(กักตุนสินค้าในมิติวิเศษ+หญิงแกร่ง+นิยายที่นางเอกทันคน+แก้แค้นคนชั่ว+ทั้งครอบครัวถูกเนรเทศ+คืนแต่งงาน+สร้างความร่ำรวย) หลุดเข้ามาในหนังสือ กู้หว่านเยว่พบว่าเธอกลายเป็นนางร้ายตัวประกอบ ถูกยึดทรัพย์เนรเทศ? ไม่เป็นไร เธอมีมิติวิเศษ เสบียงในท้องพระคลังล้วนเก็บเข้ามิติวิเศษ มิหนำซ้ำยังย้ายของออกจากบ้านมารดาและจวนอ๋องจนหมด ทำให้คนยึดทรัพย์ไม่ได้ไปแม้แต่เหมาเดียว ระหว่างถูกเนรเทศ ต้องตกระกำลำบาก แต่ไม่เป็นไร ในน้ำเธอสามารถจับปลา บนบกสามารถล่ากระต่ายป่า ชีวิตธรรมดาผ่านไปอย่างงดงามสงบสุข
view moreหมอบอกว่ามารดาของเขาเป็นลมชัก ต้องมีคนคอยดูแลอยู่ข้าง ๆ ฟู่หลานเหิงไม่มีทางเลือก จึงทำได้เพียงให้ซูจิ่นเอ๋อร์กลับเมืองหลวงไปก่อนตามลำพัง ส่วนตนเองอยู่ดูแลมารดา แต่ใครจะรู้ว่าซูจิ่นเอ๋อร์เพิ่งจากไปได้เพียงวันเดียว มารดาที่เคยนอนซมอยู่กับเตียงกลับลุกขึ้นมาเดินเหินได้ตามปกติสิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นคือ ยังคิดจะหาอนุภรรยาที่บ้านเกิดให้เขาอีกด้วยฟู่หลานเหิงไม่ใช่คนโง่เมื่อย้อนนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา เขาก็พลันเข้าใจได้ในที่สุด โรคลมชักเป็นเรื่องโกหก การที่จงใจส่งซูจิ่นเอ๋อร์ไปก่อนต่างหากคือเรื่องจริง“ท่านแม่ ข้าเคยบอกแล้วว่า ข้าจะไม่รับอนุภรรยา”สายตาของฮูหยินผู้เฒ่าฟู่ฉายแววมืดมน “ไม่รับอนุภรรยา แล้วจะให้สกุลฟู่สิ้นทายาทหรือไร? ซูจิ่นเอ๋อร์นั่น มีลูกไม่ได้!”สีหน้าของฟู่หลานเหิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ท่านแม่โปรดระวังคำพูด จิ่นเอ๋อร์ไม่ได้มีปัญหา เป็นปัญหาของข้าเอง!”“เจ้าถึงกับแบกรับความรับผิดชอบไว้ที่ตนเอง เพื่อจะปกป้องนางอย่างนั้นหรือ?”ความไม่พอใจที่ฮูหยินผู้เฒ่าฟู่มีต่อซูจิ่นเอ๋อร์ยิ่งเพิ่มขึ้นอีกส่วน นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เปลี่ยนเรื่องพูด “ใต้หล้านี้บุ
ซูจิ่นเอ๋อร์พยักหน้า เมื่อครู่พี่สะใภ้ใหญ่พูดกับนางมากมายแล้ว นางเองก็รู้ว่าควรทำอย่างไร นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วลงมาจากรถม้าซูจิ่นเอ๋อร์พาไฉ่จวี๋สาวใช้ที่กู้หว่านเยว่จัดหาให้ เดินไปยังหน้าประตูบ้านสกุลฟู่ ทันใดนั้น ก็มีรถม้าหลายคันมาถึงหน้าประตู พ่อบ้านได้สังเกตเห็นแล้วเขาจำซูจิ่นเอ๋อร์ได้ในทันที สายตาฉายแววประหลาดใจ “องค์หญิงใหญ่? ท่าน ท่านกลับมาได้อย่างไร?”ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าจะกลับมานี่มันกะทันหันเกินไปแล้วไฉ่จวี๋ตวาดอย่างเกรี้ยวกราด “นี่มันท่าทีอะไรของเจ้า! หรือว่าองค์หญิงใหญ่จะกลับมา ยังต้องรายงานให้บ่าวรับใช้เช่นเจ้ารับทราบด้วยหรือ?”“มะ ไม่ใช่ขอรับ” “ยังไม่รีบคุกเข่าอีก”ไฉ่จวี๋ตวาดเสียงเย็น ซูจิ่นเอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึก ๆ ในใจรู้สึกผิดเล็กน้อยแม้ว่านางจะเป็นองค์หญิงใหญ่ แต่เวลาอยู่ข้างนอกนางไม่เคยวางอำนาจแบบองค์หญิงใหญ่ โดยเฉพาะต่อหน้าคนสกุลฟู่แล้ว ยิ่งพูดจาด้วยง่าย ไฉ่จวี๋ดุดันเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกไม่คุ้นเคยอย่างยิ่งแต่ไม่คุ้นเคยก็ต้องปรับตัวไฉ่จวี๋เป็นคนที่พี่สะใภ้ใหญ่ส่งมา พี่สะใภ้ใหญ่ทำเช่นนี้เพื่อสร้างบารมีให้นาง!นางต้องเรียนรู้ให้ดีซ
“ข้าต้องถามเจ้าอีกประโยคหนึ่ง ฟู่หลานเหิงรู้เรื่องนี้หรือไม่?”แม้ว่าจะไม่อาจแนะนำให้ซูจิ่นเอ๋อร์หย่าร้าง แต่ก็ต้องเข้าใจสถานการณ์อย่างละเอียด“ท่านพี่ไม่ทราบ เขาออกไปราชการนอกสถานที่ตลอด ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ทั้งยังบอกข้าเสมอว่า ไม่ต้องรีบร้อนเรื่องลูก และยังพูดกับแม่สามีบ่อย ๆ ว่าอย่ากดดันข้า เพียงแต่คำพูดของแม่สามีต่อหน้าท่านพี่นั้น พูดได้ไพเราะน่าฟังยิ่งนัก”กู้หว่านเยว่พยักหน้า พอจะเข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมดแล้ว นางตบลงบนมือของซูจิ่นเอ๋อร์เบา ๆ “เรื่องที่เหลือเจ้าไม่ต้องกังวลแล้ว พี่สะใภ้จะไปที่บ้านสกุลฟู่กับเจ้าสักรอบ ช่วยเจ้าจัดการเอง”ซูจิ่นเอ๋อร์แสดงสีหน้าชื่นชม“ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านดีกับข้าที่สุด”“อย่ามาปากหวานต่อหน้าข้าเลย อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นถึงองค์หญิงใหญ่ผู้สง่างาม แสดงบารมีขององค์หญิงใหญ่ออกมาหน่อยสิ”พี่สะใภ้กับน้องสามีสองคนพูดคุยเรื่องส่วนตัวกันอีกพักหนึ่งเมื่อกู้หว่านเยว่มั่นใจแล้วว่าทางฝั่งซูจิ่นเอ๋อร์ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว นางจึงวางใจไปเก็บสัมภาระคืนนั้นซูจิ่งสิงเรียกซูจื่อชิงและเว่ยเฉิงเข้าวังพร้อมกัน เพื่อมอบหมายงานในราชสำนักให้ทั้งสองคนจัดการ
ซูจิ่นเอ๋อร์แสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ จนกู้หว่านเยว่ต้องใช้นิ้วจิ้มหน้าผากของนางแรง ๆ “เจ้าเด็กโง่คนนี้ เจ้าคงไม่ได้คิดจริง ๆ ใช่หรือไม่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าฟู่จะอยู่ข้างเจ้า?”กู้หว่านเยว่ไม่ได้ปฏิเสธว่าในโลกนี้มีแม่สามีที่ดีอยู่บ้าง อย่างเช่นนางหยาง เป็นคนมีเหตุผลมาก และไม่เคยทำให้นางลำบากใจแต่ทุกเรื่องก็มีลำดับความสำคัญ ความใกล้ชิดความห่างเหิน สำหรับแม่สามีแล้ว คนที่ใกล้ชิดที่สุดย่อมเป็นลูกชาย ไม่ใช่ลูกสะใภ้ ต่อให้ปกติจะพูดถึงลูกสะใภ้อยู่บ่อย ๆ แต่เมื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็ย่อมเอาผลประโยชน์ของลูกชายมาเป็นอันดับแรกเสมอตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าฟู่ตัดสินไปแล้วว่าซูจิ่นเอ๋อร์มีลูกไม่ได้ ไม่สามารถให้กำเนิดทายาทแก่ฟู่หลานเหิงได้ เพื่อพิจารณาเรื่องทายาทของสกุลฟู่แล้ว จะต้องคิดหาทางรับอนุภรรยาอย่างแน่นอน“มีแต่เจ้าเท่านั้นแหละที่โง่ พอเจอเรื่องแบบนี้กลับไม่ยอมเปิดอกคุยกับสามียังจะแอบคิดหาอนุภรรยาให้สามีอีก หรือว่าจิตใจของเจ้ากว้างขวางถึงเพียงนั้นจริง ๆ พอถึงเวลาที่รับอนุภรรยาเข้ามาแล้ว สามีของเจ้ายอมรับนาง เจ้าจะนั่งมองพวกเขารักกันหวานชื่น แล้วก็มีลูกชายตัวอ้วนจ้ำม่ำสักสองคนอย่างนั้นหรือ?”
สีหน้าของซูจิ่นเอ๋อร์ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเจ็บปวดเล็กน้อย“แม่สามีมักจะพูดกับข้าอยู่บ่อย ๆ ว่า ข้าอายุไม่น้อยแล้ว ถึงเวลาที่ควรจะให้กำเนิดทายาทแก่สกุลฟู่ได้แล้ว”ตอนแรกซูจิ่นเอ๋อร์ยังไม่ได้ใส่ใจนัก คิดว่าใช้ชีวิตร่วมกันในโลกส่วนตัวสองคนไปอีกสักพักคงจะดีกว่าแต่ก็น่าเสียดายที่บางคำพูด เมื่อได้ฟังนาน ๆ เข้า ก็ย่อมมีผลกระทบต่อคนฟัง“แม่สามีมักจะพูดถ้อยคำเหล่านี้ข้างหูข้าไม่หยุดหย่อน ทั้งยังเชิญฮูหยินของเหล่าขุนนางมาที่บ้านบ่อย ๆ ซึ่งฮูหยินเหล่านั้นล้วนมีลูกกันหมดแล้ว”ตอนแรกซูจิ่นเอ๋อร์ไม่ได้รู้สึกอะไรแต่เมื่อเห็นเด็ก ๆ เหล่านั้นวิ่งเล่นอยู่ตรงหน้า นางก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา“ต่อมาข้าก็ตั้งใจที่จะมีลูก แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะไม่ตั้งครรภ์เสียที”“ท่าทีของแม่สามีที่มีต่อข้าก็เปลี่ยนไป นางมักจะพูดเป็นนัย ๆ ว่าร่างกายของข้ามีปัญหาอะไรหรือไม่ ถึงได้ไม่ตั้งครรภ์เสียที”กู้หว่านเยว่ฟังมาถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะขัดจังหวะซูจิ่นเอ๋อร์ “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฟู่หลานเหิงไม่รู้หรือ?”ซูจิ่นเอ๋อร์ส่ายหน้า“ข้าเคยคิดจะบอกเขาเหมือนกัน แต่พอคิดว่าเป็นปัญหาของตัวเอง ก็เลยพูดไม่ออก อีกทั้งแม่สา
กู้หว่านเยว่ไม่ได้รู้จักแม่สามีของซูจิ่นเอ๋อร์ดีเท่าไรนัก แค่จำได้ราง ๆ ว่าตอนที่ซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิงแต่งงานกัน นางน่าจะอยู่ในงานด้วยตอนนั้นยังดูเป็นหญิงชราที่ใจดีอยู่เลย เหตุใดหลังจากแต่งงานถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?มิน่าเล่าจิ่นเอ๋อร์ถึงไม่ยอมพูดอะไรมาก เกรงว่าคงจะถูกฮูหยินผู้เฒ่าฟู่บงการทางความคิดมาเป็นเวลานาน จนทำให้นางรู้สึกว่าตนเองเป็นคนไร้ประโยชน์ และมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าอับอาย จึงไม่ยอมบอกใคร“ทนดูไม่ได้ ทนดูไม่ได้จริง ๆ มีแม่สามีเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!แล้วก็เจ้าเด็กจิ่นเอ๋อร์นั่นอีก เป็นเด็กที่ฉลาดคนหนึ่งแท้ ๆ เหตุใดถึงเลอะเลือนไปได้ คนอื่นพูดอะไรนางก็เชื่อไปเสียหมด”ปรมาจารย์แพทย์ผู้เฒ่าเบ้ปาก“ตอนนี้นางก็โง่เง่าถึงเพียงนี้แล้ว หากมีลูกคงจะโง่เง่ายิ่งกว่าเดิมข้าไม่ยอมให้นางมีลูกหรอก ก็เลยบอกไปตรง ๆ ว่าไม่มีทางรักษา”จากคำพูดพึมพำของปรมาจารย์แพทย์ กู้หว่านเยว่ก็พอจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้คร่าว ๆ ไม่คิดเลยว่าในเรื่องนี้ยังมีเรื่องราวแบบนี้ซ่อนอยู่อีก ดูแล้วก็โทษปรมาจารย์แพทย์ไม่ได้ ด้วยนิสัยของเขา การทำเช่นนี้ถือเป็นเรื่องปกติแต่สำหรับกู้หว่านเยว่แล้ว
Mga Comments