“เพราะข้าโง่งม ปล่อยให้ความรักบังตา จนมองไม่เห็นความจริง ว่าแท้จริงแล้วผู้ใดที่รักและหวังดีกับข้า ได้โปรด..เช่นนี้หาได้ยุติธรรมสำหรับข้าไม่” “ยามมีอยู่ไม่เห็นค่า ยามจากมาเหตุใดถึงอาวรณ์เพียงนี้เล่า?”
View Moreปีที่ยี่สิบสองแห่งการครองราชย์ของฮ่องเต้หมิงคัง ลมหนาวของเดือนหนึ่ง ช่างหนาวเหน็บลึกลงไปถึงขั้วหัวใจ หญิงสาวร่างกายผ่ายผอม เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก ริมฝีปากแห้งผากราวกับพื้นดินที่แตกระแหง ขาดน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจ ดวงตาบวมช้ำปิดสนิท จนไม่สามารถลืมตาขึ้นมามองโลกภายนอกได้
“ไปกันเถอะ” ร่างดำทมิฬ ทว่ากลับดูสง่างาม ยากนักที่จะละสายตาให้มองไปทางอื่นได้
“ไม่ ข้ายังไม่อยากตาย” หลี่เจียวกำลังยืนมองร่างอันไร้วิญญาณ หากเมื่อพินิจมองแล้วเป็นต้องตกใจ เพราะนั่นคือนาง
“เจ้าจักฝืนไปไย ในเมื่อทุกอย่างเป็นเจ้าที่โง่งม เลือกทางเดินผิดด้วยตนเอง” คำพูดที่ถากถางไปถึงขั้วหัวใจ แฝงไปด้วยความเย้ยหยัน
“เพราะข้าโง่งม ปล่อยให้ความรักบังตา จนมองไม่เห็นความจริง ว่าแท้จริงแล้วผู้ใดที่รักและหวังดีกับข้า ได้โปรด...เช่นนี้หาได้ยุติธรรมสำหรับข้าไม่” ร่างที่ไร้เรี่ยวแรงทำเพียงแค่หันไปมองบุคคลลึกลับผู้นั้น ทั้งที่ไม่ได้เปล่งเสียงใด ๆ ออกมา ทว่ากลับรับรู้ได้ว่ากำลังสนทนา เพื่อต่อดวงชะตาให้กับตนเองอยู่
“ยามมีอยู่ไม่เห็นค่า ยามจากมาเหตุใดถึงอาวรณ์เพียงนี้เล่า” น้ำเสียงเย้ยหยันแกมประชดประชัน น่าแปลกทั้งที่ไม่ได้พูดหรือแสดงสีหน้าใด ๆ ให้เห็น แต่สัมผัสได้ว่ากำลังเย้ยหยันที่นางโง่เขลานัก
“ท่านไม่เป็นข้าย่อมไม่เข้าใจ ว่าคนเลวเหล่านั้นมอบบาดแผลใดให้แก่ข้าบ้าง เหตุใดคนชั่วถึงได้อยู่เสวยสุข แล้วคนที่ถูกรังแกไม่มีทางสู้ ถึงพบกับจุดจบเช่นนี้เล่า สวรรค์...เหตุใดถึงได้ลำเอียงเช่นนี้”
เมื่อรู้ว่าไม่มีหนทางที่จะกลับไปแก้ไขได้อีก จึงได้แต่พร่ำพรรณนาถึงความอยุติธรรมที่ตนเองได้รับ ทั้งในยามที่มีชีวิตหรือแม้กระทั่งในยามที่ไร้ลมหายใจ ไม่มีผู้ใดให้ความยุติธรรมแก่ตนเองได้
“เจ้าไม่มีทางรู้ว่าสวรรค์ลำเอียงหรือยุติธรรม จนกว่าจะได้สัมผัสถึงแก่นแท้ของชีวิตโดยแท้จริง” เสียงกระซิบข้างหูคล้ายสายลมพัดผ่านมาแผ่วเบา จากนั้นร่างทั้งร่างก็กระตุกวูบไหว รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนบางอย่างจนยากจะควบคุม สติที่เหลือเพียงน้อยนิดก็ดับวูบไป
รถม้าคันหนึ่งวิ่งด้วยความเร็ว เสียงแส้ของคนบังคับเร่งม้าเร็วอย่างไม่ลดละแทบไม่ได้หยุดพักระหว่างทาง ทำให้คนที่นอนซมอยู่ถึงกับต้องตื่นขึ้นมาในทันใด แม้ว่าในตอนนี้ยากที่จะลืมตาก็ตาม
“คุณหนู ฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ บ่าวเป็นห่วงเหลือเกินเจ้าค่ะ” สาวใช้นางหนึ่งประคองคุณหนูของตนเองลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล มองจากเสื้อผ้าการแต่งกายในเวลานี้ แทบแยกไม่ออกว่าใครเป็นนาย ใครเป็นบ่าว เนื่องจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่ได้แตกต่างกันเลยสักนิด
หากจะมองหาความต่าง คงจะมีเพียงหน้าตาและผิวพรรณ แม้ว่าผู้เป็นนาย ตอนนี้ใบหน้าของนางจะซีดขาว มองไม่เห็นสีเลือดฝาดบนใบหน้า ทว่ากลับมีใบหน้างดงามชวนมอง โดยเฉพาะดวงตาที่สุกสกาวดุจดวงดาราบนท้องนภา ความอ่อนล้าตลอดการเดินทางหลายวันที่ผ่านมา ไม่สามารถทำให้ความงามของหญิงสาวลดลงได้เลยแม้เพียงสักนิด
“อือ...น้ำ”
หลี่เจียว อดีตคุณหนูใหญ่แห่งจวนตระกูลหลี่ บุตรสาวคนโตของราชครูหลี่กับอดีตฮูหยินใหญ่ ภายหลังถูกจับได้ว่านางสวมหมวกเขียวให้กับสามี จึงถูกเนรเทศมาอยู่ที่บ้านเกิดยังพื้นที่ห่างไกลจากเมืองหลวงเพื่อสำนึกผิดพร้อมกับบุตรสาวคนโต ถูกคนงานกลั่นแกล้งจนล้มป่วยและเสียชีวิตในภายหลัง
ฉินซิน สาวใช้ที่ติดตามคุณหนูใหญ่มาตั้งแต่เด็ก ดีใจจนร้องไห้ออกมา ด้วยคิดว่าผู้เป็นนายจะไม่รอดพ้นราตรีนี้ไปได้แล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าสวรรค์ท่านเมตตาคุณหนูผู้น่าสงสาร ชีวิตอาภัพ มารดามาด่วนจากไป บิดาหลงลืมไม่ไยดี บัดนี้นายท่านฟื้นคืนสติ ถึงได้ส่งคนมารับคุณหนูใหญ่กลับเข้าจวนราชครู
สองนายบ่าวประคองกันอย่างทุลักทุเล โดยมีแม่บ้านประจำตัว ฮูหยินคนใหม่ของจวน คอยชำเลืองมองอยู่ แต่หาได้ให้การช่วยเหลือใดไม่ นายเป็นเช่นไร บ่าวย่อมมีนิสัยไม่ต่างกัน
หลังจากที่ได้ดื่มน้ำเข้าไป ความกระหายเริ่มทุเลา ความทรงจำต่าง ๆ เริ่มกลับเข้ามาในหัวของหลี่เจียว คล้ายว่าเหตุการณ์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วเมื่อหลายปีก่อน เหตุใดนางถึงยังอยู่ที่นี่ มิใช่ว่านางตรอมใจจนตายไปแล้วหรือ
“เจ้าไม่มีทางรู้ว่าสวรรค์ลำเอียงหรือยุติธรรม จนกว่าจะได้สัมผัสถึงแก่นแท้ของชีวิตโดยแท้จริง”
ทันใดนั้น น้ำเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ ก็กลับเข้ามาในโสตประสาท ทุกอย่างเริ่มกระจ่างแจ้งขึ้น หลี่เจียวหันไปสำรวจรอบ ๆ อีกครั้ง พบว่าภายในรถม้าที่หรูหราแห่งนี้ ไม่ได้มีแค่นางและสาวใช้ข้างกายเท่านั้น ทว่ายังมีแม่บ้านคนสนิทของฮูหยินรองอีกด้วย
หากเป็นเช่นนี้ แสดงว่านางย้อนเวลากลับมาเมื่อครั้งที่ราชครู หลี่ส่งคนมารับตัวนางกลับไป เพื่อที่จะให้ปลอมตัวเป็นคุณหนูรอง แล้วให้น้องสาวที่อายุห่างกันเพียงแค่ห้าเดือนมาเป็นคุณหนูใหญ่แทน จะได้รับการแต่งตั้งไปเป็นชายาขององค์ชายแปด ตามที่ท่านตาของนางได้หมั้นหมายเอาไว้ให้ตั้งแต่เมื่อครั้งเยาว์วัย
หากเป็นในชาติที่แล้ว นางคงยินดีที่จะยอมสลับตัวกับน้องสาว เนื่องจากว่าชายในดวงใจของนาง มีเพียงบุรุษผู้เดียวเท่านั้น และเป็น คนเดียวกับที่ทำให้นางต้องตรอมใจตาย เพราะถูกทรมานทั้งทางกายและทางใจ
ในเมื่อมีโอกาสได้กลับมาแก้ไขอีกครั้ง ฝันไปเถิดว่าคนเหล่านั้นจะได้ในสิ่งที่ต้องการ นางจะทวงทุกอย่างที่ควรจะเป็นของตนเองกลับคืนมา
กระทั่งความรัก ที่คนผู้นั้นเคยเอ่ยปากบอก ว่าไม่หลงเหลือให้นางอีกต่อไปแล้ว นับตั้งแต่วันที่ตนโง่เขลาถูกความรักบังตา มองข้ามทุกอย่างที่คนผู้นั้นทำให้อย่างลึกซึ้ง แต่นางกลับมองไม่เห็นแม้เพียงน้อย ยอมลดศักดิ์ศรีของตนเองเพื่อชายที่รัก บัดนี้จะไม่เกิดเรื่องโง่งมพรรค์นั้นขึ้นอีกเป็นอันขาด
ใช้เวลายี่สิบวัน ก็เดินทางมาถึงจวนราชครูหลี่ ในเวลานี้ท่านพ่อของนางกำลังรุ่งโรจน์อย่างหาที่เปรียบมิได้
เมื่อก่อนนางและมารดา ถูกคนปล่อยข่าวว่าทั้งสองออกไปปฏิบัติธรรม เพื่อแสวงบุญส่งเสริมบารมีให้กับสามี หันหน้าเข้าหาทางธรรม ละทิ้งทางโลก
บัดนี้คำมั่นสัญญาของท่านตานาง ที่มีต่อฮ่องเต้ถูกทวงถาม เนื่องจากองค์ชายแปดถึงเวลาอันสมควรที่ต้องแต่งพระชายา อีกทั้งยังเป็นตัวเลือกหนึ่งเดียวที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทแทนองค์เก่าที่จากไป เพื่อรักษาตำแหน่งไม่ให้เว้นว่าง มีทายาทไว้เป็นเครื่องยืนยัน ว่าตำแหน่งรัชทายาทรุ่นต่อไปจะยังคงอยู่ไม่มีการเปลี่ยนมือ
บรรดาบ่าวรับใช้ ต่างเรียงแถวออกมาต้อนรับคุณหนูใหญ่กลับ เข้าจวน มีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง จึงไม่ได้ออกมายืนรอหลานสาว แข่งกับความหนาวเหน็บของอากาศช่วงเหมันต์นี้ได้
หากผู้คนภายนอกมองเข้ามา อาจจะทำให้พวกเขาเหล่านั้นเห็นว่า จวนราชครูให้ความสำคัญกับคุณหนูใหญ่มากเพียงใด
ทว่าจะมีสักกี่คนที่เข้าใจว่าการเดินทางช่วงเดือนหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่หิมะตกหนักที่สุดนั้นมันแสนยากลำบากเพียงใด ไม่แปลกหากว่าคนที่ร่างกายไม่แข็งแรงมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ กอปรกับขาดการบำรุงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลอดการเดินทางร่างกายเริ่มป่วย เพราะได้รับไอเย็นมากเกินไป
ทางด้านแม่บ้าน เห็นว่าถึงจวนราชครูแล้ว ก็รีบถอดเสื้อคลุมขนสัตว์ ที่แต่เดิมถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้คุณหนูใหญ่ บัดนี้ได้ส่งมอบแด่เจ้าของย่อมถูกต้อง หากเป็นหลี่เจียวในเมื่อก่อน คงจะมองด้วยความซาบซึ้งใจอย่างแน่นอน ทว่าหลี่เจียวในตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ผู้ใดนิสัยใจคอเป็นเช่นไร นางย่อมรู้เช่นเห็นชาติหมดสิ้น ไม่มีใครสามารถตบตานางได้อีกต่อไป
“แม่บ้านใหญ่ชราลงมาก หากโดนไอเย็นเข้า อาจทำให้ร่างกาย ไม่สบาย ข้าอาจจะถูกฮูหยินรองตำหนิเอาได้ ฉินซิน ประคองข้าลง ป่านนี้ท่านย่าคงรอนานแล้ว ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอไม่ดี” หลี่เจียวผลักมือเหี่ยว ซึ่งกำลังจะยื่นตวัดเสื้อคลุมขนสัตว์มาให้อย่างมีมารยาท จากนั้นก็กัดฟันพาร่างผอมบางหนาวสั่นไปทั้งตัว กลับสู่จวนราชครู
เมื่อร่างหนาล้มตัวลงนอน ซูเจียวก็นอนลงบ้างเช่นเดียวกัน แม้จะเตรียมตัวมาบ้างแล้ว ทว่านางก็ยังรู้สึกเกร็งอยู่มากเลยทีเดียว ไม่คิดไม่ฝันว่าบุรุษผู้นี้จะยังเลือกนางอยู่เห็นเขานอนสงบนิ่งไม่ไหวติง นางจึงใจกล้าขยับมือของตนเองไปสัมผัสฝ่ามือหยาบที่ร้อนผ่าว จากนั้นทั้งสองก็ประสานมือเข้าด้วยกัน ซูเจียวรู้สึกพอใจไม่น้อยกับท่าทางเช่นนี้ แต่ยังไม่ทันจะหลับตา ร่างหนาที่คิดว่าหลับไปแล้วก็พลิกตัวขึ้นคร่อมร่างของนางเอาไว้“องค์รัชทายาท” ซูเจียวเรียกชื่อเขาเสียงแผ่วเบา“ท่านพี่ อยู่ด้วยกันสองคนให้เจ้าเรียกข้าว่าท่านพี่ดังเช่นฮูหยิน จวนอื่นเรียกขานกัน อยู่กับเจ้าสองคนข้าก็จะเรียกเจ้าว่าฮูหยินเช่นเดียวกัน” เซ่าหมิงหยวนสบดวงตาดอกท้อคู่นั้น ใบหน้าของทั้งสองห่างกันเพียงลมหายใจกั้นเท่านั้น กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของใบชา ทำให้สมองของนางกระจ่างแจ้ง“เจ้าค่ะ ท่านพี่”สิ้นคำนั้นริมฝีปากร้อนที่อยู่ด้านบนก็เข้ามาประกบริมฝีปากหวานในทันที ความเร็วในการรุกล้ำเข้ามานั้นเริ่มจากจังหวะช้าเนิบนาบ ผ่านไปสักพักก็เพิ่มความหิวกระหายเข้าไป จนทำเอาสตรีใต้ร่างหายใจแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่านางเริ่มประท้วง เขาก็ผ่อนแรงลง ละริมฝีปากออก แทะเ
หลังจากที่ผ่านเรื่องราวความวุ่นวายมากมาย ก็ใกล้จะถึงกำหนดการวันอภิเษกสมรส ระหว่างองค์รัชทายาทและคุณหนูใหญ่สกุลหลี่ ซึ่งตอนหลังคนอื่นจะเรียกนางคุณหนูสกุลซู เนื่องจากหมอหลวงซูประกาศชัดเจนว่าหลี่เจียวเข้ามาเป็นคนของสกุลซู ชื่อของนางก็คือ ซูเจียว ซึ่งนางก็ชอบมากเช่นเดียวกันราชครูหลี่รู้ตัวว่าหมดความสำคัญในราชสำนัก อีกทั้งยังถูกหักหน้าเช่นนั้น ไม่สามารถอยู่ต่อในราชสำนักได้อีก จึงเขียนฎีกาลาออกยื่นถวายแด่ฮ่องเต้ ซึ่งเป็นไปตามคาด พระองค์ไม่ทรงคัดค้านเรื่องการลาออกของเขาเลยสักนิด“เจ้าลูกโง่ ลาออกก็แล้วไปเถิด เหตุใดต้องออกจากเมืองหลวง ไปด้วยเล่า” ฮูหยินผู้เฒ่าสู้ฟันฝ่ามาจนถึงขั้นนี้แล้ว นางไม่มีทางกลับไปตายที่บ้านเกิดให้คนอื่นหัวเราะเยาะเป็นอันขาดชื่อเสียงเงินทองที่สะสมมา ต้องพังพินาศเพราะสองแม่ลูกนั่น บัดนี้นางเพิ่งหูตาสว่าง หากไม่ใช่เพราะถูกจางซื่อเป่าหู มีหรือผู้เฒ่าหูตาพร่ามัวเช่นนางจะหน้ามืดเพียงนี้“ท่านแม่ เป็นเช่นนี้ถือว่าฮ่องเต้ทรงเมตตาแล้ว รัชทายาทแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบพวกเรา ขืนทู่ซี้อยู่มีแต่จะเจ็บตัวเปล่า ๆ อีกอย่างเจียวเอ๋อร์ก็มีใจออกห่างจากพวกเรานานแล้ว หลายเดือนมานี้ที่น
เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ได้กระอักเลือดออกมาแล้วรอบหนึ่ง ทำให้ครั้งนี้อาการของชินอ๋องน่าเป็นห่วง อีกทั้งหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพักผ่อนน้อย ทั้งยังสู้รบ ทำให้ร่างกายและพละกำลังถดถอย“เจ้า” ชินอ๋องไม่มีแม้กระทั่งแรงจะเรียกชื่อหลานชายเสียด้วยซ้ำ“แต่ไม่ต้องห่วง เวลานี้บุตรชายที่รักของท่าน กำลังรออยู่ที่คุกหลวง โทษฐานลอบสังหารรัชทายาทเช่นข้า ท่านอาจจะคิดว่าเขานิสัยไม่เหมือนท่าน แต่ข้ากลับคิดว่า เขากล้าหาญกว่าท่านมากนัก เพราะกว่าที่ท่านจะกล้าลงมือก็นานนับสิบปี ตีเหล็กต้องตีตอนที่ยังร้อนเหมือนที่สวีเฮ่าทำ เพราะ ถ้ามัวแต่รอแบบท่าน สุดท้ายแล้ว เมื่อเหล็กเส้นนั้นหายร้อน นอกจากตีเป็นดาบไม่ได้ ปล่อยไว้นานวันเข้าสนิมก็เริ่มเกาะกิน เหมือนเช่นภายในใจท่านที่เกิดความลังเล” ดวงตาเซ่าหมิงหยวนฉายแววเหี้ยมโหดออกมา“ฮ่า ๆ อ๋องอย่างข้า ไม่จำเป็นต้องให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้ามาชี้นำ หากพวกเจ้าสองพ่อลูกไม่ใช้แผนสกปรก มีหรือที่ข้าจะพ่ายแพ้ คนแพ้ไม่สามารถเรียกร้องสิ่งใดได้ ระหว่างข้ากับเจ้า ไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกันได้ วันนี้ข้าผู้เป็นอ๋องอยู่ไม่สู้ตาย”พูดจบเซ่าเยี่ยนก็สั่งทหารที่ซุ่มอยู่โจมตีในทันที ทั้งสองฝ่ายต่าง
ข่าวเรื่องอาการบาดเจ็บขององค์รัชทายาท ต่างคาดเดาไปต่าง ๆ นานา เนื่องจากว่าฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าเยี่ยมโดยเด็ดขาด แม้กระทั่งเสวียนกุ้ยเฟยและพระคู่หมั้นอย่างคุณหนูใหญ่สกุลหลี่เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นประเด็นถกเถียงกันในราชสำนัก เหล่าขุนนางต่างหยิบยกถึงความมั่นคงของการสืบทอดบัลลังก์มาพูดกัน“เหลวไหล รัชทายาทบาดเจ็บ พวกเจ้าไม่เพียงไม่แสดงความภักดี แต่ยังแสดงออกว่าไม่เชื่อมั่นในสายตาของเราผู้เป็นฮ่องเต้ อีกอย่างเรายังไม่ตาย พวกเจ้าก็กังวลกันไปใหญ่โต เช่นนี้จะให้เราคิดเป็นอื่นได้อย่างไร” ฮ่องเต้ทรงพิโรธหนัก เหล่าขุนนางอกสั่นขวัญแขวนด้วยความกลัว รีบคุกเข่าขอความเมตตา ด้วยรู้ดีว่าโอรสสวรรค์ผู้นี้อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าสตรี“ขอฝ่าบาทอย่าทรงพิโรธ พวกเราเพียงแต่คิดเผื่อเอาไว้เท่านั้น พ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายซ้ายพูดขึ้น“ความหวังดีของพวกท่านเรารับรู้ เพียงแต่อยากขอให้พวกท่านอย่าได้กังวล รัชทายาทบาดเจ็บครั้งนี้ โทษของตำหนักชินอ๋องยากเกินให้อภัยได้ จำเป็นต้องรีบจับกุมตัวชินอ๋องเข้ามารับโทษไปพร้อมกับคนในตำหนัก”ทางด้านรัชทายาทเซ่าหมิงหยวน แท้จริงแล้วเขาออกจากวังตั้งแต่คืนที่ได้รับบาดเจ็บแ
เซ่าหมิงหยวนแม้ว่าจะรวดเร็วเพียงใด แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บจนได้ หนำซ้ำยังเป็นธนูที่อาบยาพิษอีกด้วยฮ่องเต้ทราบข่าวทรงพิโรธหนัก เร่งส่งองครักษ์เสื้อแพรพร้อมทั้งทหารในวังเข้าล้อมตำหนักชินอ๋องในทันที ไม่มีผู้ใดสามารถออกมาได้ ซื่อจื่อถูกขังไว้ในคุกหลวงรอวันลงอาญาจากนั้นออกราชโองการแต่งตั้งองค์ชายแปดเป็นองค์รัชทายาท พร้อมทั้งออกประกาศติดไปทั่วทั้งเมืองหลวง ตำหนักชินอ๋องก่อกบฏ ลอบสังหารองค์รัชทายาท มีโทษประหารเก้าชั่วโคตรข่าวนี้ค่อนข้างเป็นที่ฮือฮาของชาวเมืองหลวง ทุกคนต่างเก็บตัวเงียบ ปิดประตูบ้านเรือน ไม่มีแม้กระทั่งสัตว์สักตัวเดินอยู่บนถนนมีเพียงทหารเวรยามเดินสวนไปสวนมา เพื่อรักษาความสงบเท่านั้นทางด้านจวนราชครูต่างอกสั่นขวัญแขวนไปกับข่าวที่ได้ยิน ด้วยไม่คิดว่าซื่อจื่อจะกล้ากระทำการอุกอาจเช่นนี้ แม้กระทั่งชินอ๋องยังไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน“สวรรค์ นับว่าสกุลหลี่ยังพอมีวาสนาอยู่บ้าง หากเกี่ยวดองกับตำหนักอ๋อง มีหวังได้ถูกประหารเก้าชั่วโคตรไปด้วย” ฮูหยินผู้เฒ่ากลัวจนตัวสั่นเมื่อได้ยินข่าวจากบุตรชาย“ข้ายังต้องเร่งเข้าวัง ครั้งนี้ฝ่าบาททรงพิโรธหนัก องค์รัชทายาท ถูกพิษบาดเจ็บสาหัส น่าแปล
พริบตาเดียวอีกเพียงสามวัน ก็ถึงวันงานอภิเษกสมรสระหว่าง องค์หญิงเก้าและซื่อจื่อ ทว่าที่ตำหนักชินอ๋องกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆหลายวันที่ผ่านมานี้ พ่อบ้านอยากจะกรอกยาพิษใส่ปากตัวเอง วันละหลายร้อยรอบ ทว่ากลับทำไม่ลง เนื่องจากสงสารซื่อจื่อ อยู่ไม่สู้ตาย หลายวันที่ผ่านมาเขาจึงเป็นคนจัดการเตรียมงานทุกอย่าง ดีที่มีคนจากในวังเข้ามาช่วยจัดการ ทำให้ทุกอย่างเป็นระเบียบมากขึ้นงานอภิเษกองค์หญิงออกนอกวัง ไม่ยุ่งยากเท่ากับการรับพระชายาเข้าวัง เนื่องจากแต่งออกไปแล้วก็ถือว่าเป็นคนของตำหนักชินอ๋อง ถึงอย่างนั้นขั้นตอนและพิธีการต่าง ๆ ก็ถือว่าซับซ้อนมากกว่าคนทั่วไปมากนัก“ซื่อจื่อ องค์ชายแปดมาขอรับ” ต้าหลางลนลานเข้ามารายงาน“อืม” เขาไม่แปลกใจที่เห็นเซ่าหมิงหยวนมาที่นี่ ด้วยความสามารถของอีกฝ่ายแล้ว ย่อมสามารถหลบหลีกสายตาของเหล่าองครักษ์เงาได้เป็นอย่างดีเซ่าหมิงหยวนเดินเข้ามาในห้องหนังสือ แท้จริงแล้วภายในห้องนี้ ยังมีเส้นทางลับสำหรับออกไปข้างนอก ซึ่งเขาก็ใช้ทางลับนี้เข้ามายังที่นี่ด้วยเช่นกัน เดิมทีคิดว่าญาติผู้น้องคนนี้ต้องหาทางติดต่อกับเขา แต่กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายเก็บตัวเงียบ ยอมทำตามคำสั่งของชิน
Comments