบดึกเอ่ยขึ้นอย่างดุๆ ทำเอานางกำนัลน้อยในห้องนอนต่างรีบพากันหลับตาปิดปากเงียบสนิทไม่กล้าเอ่ยวาจาส่งเดชอีก ไฟในห้องถูกดับไปแล้ว แต่จินฝูยังคงนอนไม่หลับเอาแต่พลิกตัวไปมาอยู่เช่นนั้น
อยู่ๆก็ต้องมาอยู่ในยุคสมัยโบราณที่แม้แต่เครื่องอำนวยความสะดวกก็ยังไม่มีเช่นนี้นางไม่คุ้นชินเอาเสียเลย เดิมทีในยุค2025นี้ มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน หากเหงาก็สามารถเปิดดูซีรี่ย์ได้ แต่ที่นี่กลับไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้นางจรรโลงใจได้เลยแม้แต่น้อย
เดิมทีหน้าที่การงานของนางกำลังไปได้สวย นางกำลังจะได้เป็นนางเอกแถวหน้าทั้งที่อายุยังน้อยหลังจากที่เป็นนางรองและนางร้ายมานาน แต่สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมกับนางเลย
จินฝูคิดอันใดไปเรื่อยเปื่อย ไม่รู้ว่าผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อใด มารู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ตอนที่ถูกน้ำเย็นๆสาดเข้าใส่ใบหน้าจนนางสะดุ้งโหยง หญิงสาวกระวีกระวาดลุกขึ้นมาจากเตียงนอนด้วยความตกใจ
"ใครสาดน้ำวะ?..."
ประโยคต่อมายังไม่ทันหลุดจากปากจินฝูก็ถึงกับยิ้มแห้ง คนที่สาดน้ำใส่นางคือฟู่หมัวหมัวที่ดูแลพวกนางนั่นเอง ฟู่หมัวหมัวมองหน้าจินฝูอย่างเอาเรื่อง
"นอนกินบ้านกินเมืองหรือไรกัน นี่มันยามใดแล้ว ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ จินฝู แต่ก่อนเจ้าไม่เคยทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ นี่เกิดอันใดขึ้น หรือว่าตื่นเต้นจนสติฟั่นเฟือน ครานี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน หากไปอยู่ที่จวนอ๋องแล้ว เจ้ายังทำตัวเช่นนี้อีก ท่านอ๋องได้โบยเจ้าตายแน่ แม้แต่ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้!"
จินฝูพยักหน้าพลางลอบเบ้ปากคราหนึ่ง อันใดกัน ฟ้ายังมืดอยู่แท้ๆยังมาปลุกคน ท่านอ๋องบัดซบนั่นตื่นแต่เช้าหรือไรจึงต้องให้พวกนางรีบไปปรนนิบัติน่ะ
แต่ช่างเถอะ ทำตามไปก่อน ดีกว่าถูกโบยตายไปอีกชาติ!
จินฝูลุกจากเตียงทั้งที่ตัวยังเปียกโชก โชคดีที่ยามนี้ยังคงเป็นช่วงกลางฤดูร้อน อากาศไม่ได้หนาวจนปากสั่น นางรีบไปแต่งตัวและออกมารวมตัวกับนางกำนัลคนอื่นๆที่หน้าเรือนนอนทันที ฟู่หมัวหมัวเอ่ยย้ำกฎระเบียบต่างๆอยู่นาน จินฝูฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง อีกทั้งยังแอบหาวหวอดๆอยู่หลายครา ผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็ถึงเวลาต้องเดินทางออกจากวังหลวง มุ่งหน้าไปยังจวนชินอ๋องเสียที
วังหลวงแห่งนี้กว้างใหญ่งดงาม มีนางกำนัลอยู่หลายร้อยหลายพันคน บางคนวาสนาดีถูกพระทัยฮ่องเต้ก็ได้เลื่อนฐานะ แต่ก็มีหญิงสาวอีกจำนวนไม่น้อยที่แม้แต่วาระสุดท้ายของชีวิตก็ยังไม่เคยได้พบพระพักตร์ของฮ่องเต้เลยด้วยซ้ำ
จินฝูได้ยินฟู่หมัวหมัวบอกว่า ฮ่องเต้พระองค์์นี้เป็นเสด็จลุงแท้ๆของชินอ๋องกู้เหยียนฉี ฮ่องเต้ทรงรักใคร่หลานชายผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง รักใคร่เสียยิ่งกว่าองค์ชายใหญ่ที่เกิดเจี่ยงฮองเฮาเสียอีก ได้ยินว่าเพราะเรื่องนี้ทรงทำให้เจี่ยงฮองเฮาไม่พอพระทัยเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่กล้าปริปากอันใด เพราะยามนี้องค์ชายใหญ่ยังทรงไม่ได้ถูกแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท อีกทั้งยังไม่อาจคาดเดาพระทัยของฝ่าบาท ได้ เจี่ยงฮองเฮาย่อมไม่อาจลงมือทำอันใดบุ่มบ่ามได้
จินฝูเพียงฟังเรื่องนี้ผ่านหู นางเองไม่อยากจะสนใจเท่าใดนัก เรื่องของชนชั้นสูงยิ่งฟังยิ่งปวดหัว
มานึกๆดูแล้ว บางคราสวรรค์ก็ออกจะลำเอียงไปเสียหน่อย นางเป็นถึงนางเอกดาวรุ่งหน้าใหม่เชียวนะ เกิดใหม่ทั้งทีให้เกิดเป็นคุณหนูสูงศักดิ์หน่อยก็ไม่ได้ เหตุใดจึงต้องให้นางมาเกิดใหม่ในร่างของสตรีที่มีชีวิตน่าสงสารผู้นี้ด้วย
จินฝูแม้ในใจจะตัดพ้อโอดครวญ แต่ก็ยังเดินตามนางกำนัคนอื่นๆไปแต่โดยดี ระยะทางจากวังหลวงถึงจวนอ๋องไม่ได้ไกลกันมากนัก เดินไปไม่นานก็ถึงเสียที เมื่อมาถึงจินฝูจึงแหงนหน้ามองดูป้ายที่ติดอยู่หน้าจวนที่เขียนว่า จวนชินอ๋อง ตัวอักษรงดงามแต่กลับแฝงเอาไว้ด้วยความหนักแน่น นางไม่ทันได้มองดูให้นานอีกหน่อย ฟู่หมัวหมัวก็บอกให้พวกนางรีบเดินไปด้านในเสียแล้ว
เมื่อเข้ามาด้านในแล้วก็ได้พบกับพ่อบ้านตู้ พ่อบ้านประจำจวนชินอ๋องที่กำลังยืนรออยู่ที่หน้าลานเรือน พ่อบ้านตู้เป็นพ่อบ้านที่ดูแลทุกอย่างในจวนชินอ๋อง เขามีใบหน้ายิ้มแย้มดูเป็นคนจิตใจดีอย่างมาก ฟู่หมัวหมัวที่หมดหน้าที่แล้วจึงกล่าวลาพ่อบ้านตู้ พ่อบ้านตู้เองก็ปฏิบัติต่อฟู่หมัวหมัวอย่างนอบน้อมไม่น้อย เมื่อฟู่หมัวหมัวจากไปแล้ว พ่อบ้านตู้จึงหันมาเอ่ยกับพวกนางที่ยืนอยู่กลางลานเรือน
"ยินดีต้อนรับสาวงามทุกท่านเข้าสู่จวนชินอ๋อง จวนของเราไม่ได้มีกฎระเบียบยิบย่อยอันใดมากนัก พวกเจ้าไม่ต้องกังวลไป”
พ่อบ้านตู้เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไม่น้อย
“กฎระเบียบของจวนอ๋องก็คือ พวกเจ้าจะต้องเข้านอนต้นยามจื่อ ตื่นนอนต้นยามเหม่า หน้าที่ของพวกเจ้าคือช่วยทำงานทุกอย่างในจวนไปก่อน ไว้ผู้ใดมีผลงานโดดเด่นก็จะได้ย้ายเข้าไปปรนนิบัติท่านอ๋องในเรือนใหญ่ ส่วนเรือนพักของพวกเจ้า จะอยู่ติดกับโรงครัว ห้องหนึ่งอยู่ได้สามคน อย่างที่เคยบอก ผู้ใดที่่ต้องตาท่านอ๋องจึงจะมีเรือนส่วนตัวเป็นของตนเอง เอาล่ะ ข้าจะพาพวกเจ้าไปถวายพระพรท่านอ๋องในเรือนใหญ่ก่อน"
พ่อบ้านตู้เอ่ยจบก็เดินนำทางพวกนางเข้าไปในเรือนใหญ่ทันที จินฝูที่เดินรั้งท้ายพลันได้ยินเสิ่นหลี นางกำนัลน้อยที่เดินอยู่ด้านหน้านางเอ่ยอย่างลำพองใจ
“ข้าจะต้องทำให้ท่านอ๋องหมายตาข้าให้ได้ จะได้มีเรือนส่วนตัวเป็นของตนเอง”
จินฝูเมื่อได้ฟังก็ส่ายหน้าไปมาเบาๆ สตรีในยุคนี้เอาแต่พึ่งพาสามี แต่นางเองก็เข้าใจได้ ยุคนี้สตรีทำสิ่งใดได้ไม่มากนัก แต่สำหรับนางแล้ว อย่างไรเสียการพึ่งพาตนเองได้จึงถือเป็นเรื่องดีที่สุด
นางไม่เอาด้วยคน กลัวว่าจะพิการ ไม่ก็มือขาดขาขาดก่อนจะได้เรือนส่วนตัวน่ะสิไม่ว่า!
จินฝูเดินไปพลางสังเกตสิ่งรอบตัวไปพลาง ภายในจวนอ๋องมีการตกแต่งที่งดงาม มีต้นไม้ดอกไม้ปลูกประดับทั่วทั้งจวนให้ความรู้สึกร่มรื่นยิ่ง เมื่อเข้ามาในเรือนใหญ่ก็ยิ่งพบว่าการตกแต่งหรูหราราวกับแดนสวรรค์ กลิ่นกำยานอ่อนๆลอยวนอยู่ทั่วทั้งเรือนให้ความรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
"ท่านอ๋อง นางกำนัลที่ฝ่าบาททรงมอบให้ มาถึงแล้วพ่ะยะค่ะ"
"ให้พวกนางเข้ามาได้"
จินฝูถึงกับชะงักไปชั่วขณะ เสียงของท่านอ๋องผู้นี้ฟังดูนุ่มละมุนหูอย่างแปลกประหลาด แต่ทว่ากลับแฝงอำนาจกดดันอยู่ในที
เหล่านางกำนัลเดินเข้ามาในเรือนใหญ่อย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะคุกเข่าทำความเคารพเขาอย่างนอบน้อม เหล่านางกำนัลทุกคนต่างไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดัง ชื่อเสียงของเขานั้นผู้ใดบ้างไม่รู้กระจ่างแจ้ง
พวกนางคุกเข่าก้มหน้าอยู่นาน ท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ก็ยังไม่บอกให้พวกนางลุกขึ้นเงยหน้ามาสนทนากันเสียที จินฝูรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างของนางยามนี้เริ่มจะไม่มีความรู้สึกแล้ว อีกทั้งก่อนออกมาจากวังหลวง นางยังกินเพียงโจ๊กที่ใสเหมือนตาแมวไปเพียงถ้วยเดียว ตอนนี้จึงเริ่มจะรู้สึกหิวขึ้นมาอีกแล้ว
พ่อบ้านตู้ลอบมองนางกำนัลเหล่านั้นด้วยความเห็นใจ แต่ในเมื่อผู้เป็นนายไม่ยังไม่เอ่ยปาก เขามีหรือจะกล้าเอ่ยท้วง ทำได้เพียงลอบสงสารพวกนางอยู่เงียบๆ แต่ไหนแต่ไรท่านอ๋องก็เป็นเช่นนี้มาตลอด
จินฝูเริ่มจะทนไม่ไหวอยู่รอมล่อ นางไม่ใช่สตรียุคโบราณที่ฝึกฝนมรรยาทอย่างทรหดอดทนอันใดเทือกนั้นมาก่อน
บัดซบ! เริ่มชามาถึงเอวแล้ว
กู้เหยียนฉีท่านอ๋องผู้สูงส่งที่นั่งอย่างสบายอารมณ์เพียงปรายตามองพวกนางอย่างไม่ใส่ใจ นางกำนัลเหล่านี้เก้าในสิบส่วนล้วนมีคนของเจี่ยงฮองเฮารวมอยู่ด้วย คราก่อนเขาไล่พวกนางไปหมด แต่เจี่ยงฮองเฮายังคิดจะส่งพวกนางมาอีก คิดจะทำสงครามประสาทกับเขาหรือ?
ในเมื่ออยากเล่นสนุก เช่นนั้นเขาก็จะเล่นด้วย ชื่อเสียงดีงามเปี่ยมเมตตาอันใดเทือกนั้นเขาไม่สนใจอยู่แล้ว
จินฝูรออยู่นาน ท่านอ๋องผู้นั้นก็ยังไม่ยอมให้นางลุกเสียที นางจะไม่ไหวอยู่แล้ว หน้าเริ่มมืดขาเริ่มชาและยังหิวด้วย นางหิวมาก!
ในขณะที่นางกำลังโอดครวญ อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนว่ามีตัวอะไรบางอย่างเดินมาหยุดอยู่ข้างกายนาง พร้อมทั้งยังใช้ปากจิกลงมาบนศีรษะของนางไม่ยอมหยุด แรงจิกของมันเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆจนจินฝูเจ็บแทบทนไม่ไหว นางคอยๆเอียงหน้าไปมอง แล้วจึงสบประสานสายตาเข้ากับกับไก่ตัวหนึ่ง
ไก่?
ในจวนอ๋องเลี้ยงไก่ด้วยหรือ?
หรือท่านอ๋องเขาเลี้ยงไว้กินไข่?
อ๊า! ไข่ม้วนหน้านุ่มชีสเยิ้มๆ ให้ตายเถอะมันใช่เวลาไหมเล่า!
ความคิดมากมายตีกันในหัวของจินฝูไม่หยุด เจ้าไก่ตัวนี้ดูเหมือนไม่ใช่ไก่ธรรมดา ขนของมันออกสีส้มๆทองๆดูสวยงามแปลกตาไม่เหมือนกับไก่ทั่วไปที่นางเคยเห็นเลย
อยู่ๆจินฝูก็รู้สึกหิวขึ้นมา นางเม้มริมฝีปากแน่น เสียงในหัวเริ่มชัดเจนขึ้น
ไก่ทอดหนังกรอบ ไก่ทอดหนังกรอบ!
เจ้าไก่หรี่ตามองนางราวกับอ่านความคิดในหัวของนางออก มันโน้มหัวลงมาจิกหน้าผากนางอย่างแรง จินฝูทนไม่ไหวแล้ว นางคว้าจับคอมันขึ้นมาก่อนจะเอ่ยอย่างหมดความอดทน
"เจ้าไก่ดื้อ มาจิกหน้าผากข้าทำไมกัน รู้หรือไม่ว่าข้ากำลังหิวอยู่ ยิ่งเห็นเจ้าข้ายิ่งหิว! หัวและคอเจ้าเอามาทอดกรอบและคลุกผงหม่าล่ารสชาติดีเยี่ยมเชียวล่ะ ส่วนตัวเจ้าน่ะเอามาชุบแป้งทอดทำเป็นไก่ทอดหนังกรอบก็ดีเลิศ ส่วนขาต้องเอาไปตุ๋นจนเปื่อยกลายเป็นตีนไก่ตุ๋นน้ำแกง โอย ยิ่งพูดยิ่งหิว หิวโว๊ย!"
ภายในห้องพลันเงียบกริบ ทุกคนหันมามองนางเป็นตาเดียว พ่อบ้านตู้ถึงกับขาสั่นพั่บๆเมื่อหันไปเห็นสายตาเย็นเยียบของเจ้านายตน
จินฝูรู้สึกถึงความผิดปกติ นางหันขวับไปมองก่อนจะสะดุ้งโหยง ยามนี้มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาใบหน้าคมคาย ดวงตางดงามเหมือนดวงดารากำลังนั่งมองนางอยู่ แต่ทว่านางกลับรู้สึกได้ถึงสัญญาณอันตรายบางอย่าง หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากมีท่าทีลนลาน นางรีบปล่อยเจ้าไก่บัดซบนั่นลงและหมอบไปบนพื้นทันที
ให้ตายเถอะ ข้าทำผิดใหญ่หลวงหรือนี่ หรือว่าไก่นั่นเป็นไก่ของเขา เขาจะเก็บไว้ทำไก่แช่เหล้าใช่หรือไม่?
ถ้าหมักแล้วขอดื่มด้วยสักจอก บัดซบ! ในหัวนางนี่มันคิดอันใดอยู่กัน!
จินฝูพยายามไม่สนใจเสียงในหัวของตนเอง พลางก่นด่าตนเองในใจ ให้ตายเถะ นางไม่น่าตละกละเลย ไม่น่าเลย!
"ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ"
พ่อบ้านตู้เอ่ยเรียกเจ้านายของตน กู้เหยียนฉีส่งเสียงเหอะเบาๆ แล้วจึงเอ่ยเสียงเข้ม
"ให้คนอื่นๆออกไปให้หมด ส่วนนางคนนั้นที่บีบคอไก่ของข้าให้อยู่ก่อน"
เหล่านางกำนัลคนอื่นเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ลอบมองจินฝูอย่างเห็นใจ แล้วจึงค่อยๆเดินออกไป การเข้าเฝ้าท่านอ๋องครานี้ทำให้สตรีน้อยหลายคนมีความคิดมากมาย บางคนไม่กล้าทะเยอะทะยาน แต่มีไม่น้อยที่คิดว่าท่านอ๋องหล่อเหลาปานนี้ ต่อให้ต้องกระโจนเข้ากองไฟหรือตกเป็นทาสรักของเขาพวกนางก็ยินดี จะให้เป็นอนุหรือนางบำเรอล้วนได้ทั้งสิ้น
เมื่อนางกำนัลคนอื่นๆออกไปหมดแล้ว กู้เหยียนฉีก็ก้าวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าจินฝู
"เงยหน้าขึ้นมาสิ"
น้ำเสียงของเขาเย็นชาและติดจะเบื่อหน่ายไปเสียหน่อย จินฝูไม่อาจขัดคำสั่งได้ จึงรีบเงยหน้าไปมองเขาทันที เมื่อได้เห็นใบหน้าของเขาใกล้ๆก็พบว่าหล่อเหลามากจริงๆ เป็นบุรุษรูปงามที่หาได้ยากยิ่งเชียวละ
กู้เหยียนฉียื่นมือมาจับปลายคางของนางให้เชยขึ้น และเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้าชื่ออันใด?”
“จะ... จินฝูเพคะ”
"เจ้าอยากกินไก่ข้าหรือ?"
จินฝูเมื่อได้ยินก็รีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน อีกทั้งเอ่ยกับเขาอย่างหวาดๆ
"ไม่กล้าเพคะ หม่อมฉันไม่ได้อยากกินเพคะ ไม่อยากกินเลย"
"แต่เมื่อครู่ข้าได้ยินเจ้าบอกว่า เจ้าจะเอาทุกส่วนบนร่างกายของมันเข้าปาก"
"ไม่ได้เอาเข้าปากเพคะ ไก่งามปานนี้จะเอาไปทอดกรอบได้อย่างไร หม่อมฉันเพียงเอ่ยชมเท่านั้นเพคะ คอกับหัวงามมากสมส่วน ตัวก็เนื้อแน่น ขายิ่งเรียวงาม ยามกระโดดทะยานบินไปบนฟ้าจะต้องสุดยอดมากแน่นอนเพคะ"
“ไก่ขาเรียวงาม?”
“เพคะ”
งามทั้งตัว ชุบแป้งทอดแล้วกัดกร๊วบๆพร้อมราดน้ำจิ้ม!
จินฝูรีบส่ายหน้าไปมา ไม่ได้ จะแพ้เสียงบัดซบในหัวไม่ได้เป็นอันขาด
กู้เหยียนฉีส่งเสียงหึหึออกมาคราหนึ่ง คิดว่าเขาดูไม่ออกหรือว่านางกำลังโกหก
"น่าสนใจดีนี่ ไม่เคยมีใครบอกว่าไก่ของข้าอร่อยมาก่อน เจ้าเป็นคนแรกเลย แต่ช่างเถิด วันนี้ข้าอารมณ์ดี จะไม่ถือสาหาความกับเจ้าก็แล้วกัน พ่อบ้านตู้!"
"พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"
"ลากคอนางออกไป อย่าให้เสนอหน้ามาอยู่ต่อหน้าข้าอีก หากข้าอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา อาจจะพลั้งมือฆ่านางทิ้งเอาได้"
เอ่ยจบเขาก็เดินจากไปโดยไม่สนใจจินฝูอีก เดิมทีเขาก็คร้านจะสนใจสตรีประสาทไม่ปกตินางนี้อยู่แล้ว อีกทั้งดูเหมือนนางก็ไม่ได้ทำเรื่องอันใดให้เขารำคาญใจนอกจากจ้องจะกินไก่ของเขา เขาจึงไม่อยากจะถือสาหาความให้มากเรื่อง
พ่อบ้านตู้รีบให้คนมาลากจินฝูออกไป นางเองก็ไม่ขัดขืน ลากไปเถอะ นางชอบ ลากออกจากจวนไปเลยยิ่งดี จะเอานางไปทิ้งขว้างที่ใดก็ได้!
ก่อนออกจากเรือนใหญ่พ่อบ้านตู้เอ่ยเตือนนางสองสามประโยคก็ปล่อยตัวไปนาง จินฝูสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด อย่างน้อยนางก็อยู่รอดปลอดภัยมาได้อีกหนึ่งวันแล้ว เรื่องอื่นค่อยว่ากันเถอะ!
กู้เหยียนฉีจำได้ว่าช่วงเวลานั้นเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ในตอนนั้นเขาและจินฝูยังเป็นเพียงข้ารับใช้และเจ้านาย ไม่ได้มีความรักลึกซึ้งอันใดต่อกันเลยแม้แต่น้อยอากาศเช้านี้ค่อนข้างเย็นสบายไม่น้อยเลย หลังจากที่เตรียมอาหารมื้อเช้าให้กู้เหยียนฉีเสร็จเรียบร้อยแล้ว จินฝูก็ตรงมายังห้องโถงใหญ่เพื่อปรนนิบัติเขากินอาหารมื้อเช้า นี่คืองานที่นางต้องทำในแต่ละวัน จะขาดตกบกพร่องไม่ได้ เมื่อมาถึงก็พบว่ากู้เหยียนฉีตื่นนอนแล้ว ชายหนุ่มกินอาหารเช้าและแบ่งให้นางกินเหมือนกับทุกวันที่เคยทำ จินฝูรู้สึกฟินมาก ท้องอิ่มหนังตาก็เริ่มหย่อน แต่นางยังไม่ทันจะไปนอนก็ได้ยินกู้เหยียนฉีเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน"ตามข้าไปที่ห้องนอนด้วย"เอ่ยจบเขาก็เดินตรงไปรอนางที่ห้องนอนทันที จินฝูที่ได้ยินเช่นนั้นใจก็เต้นถี่ระรัว นางกำมือแน่น พลางครุ่นคิดในใจอย่างหวาดหวั่นนี่นางกับเขา ต้องทำเรื่องอย่างว่ากันแล้วอย่างนั้นหรือ?!แม้ในใจจะร้องโอดครวญ แต่กลับไม่อาจปฏิเสธ ในเมื่อนางเป็นคนของเขาแล้ว การที่เขาจะทำอันใดกับนางก็นับว่าไม่ผิด หญิงสาวถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง แล้วจึงเดินตามเขาเข้าไปในห้องนอน เมื่อมาถึงก็พบว่ายามนี้กู้เหยียนฉีกำลังนั่งอยู่บนเตี
วันคืนล่วงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็กู้เหยียนฉีและจินฝูก็ได้แต่งงานกัน พิธีการจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะมีผู้คนมาร่วมเฉลิมฉลองกันอย่างคึกคัก ก่อนที่เขาและนางจะแต่งงานกัน กู้เหยียนฉีพาจินฝูไปเที่ยวชมสถานที่งดงามและกินดื่มอย่างสำราญใจ นางจึงมีความสุขเป็นอย่างยิ่งการแต่งงานครั้งนี้มิใช่การแต่งงานธรรมดา แต่เป็นการสถาปนาการขึ้นครองราชย์ของกู้เหยียนฉีด้วยแม้จะไม่ต้องการสักเท่าไร่ แต่กู้เหยียนฉีรู้ดีว่าสุดท้ายแล้ว มันคือหน้าที่ของเขา อย่างน้อยเขาก็ยังมีจินฝูที่เป็นแสงสว่างในชีวิตของเขา ขอเพียงมีนางในวังหลวงที่น่าเบื่อแห่งนี้ก็งดงามขึ้นมาทันตาหลังจากกู้เยียนฉีขึ้นครองราชย์ กู้ฟานก็สละราชบัลลังก์ เขาใช้บั้นปลายชีวิตไปกับการอ่านตำราและวาดภาพอยู่ที่ตำหนักท้ายวังหลวง ทุกวันผ่านไปอย่างมีความสุข กู้เหยียนฉีเองก็ดูแลเขาเป็นอย่างดี ส่วนจินฝูนั้นเป็นเด็กร่าเริงอารมณ์ดี นางมักจะชอบมาเล่าเรื่องต่างๆให้เขาฟัง ทำให้เขาไม่เหงาเลยแม้แต่น้อยรัชศกฉีปีที่หนึ่ง กู้เหยียนฉีขึ้นครองราชย์ และแต่งตั้งจินฝูเป็นฮองเฮา เหล่าขุนนางไม่กล้าคัดค้าน เพราะฮองเฮาพระองค์ใหม่คือกำลังสำคัญเช่นกันที่ทำให้ฝ่าบาททรงได้ขึ้นค
กบฏตระกูลเจี่ยงถูกสังหารสิ้นแล้ว อีกทั้งราชสำนักยังประกาศความชั่วของพวกเขาให้ราษฏรทั่วทั้งใต้หล้าได้รับรู้เจีี่ยงฉยงอดีตแม่ทัพใหญ่ มีใจคิดไม่ซื่อ ลอบวางยาพิษเจ้าแผ่นดิน และลอบสังหารอดีตชินอ๋อง โชคดีที่สวรรค์เมตตาให้อดีตชินอ๋องทรงรอดชีวิตกลับมาได้ และกลับมาทวงคืนความยุติธรรมให้บ้านเมืองได้สำเร็จส่วนเจี่ยงหว่าน อดีตฮองเฮานั้น เพียงเพราะหลงใหลในอำนาจ จึงตบตาฮ่องเต้แต่งเข้าวังหลังมาทั้งที่ตั้งครรภ์บุตรกับชายอื่น และยังฆ่าปิดปากชายคนรักเพื่อไม่ให้เขากลับมาเปิดโปงความเลวทรามต่ำช้าของตน ซ้ำร้ายยังลอบส่งนักฆ่าไปสังหารกู้เหยียนฉีหลายต่อหลายครั้งด้วย กู้ม่อหลีแท้จริงแล้วไม่ใช่บุตรของโอรสสวรรค์ เขาเป็นองค์ชายตัวปลอม ส่วนองค์ชายใหญ่ที่แท้จริงซึ่งมีสายเลือดของฝ่าบาทไหลเวียนอยู่ในกายคือกู้เหยียนฉี องค์ชายใหญ่ตัวจริงที่ต้องปิดบังสถานะของตนเองเพื่อหาทางเอาตัวรอดและกำจัดคนชั่ว คนตระกูลเจี่ยงมีโทษหลอกลวงเบื้องสูง ให้ขายบ่าวในจวนทิ้งไปเสีย ยึดทรัพย์สินทั้งหมดเข้าคลังหลวง บุรุษให้สังหารทิ้งทั้งหมด ส่วนสตรีให้เนรเทศไปอยู่ที่ชายแดนแร้นแค้น ชั่วชีวิตนี้อย่าได้คิดจะกลับเข้าเมืองหลวงอีกผู้คนที่ได้รับรู้ต
กู้เหยียนฉีเดินเข้าไปในตำหนักที่กู้ฮ่องเต้พักรักษาตัวอยู่ด้วยใบหน้าที่เลื่อนลอย ครั้งนี้จินฝูไม่ได้ตามไปด้วย เพราะอยากให้พ่อลูกได้พูดคุยกันอย่างเปิดใจกู้ฮ่องเต้ได้สติฟื้นตื่นขึ้นมาแล้ว แต่เพราะสำลักควันไฟเข้าไปเป็นจำนวนมาก และยังถูกพิษมาก่อนหน้านี้ ทำให้ร่างหายของเขาย่ำแย่ลงไปมาก เขาให้นางกำนัลประคองตนนอนเอนพิงหมอนบนเตียง แล้วจึงให้พวกนางออกไปให้หมด ยามนี้จึงเหลือเพียงกู้เหยียนฉีและกู้ฟานเพียงเท่านั้นกู้ฮ่องเต้กระแอมไออยู่ตลอดเวลา เขาพยายามฝืนประคองตนให้ยืนหยัดเอาไว้ แล้วจึงเงยหน้าไปมองกู้ฟานน้องชายของตน"น้องสี่ ขอบใจเจ้ามากนะ หากไม่มีเจ้า ข้าคงไร้สามารถไม่อาจทำสิ่งใดได้ แค่กแค่ก"กู้ฟานน้ำตาไหล เขารีบเดินเข้าไปจับมือพี่ชายตนเอาไว้"พี่สาม ท่านเก่งที่สุดแล้ว ถึงแม้พวกเราจะไมได้เกิดจากมารดาคนเดียวกัน แต่ข้าก็รักท่านมาก รักท่านเหมือนพี่ชายร่วมมารดาเดียวกัน"กู้ฮ่องเต้พยักหน้า ก่อนจะหันมามองกู้เหยียนที่ยืนอยู่ไม่ไกล กู้ฮ่องเต้ยิ้มอย่างอ่อนแรงรู้สึกว่าตนเองเริ่มจะไม่ไหวมากขึ้นทุกที"ฉีหลาง เจ้ายังโกรธพ่ออยู่หรือ แต่ช่างเถิด ยามนี้คนตระกูลเจี่ยงตายสิ้นแล้ว เจ้าโกรธพ่อนานอีกสักหน่อย พ่อก
กู้เหยียนฉีที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองกู้ฟานด้วยความสงสัย ด้านจินฝูนั้นคิดว่าเรื่องที่พวกเขาจะพูดคุยกันย่อมเป็นเรื่องสำคัญ นางจึงบอกว่าจะไปรอเขาที่ด้านนอกตำหนักเสียก่อน แต่ทว่ากู้เหยียนฉีกลับยื่นมือของตนมารั้งตัวนางเอาไว้ จินฝูมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความสงสัยปราดหนึ่ง แล้วจึงพบว่าเขากำลังมองนางด้วยแววตาอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง"เสด็จอา นางเป็นคนรักของหลานเป็นคนที่พวกเราไว้ใจได้พ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งเรื่องที่เหล่ากองทัพเสริมของเจี่ยงฉยงถูกระเบิดจนล้มตายไปกว่าครึ่ง ก็เป็นฝีมือของนาง"กู้ฟานหันมามองจินฝูด้วยสายตาเอ็นดู"ที่แท้ก็เป็นหลานสะใภ้ของข้าเองหรือ"จินฝูยิ้มให้กู้ฟานอย่างนอบน้อม ตอนที่ได้ยินว่าเขายังไม่ตาย นางแอบตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่คิดเลยว่าเรื่องราวต่างๆจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากมายถึงเพียงนี้กู้ฟานเองเมื่อรู้ว่าจินฝูคือคนสำคัญของกู้เหยียนฉีก็ไม่ได้ระแวดระวังสิ่งใดอีกเขาทอดถอนใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า"ฉีหลาง อารู้ว่าหลายปีมานี้เจ้าคับแค้นใจมาก เจ้าคงรู้แล้วว่าเสด็จพี่คือบิดาของเจ้า อาเองก็มีส่วนผิดเช่นกันที่รู้เรื่องราวทุกอย่างแต่กลับไม่อาจบอกกล่าวกับเจ้าได้"กู้เหยียนฉีกำมือแน่น ใบหน้าฉายแววเย็
กู้เหยียนฉีและจินฝูรีบกลับเข้าเมืองหลวง ก่อนไปยังสั่งให้องค์รักษ์พาครอบครัวของจินฝูและคนในจวนอ๋องกลับเข้าเมืองหลวงโดยเร็ว ส่วนพ่อบ้านตู้และฉินเซียง ซ่งเอ๋อร์ก็เร่งรุดกลับไปที่จวนอ๋องเพื่อตรวจดูว่ามีตรงไหนเสียหายบ้างหรือไม่ ระหว่างทางที่กลับเข้าวังหลวง เขาและนางได้พบเจอกู้ม่อหลีเข้าเสียก่อน กู้ม่อหลีจ้องมองกู้เหยียนฉีด้วยความเคียดแค้น เขาไม่มีทางเชื่อว่าตนเองไม่ใช่บุตรของโอรสสวรค์ อีกทั้งยังคิดจะแย่งจินฝูมา กู้เหยียนฉีคร้านจะสนใจคนบัดซบนี่ เขาจึงยิงหน้าไม้เข้าใส่กู้ม่อหลีทันที กู้ม่อหลีไม่ทันระวังทำให้ลูกศรแทงเข้าที่ลำคอ กู้ม่อหลีสิ้นใจตายทั้งที่ดวงตายังเบิกกว่าง ไม่มีผู้ใดสนใจความเป็นตายของเขาเลยแม้แต่น้อยกู้เหยียนฉีได้เล่าให้จินฝูฟังแล้วว่า กู้ม่อหลีไม่ใช่บุตรแท้ๆของฮ่องเต้ จินฝูตกใจไม่น้อย แต่กลับดีใจมากกว่า คนเช่นนี้ไม่เหมาะจะเป็นองค์ชายเลยด้วยซ้ำ สมควรแล้วที่ถูกสังหารเช่นนี้กู้เหยียนฉีและจินฝูวิ่งไปตามทางเดินในวังหลวงอย่างรีบร้อน เมื่อมาถึงตำหนักมังกรสวรรค์ก็พบว่าในตำหนักกำลังเกิดเพลิงไหม้โหมแรงมาก พวกเขาเข้าไปไม่ได้ ทำได้เพียงมองดูอยู่ด้านนอก“ฝ่าบาทยังทรงประทับอยู่ด้านใน รีบช
ความคิดเห็น