นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง

นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง

last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-04
โดย:  วอลจูอัปเดตเมื่อครู่นี้
ภาษา: Thai
goodnovel4goodnovel
คะแนนไม่เพียงพอ
10บท
245views
อ่าน
เพิ่มลงในห้องสมุด

แชร์:  

รายงาน
ภาพรวม
แค็ตตาล็อก
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป

‘เฟิ่งจิงหรง’ โง่งมถึงขั้นกระโดดน้ำประชดเรียกร้องความสนใจจาก ‘เซียวจิ้นอวิ๋น’ ทว่าเขากลับประกาศยกเลิกงานหมั้นต่อหน้าผู้คน หักหน้าและหยามเกียรตินางไปแต่งกับ ‘ไป๋หว่านชิง’ แทน นางกลับโง่เขลาเลือกสละชีวิต ดำดิ่งลงสู่สายน้ำ… และสิ้นใจไป กระทั่งวิญญาณอีกดวงได้เข้ามาแทนที่ และเพียงเพราะการช่วยเหลือครั้งแรกของ ‘จ้าวอวี้หมิง’ กลับกลายเป็นวาสนาที่ผูกมัดไปชั่วชีวิต ครั้งหนึ่งย่อมมีครั้งที่สอง และเมื่อมีครั้งที่สอง…ก็ย่อมเป็นเพราะสวรรค์ได้กำหนดเอาไว้แล้ว

ดูเพิ่มเติม

บทที่ 1

๑ ฟื้นในร่างนางร้าย

หากเอ่ยถึงคุณหนูสกุลเฟิ่งคงไม่มีผู้ใดไม่รู้จักจนถอนหายใจอย่างเอือมระอา ด้วยชื่อเสียงอันอื้อฉาวเลื่องลือไปทั่ว ทั้งความเอาแต่ใจและนิสัยร้ายกาจที่พูดทั้งวันก็มิอาจบรรยายได้หมดสิ้น

สกุลเฟิ่งเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ สืบทอดต่อกันมาหลายชั่วรุ่น ทว่าหลังจากที่นายท่านเฟิ่งรับช่วงต่อจากบิดาผู้เฒ่า แม้จะมีภรรยาตั้งแต่วัยเยาว์ แต่เวลากลับล่วงเลยผ่านไปหลายสิบปีโดยยังไร้บุตรสืบสกุล

ฮูหยินผู้เฒ่ากับท่านผู้เฒ่าเฝ้ารอคอยที่จะได้เห็นสกุลเฟิ่งมีทายาทสืบต่ออีกหนึ่งรุ่น ได้อุ้มหลานสักครั้งก่อนสิ้นลมหายใจ ทว่าเวลากลับล่วงเลยปีแล้วปีเล่า ก็ยังคงไร้วี่แววข่าวดี

และแม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะอายุมากแล้ว นางก็ยังคงเข้าวัดวาไม่เว้นวัน กราบไหว้บูชาขอพรให้สกุลเฟิ่งไม่สิ้น ท่ามกลางเสียงทักท้วงของผู้คนมากมายที่เอ่ยเย้ยหยันว่าวันหนึ่งตระกูลเฟิ่งย่อมสิ้นทายาทสืบทอดอย่างแน่นอน

จนเมื่อเวลาล่วงเลยไปปีแล้วปีเล่า เส้นผมของทั้งสองพลางขาวโพลนทั่วหัว

ฮูหยินผู้เฒ่ากับท่านผู้เฒ่าก็ไม่อาจรอคอยได้อีก

สุดท้ายก็สิ้นลมจากไปด้วยโรคชรา แต่แม้ร่างกายจะดับสูญ วิญญาณกลับยังคงเป็นห่วงกังวล ไม่อาจปล่อยวางและหลับใหลได้อย่างสงบอยู่ดี

กระทั่งวันหนึ่ง ท่ามกลางบรรยากาศที่ยังโศกเศร้า เพราะสกุลเฟิ่งยังคงไว้ทุกข์ต่อการจากไปของต้นไม้ใหญ่ของตระกูล

เฟิ่งฮูหยินที่แต่งเข้าสกุลเฟิ่งมานานนับสิบปีไม่เคยมีวี่แววตั้งครรภ์ กลับกลายเป็นว่าตั้งครรภ์ขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ!

พอข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองราวกับไฟลามทุ่งหญ้าแห้ง ผู้คนต่างแตกตื่น บ้างก็เอ่ยแสดงความยินดีต่อสกุลเฟิ่ง บ้างกลับหัวเราะเยาะและตั้งข้อครหา ว่าหรือแท้จริงแล้วสวรรค์กำลังกลั่นแกล้ง เพราะทายาทที่เฝ้ารอคอยมานานแสนนาน กว่าจะได้มากลับไม่ใช่บุตรชาย หากแต่เป็น…บุตรสาวแทน!

ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบุตรสาวหรือบุตรชาย ท่านเฟิ่งกลับมิได้ถือสา เขาคอยดูแลภรรยาไม่ห่างตลอดช่วงตั้งครรภ์ เอาใจใส่และตามใจทุกสิ่งอย่างที่นางปรารถนา

จนกระทั่งวันเวลาล่วงเลยผ่านไปบุตรในครรภ์ที่ทะนุถนอมมาอย่างดีกำเนิดออกมา…เป็นบุตรสาว

แม้จะถูกผู้คนเย้ยหยันว่า สกุลเฟิ่งสิ้นไร้ผู้สืบทอดแต่ทว่านายท่านเฟิ่งหาได้ใส่ใจไม่ เขากลับเลี้ยงดูบุตรสาวราวกับบุตรชาย ให้เรียนรู้ทั้งศาสตร์และศิลป์เติบโตไม่แพ้บุรุษ ทว่าในคราเดียวกันก็ยังคงตามใจอย่างถึงที่สุด

ไม่ว่านางต้องการสิ่งใด ล้วนหามาให้หมดสิ้น

เฟิ่งฮูหยินกับนายท่านเฟิ่งอยู่กินร่วมกันมาหลายสิบปี แม้จะรักใคร่กลมเกลียวแต่กลับประสบเคราะห์ยากที่จะมีบุตรอีกครั้ง จนกระทั่งเมื่อคุณหนูเฟิ่งเติบโตพ้นวัยปักปิ่น ราวกับสวรรค์เมตตา เฟิ่งฮูหยินกลับตั้งครรภ์อีกครั้งทั้งที่อายุมากแล้ว

ดังนั้น เพื่อไม่ให้บุตรสาวคนโตเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ทั้งคู่จึงเอาอกเอาใจอย่างถึงที่สุด และยังคาดหวังว่าทารกในครรภ์ครั้งนี้จะเป็นบุตรชาย ข่าวดีก็ไม่นานเกินรอ เฟิ่งฮูหยินให้กำเนิดบุตรชาย สมใจอย่างที่รอคอย

นายท่านเฟิ่งถึงขั้นจัดงานเลี้ยงฉลองอย่างยิ่งใหญ่เอิกเกริกอยู่หลายวันหลายคืน ถึงแม้จะได้บุตรชายไว้สืบทอดสกุลสมใจอยากแล้ว แต่ด้วยความรักของบิดาที่ไม่แบ่งแยก เขายังคงตามใจบุตรสาวเช่นเคย ไม่ว่านางต้องการสิ่งใดก็หามาให้ได้ทั้งสิ้น

กระทั่งบุรุษที่นางหมายตาก็ต้องได้มาเป็นสามีของคุณหนูสกุลเฟิ่ง!

นายท่านเฟิ่งถึงขั้นไม่ลังเลที่จะใช้อำนาจบีบคั้นอีกฝ่ายให้จำใจรับบุตรสาวตนเป็นภรรยา…

จนกระทั่งเรื่องใหญ่ปะทุขึ้น เมื่อจู่ๆ คุณชายเซียวจิ้งอวิ๋น คู่หมั้นของคุณหนูเฟิ่งกลับป่าวประกาศไปทั่วทั้งเมืองว่าจะยกแม่สื่อไปสู่ขอคุณหนูสกุลไป๋เป็นภรรยา และยกเลิกการหมั้นหมายกับสกุลเฟิ่งแต่เพียงฝ่ายเดียวโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า

การกระทำเช่นนี้ย่อมเปรียบประหนึ่งว่าตบหน้าสกุลเฟิ่งต่อหน้าผู้คนทั้งเมือง เฟิ่งจิงหรย่อมรู้สึกถูกหยามเกียรติ เสียทั้งศักดิ์ศรีและขายหน้าอย่างถึงที่สุด

ทว่าเหนือกว่านั้นคือไฟโทสะที่ลุกโชนในใจของนาง

ด้วยนิสัยเอาแต่ใจ ดื้อรั้นและไม่เคยยอมใคร อีกทั้งยังชิงชัง ไป๋หว่านชิงอยู่เดิมที

เมื่อเซียวจิ้งอวิ๋นสละนางเลือกอีกฝ่ายเป็นภรรยา ทั้งที่สตรีทั่วหล้ามากมายแต่กลับเลือกผู้ที่นางเกลียดขี้หน้า ความแค้นและความอับอายจึงปะปนกันจนลุกลามเป็นเพลิงไฟที่ไม่อาจดับ

หากกล่าวว่านางคือ นางร้ายในบทละคร เช่นนั้นอีกฝ่ายก็คงเป็นปีศาจในคราบดอกบัวขาวกระมัง!

เฟิ่งจิงหรงเดือดดาลล้วนกับถูกฉกชิงสมบัติล้ำค่าจากอกไปต่อหน้าต่อตา

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา นางจึงทำทุกวิถีทางอย่างน่าสมเพช เพียงเพื่อดึงเซียวจิ้งอวิ๋นกลับคืนมาโดยไม่สนว่าวิธีการจะเลวร้ายหรือทำลายศักดิ์ศรีเพียงใด ราวกับสุนัขหวงกระดูก ขอเพียงได้ยืนอยู่ข้างกายเขาอีกครั้ง นั่นก็เพียงพอสำหรับนางแล้ว

ถ้อนคำครหาด่าทอของผู้คนยิ่งโหมซ้ำเติม ภาพลักษณ์ของคุณหนูเฟิ่งที่ผู้คนเอือมระอา และกลายเป็นที่นินทาพูดถึงหัวเราะเยาะซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ถึงกระนั้น เฟิ่งจินหรงกลับหาได้สนใจ ไม่ยอมหยุด

ความแค้นและความสิ้นหวังค่อยๆ ประทุในใจจนคับแน่น

นางทำทุกอย่างแล้ว ทั้งเรียกร้องความสนใจด้วยถ้อยคำพูดและการกระทำทุกอย่าง แต่เซียวจิ้งอวิ๋นกลับไม่สนใจ…นางโกรธจนเลือดลมพุ่งพล่านราวกับกระอักกระเลือดขาดอากาศหายใจ

สุดท้ายความดื้อรั้นและเอาแต่ใจที่ซุกซ่อนมานานจึงทำได้แม้กระทั่ง…กระโดดลงแม่น้ำประชดประชันเพื่อหวังว่าเซียวจิ้งอวิ๋นจะเหลียวหลังกลับมามองอีกสักครั้ง…

ณ จวนสกุลเฟิ่ง

เสียงน้ำกระแทกดังก้องในความมืด...ร่างกายเหมือนถูกกดทับจนหายใจไม่ออก หัวใจที่เพิ่งหยุดเต้นเพราะความเจ็บปวดแสนสั้นในโลกปัจจุบันกลับเหมือนถูกบีบให้เต้นอีกครั้ง

เปลือกตาหนักอึ้งราวถูกถ่วงด้วยหินผา ลมหายใจแผ่วเบาเจือกลิ่นยาขมแสบปลายจมูก เสียงคร่ำครวญสะอึกสะอื้นดังแว่วขึ้นข้างกาย ทำให้สติเลือนรางค่อยๆ ถูกดึงกลับมา

“อึก!”

“คุณหนู…อย่าทิ้งบ่าวไปนะเจ้าคะ” น้ำเสียงร้องไห้สั่นเครือของสาวใช้ปานจะขาดใจ

ทันใดนั้น ดวงตาคู่หนึ่งลืมขึ้น ร่างทั้งร่างสะท้านไหวราวกับถูกดึงขึ้นมาจากห้วงน้ำเย็นยะเยือก เสียงไอสำลักน้ำดังต่อเนื่อง จนลำคอเจ็บแสบและจมูกขื่นขมไปด้วยกลิ่นคาวคลุ้ง

“คุณหนู! คุณหนูฟื้นแล้ว!” เสียงแหลมสั่นเครือดังขึ้นข้างหู พร้อมกับโผเข้ามาประคองด้วยน้ำตานองหน้า

หญิงสาวหอบหายใจอย่างเอาเป็นเอาตาย ดวงตาเบิกกว้างมองรอบกายอย่างพร่ามัว เพดานไม้เก่าที่ไม่คุ้นตา กลิ่นสมุนไพรฉุนร้อนลอยอบอวล และสตรีแปลกหน้าที่เรียกตนว่าคุณหนู

นี่…ที่ไหนกัน?

เกิดอะไรขึ้นยังไม่ได้อีกเหรอ ไม่ใช่ว่าหัวใจของเราหยุดเต้นไปแล้วนี่?

มือเรียวของนางยกขึ้นลูบใบหน้าตนเองอย่างสับสน แต่สิ่งที่สัมผัสกลับไม่ใช่โครงหน้าที่คุ้นเคย หากเป็นผิวเนียนละเอียดและเส้นผมดำยาวสลวยราวแพรไหม

ความทรงจำสุดท้ายในหัวกลับเป็นภาพเลือดท่วม แสงไฟวาบวับก่อนที่ทุกสิ่งดับวูบไป พร้อมกับมีความทรงจำแปลกปลอมไหลทะลักเข้ามาในห้วงสำนึก ภาพของคุณหนูตระกูลเฟิ่งผู้เลื่องชื่อเฟิ่งจิงหรงบุตรีคนเดียวของตระกูลกระโดดน้ำประชดประชันชีวิต...เหตุการณ์คุ้นเคยเหมือนในนิยายเล่มโปรด

ยังไม่ทันได้หาคำตอบ เสียงโหวกเหวกนอกห้องก็ดังขึ้น

“แย่แล้ว! แย่แล้ว! นายท่านเฟิ่งบุกไปจวนสกุลเซียวแล้ว!”

เสียงร้องตื่นตกใจดังขึ้นพร้อมฝีเท้าที่เร่งรีบ สาวใช้ผู้หนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในเรือนด้วยลมหายใจหอบกระเส่า เสียงดังสะท้อนก้องไปทั่วห้อง

นางกวาดตามองรอบห้องอย่างร้อนรน แต่ทันใดนั้นกลับสะดุดเข้ากับร่างสตรีบนเตียงที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา สายตาที่ควรจับจ้องเพียงแค่ชั่ววูบกลับแข็งค้างเหมือนถูกตรึงไว้ ความตกใจทำให้ริมฝีปากสั่นเครือจนคำพูดติดอยู่ในลำคอ

“คุ…คุณหนู!” เสียงขาดห้วงราวกับไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือความจริงหรือเพียงภาพลวงตา

สตรีบนเตียง เฟิ่งจิงหรงในร่างใหม่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ม่านตาสั่นไหวก่อนจะหันไปมองสาวใช้ด้วยความงุนงงและไม่เข้าใจ ในแววตาที่เคยเอาแต่ใจกลับเจือด้วยความแปลกแยกและเยือกเย็นที่ไม่เคยมีมาก่อน

ลมหายใจของนางสะท้านสั่นไหว ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจและสับสน

หัวใจของนางเต้นรัวจนแทบทะลุออกจากอก ยิ่งภาพความทรงจำแปลกปลอมไหลทะลักเข้ามามากเท่าใด ความเป็นจริงก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

“เฟิ่ง…จิงหรง” นางพึมพำชื่อออกมาอย่างไม่แน่ใจ เสียงสั่นแผ่วเบาจนแทบไม่ใช่เสียงของตนเอง

ในห้วงความทรงจำปรากฏเรื่องราวมากมายตั้งแต่ต้นจนจบของคุณหนูสกุลเฟิ่งผู้เอาแต่ใจ ทั้งการหมั้นหมายกับคุณชายเซียวที่ถูกยกเลิกกระหันหันก่อให้เกิดความอับอายกลายเป็นความโกรธแค้นที่ผลักดันให้นางกระโจนลงแม่น้ำ…

ทุกอย่างไม่ต่างอะไรกับโครงเรื่องในนิยายเล่มโปรดที่เคยอ่านยามว่างในโลกเดิม

นิยายที่นางเพิ่งอ่านค้างไว้ก่อนหัวใจวายตาย!

“นี่…อย่าบอกนะว่า…!” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ลมหายใจติดขัดราวกับไม่กล้าสรุปความคิดนั้นออกมาเต็มปาก

“ฉัน…ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของคุณหนูจอมร้ายกาจจริงๆ” นางกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าฝ่ามือ ความเย็นชืดของความจริงบีบคั้นจนต้องกัดริมฝีปากเพื่อไม่ให้หลุดเสียงกรีดร้องออกมา

ชะตากรรมของบทเฟิ่งจิงหรง…นางร้ายที่ถูกเหยียบย่ำ ถูกหัวเราะเยาะเย้ย และสุดท้ายถูกเขี่ยทิ้งจนตายอนาถ…

หัวใจดวงน้อยพลันสั่นไหว พร้อมกับความโกรธเกนี้ยวแล่นไปทั่วทั้งร่าง หากสวรรค์ส่งนางเขามาอยู่ในร่างนี้…ต่อให้จะมีชะตากรรมเลวร้ายเช่นใด มันจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก!

“คุณหนู! คุณหนูเป็นอะไรหรือเจ้าคะ” สาวใช้ที่ยืนมองอยู่ข้างเตียงถามขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล

เฟิ่งจิงหรงหรือควรกล่าวว่า นางในร่างใหม่หันไปสบตาอีกฝ่าย ก่อนจะแย้มรอยยิ้มบางที่ไม่เหมือนคุณหนูผู้เอาแต่ใจในความทรงจำแม้แต่น้อย รอยยิ้มนั้นสงบเยือกเย็น แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง

“ข้ายังไม่ตาย” นางเอ่ยช้าๆ แต่กลับหนักแน่น คล้ายเป็นต้องการประกาศกับสาวใช้และตัวเอง

แสดง
บทถัดไป
ดาวน์โหลด

บทล่าสุด

บทอื่นๆ

ความคิดเห็น

ไม่มีความคิดเห็น
10
๑ ฟื้นในร่างนางร้าย
หากเอ่ยถึงคุณหนูสกุลเฟิ่งคงไม่มีผู้ใดไม่รู้จักจนถอนหายใจอย่างเอือมระอา ด้วยชื่อเสียงอันอื้อฉาวเลื่องลือไปทั่ว ทั้งความเอาแต่ใจและนิสัยร้ายกาจที่พูดทั้งวันก็มิอาจบรรยายได้หมดสิ้นสกุลเฟิ่งเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ สืบทอดต่อกันมาหลายชั่วรุ่น ทว่าหลังจากที่นายท่านเฟิ่งรับช่วงต่อจากบิดาผู้เฒ่า แม้จะมีภรรยาตั้งแต่วัยเยาว์ แต่เวลากลับล่วงเลยผ่านไปหลายสิบปีโดยยังไร้บุตรสืบสกุลฮูหยินผู้เฒ่ากับท่านผู้เฒ่าเฝ้ารอคอยที่จะได้เห็นสกุลเฟิ่งมีทายาทสืบต่ออีกหนึ่งรุ่น ได้อุ้มหลานสักครั้งก่อนสิ้นลมหายใจ ทว่าเวลากลับล่วงเลยปีแล้วปีเล่า ก็ยังคงไร้วี่แววข่าวดีและแม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะอายุมากแล้ว นางก็ยังคงเข้าวัดวาไม่เว้นวัน กราบไหว้บูชาขอพรให้สกุลเฟิ่งไม่สิ้น ท่ามกลางเสียงทักท้วงของผู้คนมากมายที่เอ่ยเย้ยหยันว่าวันหนึ่งตระกูลเฟิ่งย่อมสิ้นทายาทสืบทอดอย่างแน่นอนจนเมื่อเวลาล่วงเลยไปปีแล้วปีเล่า เส้นผมของทั้งสองพลางขาวโพลนทั่วหัวฮูหยินผู้เฒ่ากับท่านผู้เฒ่าก็ไม่อาจรอคอยได้อีกสุดท้ายก็สิ้นลมจากไปด้วยโรคชรา แต่แม้ร่างกายจะดับสูญ วิญญาณกลับยังคงเป็นห่วงกังวล ไม่อาจปล่อยวางและหลับใหลได้อย่างสงบอยู่ดีกระทั่งวันหนึ่ง
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-25
อ่านเพิ่มเติม
๒ ความทรงจำร่างเดิม
ณ สกุลเซียวไป๋หว่านชิงเป็นเพียงบุตรสาวของตระกูลพ่อค้าที่ทำการค้าเปิดกิจการขายเครื่องปั้นเคลือบอยู่ในตลาด แม้เป็นเพียงสกุลพาณิชเล็กๆ หาได้มีเกียรติสูงส่งดังตระกูลขุนนางใหญ่ แต่ทว่าสวรรค์กลับประทานรูปโฉมอันงดงามให้ ที่ไม่ว่าผู้ใดที่เดินผ่านไปแล้วล้วนต้องเหลียวหลังหวนมองอีกทั้งยังมีวาทศิลป์การพูดจาละเมียดละไมอ่อนหวานจับใจ สามารถโน้มน้าวใจผู้คนให้ซื้อหาสินค้าได้โดยง่ายดังนั้น กิจการเครื่องปั้นเคลือบของสกุลไป๋จึงขายดิบขายดี มิใช่เพราะคุณภาพเพียงอย่างเดียว หากแต่ด้วยเสน่ห์การเจรจาของไป๋หว่านชิงเป็นสำคัญกระทั่งวันหนึ่ง…ในขณะที่ไป๋หว่านชิงเฝ้าร้านอยู่กับเหล่าคนงาน กลับถูกกลุ่มอันธพาลบุกเข้ามาก่อกวน หาได้หมายจะปล้นเครื่องปั้นราคาแพงไม่แต่กลับหมายจะฉุดนางไปเป็นภรรยาแทน!ทว่าสวรรค์เหมือนกำหนดไว้ เมื่อบุตรชายคนรองของสกุลเซียว…คุณชายเซียวจิ้งอวิ๋นผ่านมาพอดีและได้ช่วยเหลือนางเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิดวันนั้นจึงเป็นวันที่ทั้งสองพบพานกันครั้งแรกและกลายเป็นรักแรกพบของทั้งสองฝ่ายและไม่นานหลังจากนั้น คุณชายเซียวก็สร้างเรื่องอื้อฉาวไปทั่วเมือง หักหน้าสกุลเฟิ่งด้วยการประกาศยกเลิกการหมั้นหมายกับ เฟิ่งจิง
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-25
อ่านเพิ่มเติม
๓ การตัดสินใจครั้งใหม่
บรรยากาศภายในเรือนนอนยังอบอวลด้วยกลิ่นยาสมุนไพร เหล่าสาวใช้ต่างยืนตัวสั่นมองคุณหนูที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงด้วยสายตาหวาดหวั่น น่าแปลกที่อีกฝ่ายไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญโวยวายเหมือนเมื่อก่อน แต่กลับเงียบงันเย็นชาเสียจนกระอักกระอ่วนกดดันยิ่งนักเฟิ่งจิงหรงยกมือขึ้นแตะแก้มเนียนช้าๆ สัมผัสได้ถึงหยาดน้ำตาที่หลั่งรินอย่างไม่รู้ตัวของเจ้าของร่างเดิมไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นเพราะความเจ็บช้ำที่ครั้งหนึ่งเคยทุ่มเททั้งหัวใจให้บุรุษผู้นั้นจนยอมแลกด้วยชีวิต หรือเพราะเพลิงแค้นที่ยังคงครุ่กขุ่นแน่นอยู่ในอกกันแน่ “เจ็บปวดถึงเพียงนี้…นางต้องทนแบกรับความอับอายมานานเท่าใดกัน” น้ำเสียงหวานพึมพำพูดแผ่วเบาความทรงจำของร่างเดิมถาโถมเข้ามาไม่หยุด ทั้งถูกเยาะหยันว่าเป็นสตรีเอาแต่ใจ ถูกตราหน้าว่าใช้อำนาจข่มขู่บุรุษแต่งงานด้วยอย่างดื้อรั้นทุกภาพชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเฟิ่งจิงหรงเริ่มตั้งสติได้ริมฝีปากบางยกโค้งขึ้นเล็กน้อย หาใช่รอยยิ้มสดใสหากแต่เป็นรอยยิ้มเย็นชาเจือข่มความเจ็บปวดไว้ในอก“หากสวรรค์กำหนดให้ข้ามาอยู่ในร่างนี้ เช่นนั้น…ข้าก็จะใช้โอกาสนี้กลายเป็นนายร้ายตัวมัมที่พ่อพระเอกโง่งมเสียดายจนตาย”เฟิ่งจิงหรงหันขวับไป
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-25
อ่านเพิ่มเติม
๔ เจอหน้าพระรองครั้งแรก
ดูเหมือนความคิดในหัวของนางจะดังเกินไปหน่อย ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ ถ้อยคำที่เอ่ยออกไปยังสะท้อนก้องอยู่ในโสตประสาท ทั้งที่ความคิดก่อนหน้านี้ยังตีกันวุ่นวายอยู่ในหัว แต่ไฉนกลับพูดออกไปราวกับตกหลุมพรางของความหล่อเหลาของอีกฝ่ายเสียแล้วเฟิ่งจิ่นหรงยืนนิ่ง ตัวแข็งชะงักคล้ายหยุดหายใจไปชั่วขณะขณะที่จ้าวอวี้หมิงมองสตรีตรงหน้า หัวคิ้วเข้มขมวดอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าถ้อยคำเมื่อครู่ที่ได้ยินนั้นเป็นจริงหรือหูฝาดเพี้ยนไปเอง แต่กระนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่าสติของสตรีตรงหน้าอาจเลอะเลือนไปเสียแล้ว“ข้าไม่ใช่คุณชายเซียว…” น้ำเสียงของเขาเข้มขรึม แต่แฝงด้วยความเย็นชา “หากคุณหนูอยากไปสกุลเซียวนั้นอยู่เส้นทางหน้าวังหลวง หากจำไม่ได้ก็บอกให้สารถีพาไป นี่คือจวนสกุลจ้าว”จ้าวอวี้หมิงถอนหายใจลึก ก่อนจะหันหลังจะเดินหนีคล้ายกับปฏิเสธพลางๆทว่าด้วยนิสัยดื้อรั้นเฟิ่งจิ่นหรงกลับก้าวตามเข้ามา ร่างบางยืนขวางทางอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาแน่วแน่“ข้า..ข้า มีเรื่องสำคัญจะพูดคุยด้วยเจ้าค่ะ” น้ำเสียงหวานตะกุกตะกะเต็มไปด้วยความประหม่า นางเงยหน้าขึ้นพลันประสานสบเข้ากับดวงตาคมกริบเย็นเยียบตรงหน้าพอดีจ้าวอวี้หมิงยืนนิ่ง มองสตร
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-25
อ่านเพิ่มเติม
๕ เริ่มเปลี่ยนแปลง
นายท่านเฟิ่งในยามนี้โกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด แววตาแข็งกร้าวจนแทบจะยกดาบไปฟาดฟันกับสกุลเซียวเสียให้รู้แล้วรู้รอดบรรยากาศภายในห้องโถงอึมครึมราวกับมีเค้าเมฆฝนหนาทึบลอยทับอยู่เหนือหัว เพราะหนึ่งวันของสกุลเฟิ่งกลับยาวนานราวหนึ่งปี เต็มไปด้วยเรื่องวุ่นวายที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดราวกับคลื่นซัดแม้ยามนี้จะล่วงถึงมื้อค่ำแต่ความสงัดเงียบกลับไม่ก่อความสงบ หากแต่ทำให้ทุกผู้คนในจวนรู้สึกกดดัน หนักหน่วงจนแทบจะหายใจไม่ออกท้องฟ้าแปรเปลี่ยนสี เริ่มมืดสลัว ประหนึ่งสะท้อนอารมณ์ของนายท่านเฟิ่งที่ยังพลุ่งพล่านไม่คลาย ความเงียบงัดแผ่ปกคลุมไปทั่วจวน ไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุยหรือเสียงหัวเราะของบ่าวไพร่ บ้างก็ต่างก้มหน้าทำงานด้วยความหวาดกลัวเฟิ่งฮูหยินนั่งนิ่งอยู่ข้างสามี สายตาหันไปมองบุตรชายคนเล็กที่ซุกซนไปตามวัย ยามนี้เฟิ่งจื้อหานกำลังวิ่งเล่นอย่างไม่รู้เรื่องรู้ซุกซนตามวัย ไม่เข้าใจว่าบรรยากาศหนักอึ้งเพียงใด ตั้งแต่บุตรชายเริ่มเดินได้ นางเองก็ค่อยได้พักผ่อนนัก แล้วไหนจะเรื่องของบุตรสาวคนโตอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวราวกับมีเข็มนับร้อยทิ่มแทงอยู่ในขมับ“เรื่องนี้…จะปล่อยผ่านไปได้อย่างไร!” น้ำเสียงทุ้มต่ำของนายท่า
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-25
อ่านเพิ่มเติม
๖ ช่วยเหลือผู้คน
“นึกไม่ถึงว่าคุณชายจ้าวจะมีน้ำใจช่วยเหลือผู้คน”น้ำเสียงทุ้มต่ำของซูเหรินเจี๋ยเอ่ยขึ้นเจือความเหน็บแนม สายตาเหลือบมองสหายตรงหน้าที่เอาแต่ทอดสายตาลงไปจากชั้นสองของโรงเตี๊ยม มองไปยังร้านเครื่องปั้นเคลือบของสกุลไป๋อย่างไม่ลดละ ราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเขาซูเหรินเจี๋ยยกน้ำชาขึ้นจิบพลางๆ แววตาฉายแววครุ่นคิดเมื่อหลายวันก่อนหน้า เขาและสหายนั่งจิบชาดวลหมากกันอยู่โรงเตี๊ยมตรงข้ามกิจการของสกุลไป๋ ทว่ากลับเกิดเหตุโกลาหลวุ่นวายขึ้นหน้าร้านเสียงดังเอะอะโวยวาย จนเขาและสหายอดมองด้วยความสนใจไม่ได้แท้จริงแล้วเป็นเพียงคุณหนูสกุลเฟิ่งที่ตามตื้อเซียวจิ้นอวิ้น นางประกาศเสียงดังว่าจะกระโดดลงน้ำ ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สนใจ ใยดีเดินจากไปไม่เหลียวแลขณะที่เหตุการณ์ดูเสมือนจะสงบลง ทว่าไม่ทันไรเขากลับได้ยินเสียงดังโหวกวายตะโกนมาว่ามีคนกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย พอหันกลับไปมองสหาย กลับเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นลงไปยังชั้นล่างโรงเตี๊ยม วิ่งผ่าฝูงชนท่าทางคล้ายเข้าไปช่วยแล้วซูเหรินเจี๋ยไม่คาดคิดว่าสหายผู้นี้ที่มีนิสัยนิ่งเฉย หาได้สนใจเรื่องของผู้ใดหรือแม้แต่สตรีใด นอกจากคุณหนูไป๋ ทว่าเหตุใดกลับยอมเสี่ยงชีวิตช่วยคุณหนูเฟิ่งแทน ทั้งที่
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-29
อ่านเพิ่มเติม
๗ สตรีใสซื่อไร้เดียงสา
พอได้ยินถ้อยนั้น ไป๋หว่านชิงลอบยิ้มออกมาซ่อนความพึงพอใจและสะใจลึกๆ อยู่ภายในใจนางไม่ได้แม้แต่ลงแรงคิดแผนการใด เพียงโยนกระดูกชิ้นหนึ่งขวางทางไว้เท่านั้น อีกฝ่ายกลับคาบแน่นไม่ยอมปล่อยเสียเอง“แต่คุณหนูเฟิ่ง นายท่านเฟิ่งรวมถึงทุกคนในสกุลเฟิ่งคงจะเกลียดข้ามากนัก เกรงว่าแม้แต่หน้ายังไม่อยากมองด้วยซ้ำกระมัง” เสียงหวานพึมพำคล้ายบ่นกับตนเอง หากแต่ดังชัดพอจะลอดเข้าไปในหูเซียวจิ้นอวิ๋นราวกับตั้งใจให้ได้ยินไป๋หว่านชิงเหลือบตาขึ้นมองเพียงเสี้ยวหนึ่ง ก่อนรีบก้มต่ำหลบสายตาดุดันอย่างหวาดระแวง ราวกับแบกรับความผิดอันใหญ่หลวงที่มิอาจลบเลือน มือเรียวทั้งสองกำจอกชาแน่นจนสั่นไหว เผยให้เห็นความเก้ๆ กังๆ อย่าประหม่าและรู้สึกผิด“สุดท้าย ความจริงก็ยังคงเป็นข้าที่ได้แย่งคุณชายมาอยู่ดี” น้ำเสียงหวานสั่นพร่าราวจะขาดห้วงลงกลางคันเซียวจิ้นอวิ๋นพลันเงียบงันไปครู่ใหญ่ พอได้ฟังน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยถ้อยคำตัดพ้อนี้ สายตาคมกริบที่มักจะแข็งกร้าวแจือแววเย็นชาค่อยๆ อ่อนยวบลงอย่างห้ามไม่อยู่เขาถอนหายใจยาวเหยียด แววตาที่ทอดมองสตรีตรงหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่ไม่เคยมีมาก่อน“ไป๋หว่านชิง…” เสียงทุ้มต่ำเรียกชื่ออย่างแผ่ว
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-10-31
อ่านเพิ่มเติม
๘ งานเลี้ยงใหญ่ในจวน
ไป๋หว่านชิงรู้จักกับจ้าวอวี้หมิงมาหลายสิบปี อีกฝ่ายมีนิสัยใจคอเป็นอย่างไรนางย่อมรู้หมดแม้สกุลจ้าวจะเป็นตระกูลค้าขาย แต่จ้าวอวี้หมิงกลับมีนิสัยชอบความสงบ หาได้ชื่นชอบคบค้าสมาคมกับผู้ใด ซ้ำยังพูดน้อยจนแทบนับคำได้ ทว่าหากได้เอ่ยออกมาแล้ว วาจานั้นเฉียบคมยิ่งกว่าคมมีดเสียอีกครั้งแรกที่นางพบจ้าววอี้หมิงก็เมื่อครั้งบิดามาติดต่อเจรจาเรื่องเครื่องปั้นเคลือบกับสกุลจ้าว ยามนั้นเขาอายุเพียงแปดเก้าขวบแต่กลับเย็นยะเยือกสุขุมราวกับผู้ใหญ่ ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์และความรู้สึกใดๆ เกินกว่าวัย หรือหากจะยิ้มก็เป็นเพียงแค่รอยยิ้มตามมารยาทเท่านั้นพอไป๋หว่านชิงได้ยินประโยคก่อนหน้าก็อดจะแปลกใจไม่ได้ หรือแท้จริงแล้วเป็นนางหูฝาดได้ยินผิดเพี้ยนไปเองกัน?นัยน์ตาเมล็ดซิ่งกระพริบปริบๆ มองบุรุษตรงหน้า ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเจือความขบขัน “คุณหนูเฟิ่ง…เฟิ่งจิงหรง อย่างงั้นหรือ…ที่นางกระโดดน้ำลงไปครานั้น ไม่เพียงสติเลอะเลือนแต่ยังคิดว่าท่านคือคุณชายเซียวไปเสียด้วย”วาจาหวานเจือแววประชดประชันชัดเจน นัยน์ตาของนางคล้ายยิ้มแต่ไม่ถึงกับยิ้ม แต่กลับแฝงเฉียบคมคล้ายจะทิ่มแทงจ้าวอวี้หมิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ริมฝี
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-02
อ่านเพิ่มเติม
๙ เหตุการณ์อันตราย
พอสิ้นถ้อยคำนั้น เสียงพูดคุยเจื้อยแจ๋วของแขกเหรื่อค่อยๆ แผ่วลงจนเงียบกริบ สายตาทั้งหลายต่างหันขวับไปมองคุณหนูเฟิ่งพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมาย รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิ่งฮูหยิน พลันชะงักค้าง สีหน้าเก็บความกระอักกระอ่วนแทบไม่อยู่“คุณหนูเฟิ่ง!” ใบหน้าของสตรีวัยกลางคนผู้นั้นแดงกร่ำปนเขียวคล้ำด้วยโทสะ ถลึงตามองเด็กสาวตรงหน้าที่ไม่เพียงดื้อรั้นแต่ยังกล้าถอนผมหงอกของนาง!“หากผู้ใดได้ยินเข้าคงกล่าวได้ว่าคุณหนูเฟิ่งไร้มารยาท…”ไม่ทันสิ้นคำพูด เฟิ่งจิงหรงก็สวนขึ้นทันที“ข้ายังเด็ก หากไร้มารยาทบ้างก็มิใช่เรื่องแปลกนัก แต่ท่านป้า…ผมหงอกแล้วแท้ๆ ไฉนกลับไม่รู้เลยว่าอะไรควรไม่ควร กลับเอ่ยวาจาเสียดแทงกับข้าเช่นนี้ราวกับเด็กสามขวบ” นางกอดอกเลิกคิ้วเอ่ยเสียงเรียบแต่จริงจังนางไม่ได้คิดจะก่อเรื่อง ทว่าก็อดไม่ได้จริงๆ“เฟิ่งจิงหรง พอเถอะ…” เฟิ่งฮูหยินเอ่ยห้ามเสียงเข้มนางหันไปมองสตรีวัยกลางคนที่เป็นฮูหยินตระกูลขุนนางด้วยท่าทางลำบากใจ ก่อนจะยกยิ้มเจื่อนๆ เอ่ยขอโทษ“ขออภัยฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ”“เหอะ! เฟิ่งฮูหยินอบรมได้ดีเสียจริง แต่ดูท่าคงรั้นเกินกว่าจะสั่งสอนได้ เช่นนั้นก็อบรมสั่งสอนเฟิ่งจื้อหานแทนเถอะ!”ถ้อยคำ
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-03
อ่านเพิ่มเติม
๑๐ ความรู้สึกแรก
เฟิ่งจิงหรงถอยหลังจนชิดติดกำแพง ร่างบางสั่นเทิ้มแทบไร้เรี่ยวแรงจะก้าวหนีหรือวิ่งไปทางใดก็ไม่อาจทำได้ คล้ายถูกความหวาดกลัวตรึงไว้กับที่ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเบิกกว้างสั่นระรัว เมื่อเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ที่กรูกันเข้ามาโดยไม่ทันให้ตั้งตัว หัวใจดวงน้อยเต้นแรงราวจะทะลุออกจากอกนางหลับตาปี๋ เตรียมจะส่งเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ ทว่าทันใดนั้นเสียงฝีเท้าหนักแน่นพลันดังสะท้อนขึ้นมา…คล้ายแสงสว่างที่ผ่ากลางความมืดหม่นในยามค่ำคืนเฟิ่งจิงหรงค่อยๆ ลืมตาขึ้น พลันเห็นร่างสูงใหญ่คุ้นตาในชุดขุนนางปักลายก้าวออกมาจากเงามืดตรงปากตรอก กลิ่นอายเย็นเยียบแผ่กดทับไปทั่วจนบรรยากาศหนักอึ้ง ชายฉกรรจ์ทั้งสามที่กำลังพุ่งเข้าหานางถึงกับชะงักงันโดยไม่รู้ตัว“ผู้ใดกัน!” หนึ่งในสามนั้นตะโกนดังลั่น พยายามข่มอำนาจด้วยน้ำเสียงอวดดี“สตรีผู้นี้เป็นของข้า!” ก่อนที่อีกคนจะแสยะยิ้ม เสียงทุ้มต่ำข่มขู่สะท้อนก้องไปทั่ว “ไสหัวไปซะ อย่ามาขัดเวลาความสุขของพวกข้า…ไม่เช่นนั้น เจ้าจะได้ถูกกลบฝังที่นี่เป็นเพื่อนหนอนดิน!”เพียงสายตาคมกริบของเซียวจิ้นอวิ๋นเหลือบมองมาแวบหนึ่ง ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกไปราวคมดาบ ทำให้ชายฉกรรจ์ทั้งสามถอยกรูดไปหน
last updateปรับปรุงล่าสุด : 2025-11-04
อ่านเพิ่มเติม
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status