อยู่ดีๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นตัวประกอบในตระกูลที่มีตัวร้ายถึงสองคน เพื่อหลีกเลี่ยงจุดจบน่าอนาถ นางจึงต้องกีดกันพี่ใหญ่และพี่รองให้ออกห่างจากนางเอกดอกบัวขาวผู้นั้น ทั้งยังต้องทำดีกับสหายของพี่ชายที่เป็นพระเอกของเรื่อง หวังจะให้เขาไว้ไมตรีหากเกิดเรื่องขึ้น แต่เอ๊ะ! เหตุใดสหายของพี่ชายผู้นี้ถึงได้ ชอบปีนเรือนนางกันเล่า เทพเซียนบอกทางผิดหรือเขาเห็นข้างดงามจึงเข้าใจผิดคิดว่าข้าคือนางเอกกันนะ ++++++ “เมื่อครู่มีคราบอะไรเปื้อนที่แก้มเจ้าก็ไม่รู้ แต่พี่ปัดออกให้แล้ว” กล่าวจบเขาก็ถอนมือออกแล้วถอยห่างก่อนจะเดินจากไป “ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางตอบรับก่อนจะส่งยิ้มให้สหายของพี่ชาย ดูเหมือนความสัมพันธ์ของคนจวนอวี้และหยางเฟยฉีพระเอกของเรื่องจะเป็นไปได้ด้วยดี เพราะกำลังคิดเรื่องราวการเอาตัวรอดจากความฉิบหาย จึงไม่ทันสังเกตสีหน้าหวาดกลัวของสาวใช้คนสนิท ‘คุณหนูเจ้าคะ ท่านไม่ควรหลงเชื่อคุณชายหยาง หน้าท่านไม่มีอะไรติดอยู่ทั้งสิ้น คุณชายหยางแค่อยากกินเต้าหู้ท่านก็แค่นั้น’ แม้จะอยากเอ่ยปากออกไปเพียงใด แต่พอได้เห็นสายตาดุของบุตรชายอดีตแม่ทัพใหญ่ของแผ่นดิน นางจึงไม่กล้าเอ่ยออกไป ปล่อยให้คุณหนูของตนถูกกินเต้าหู้อย่างไม่รู้ตัว
ดูเพิ่มเติม1
จู่ๆ ก็ได้เป็นพี่น้องกับตัวร้าย
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับเธอเนี่ย ทำไมเธอได้โผล่มาอยู่ในที่แห่งนี้
เจ้าของดวงตาเมล็ดซิ่งได้แต่กะพริบตาปริบๆ พลางจ้องมองตนเองในกระจก ใบหน้าที่น่ารักราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบของเด็กสาววัยสิบสี่ปี ก่อนจะใช้สองมือเล็กดึงทึ้งผมตนเองราวกับคนเสียสติ
“คุณหนูเจ้าคะ ให้บ่าวช่วยผัดหน้าเติมชาดหรือไม่เจ้าคะ” เจียวลู่ที่ถูกสั่งให้รออยู่ด้านนอกส่งเสียง
“ไม่เป็นไร ข้าทำเองได้” กล่าวจบนางก็รีบหยิบหวีมาสางผมจัดการตนเองให้เรียบสวยดังเดิม
“เฮ้อ...” สามวันมานี้นางถอนหายใจนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตนยังอยู่ในที่แห่งนี้ดังเดิม
‘คงต้องยอมรับความจริงแล้วละมั้ง’ แต่มันจะเป็นความจริงที่ว่านางทะลุมิติมาอยู่ในโลกจีนโบราณ ย้อนอดีตชาติกลับมา หรือตายไปแล้วเลยมาเข้าร่างผู้อื่นกันล่ะ
อ่านนิยายแนวจีนโบราณมาก็ตั้งมากมายใครจะคิดว่าวันหนึ่งจะได้รับโอกาสเผชิญชะตากรรมของตัวละครด้วยตนเอง
แต่จะให้โผล่มาอยู่ในโลกแบบนี้ทั้งที เหตุใดถึงให้นางมาอยู่ในร่างของน้องสาวคนเล็กของตัวร้ายฝ่ายชายและนางร้ายกันเล่า ขึ้นชื่อว่าตัวร้ายจุดจบย่อมไม่สวยงาม เพราะท้ายที่สุดตระกูลอวี้ตั้งแต่บนลงล่างเกือบร้อยกว่าคนต้องถูกประหารชีวิตในข้อหากบฏ
เลือกข้างผิดชีวิตฉิบหายของแท้ หากอยากร้องเรียนความอยุติธรรมของสวรรค์ นางต้องไปร้องเรียนที่ศาลเทพเจ้าอะไร
“คุณหนูเหตุใดถึงไม่ยอมให้บ่าวอาบน้ำให้เหมือนเดิมล่ะเจ้าคะ หรือบ่าวทำอะไรไม่ถูกใจคุณหนู คุณหนูเลยคิดจะขาย...”
“พอๆ หยุดคิดไปเองได้แล้ว อยากเข้ามาก็เข้ามาเถิด” สิ้นเสียงอนุญาตสาวใช้วัยใกล้เคียงกันก็รีบเปิดประตูเข้ามา
“ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนู”
“ข้าจะบอกเจ้าอีกครั้งและจะเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าไม่ได้ทำอันใดไม่ถูกใจข้า เพียงแต่ข้าอยากฝึกทำอะไรด้วยตนเองบ้าง ปีหน้าก็จะปักปิ่นแล้วข้าควรจะต้องฝึกตนเอง”
“ต่อให้แต่งออกไปแล้ว คุณหนูก็ยังมีบ่าวติดตามไปรับใช้นะเจ้าคะ หรือว่าแท้จริงคุณหนูคิดจะทิ้งบ่าว...”
“เฮ้อ...ข้าไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น ข้าแค่อยากทำอะไรด้วยตนเองบ้าง แล้วแป้งนั่นไม่ต้องผัดเพิ่มแล้ว”
“แต่ว่าปกติคุณหนูต้องผัดแป้งมากกว่านี้” หากผัดแป้งบางไปนางก็จะโดนคุณหนูลงโทษด้วยการให้งดขนมและของว่าง
“ตอนนี้ข้าไม่ปกติ เอาล่ะ ข้าจะทำให้ดูว่าต้องทำเช่นไร เจ้าจงจำไว้ว่าต่อจากนี้จะต้องผัดหน้าเติมชาดให้ข้าเช่นนี้”
“เจ้าค่ะ” ตั้งแต่คุณหนูตกน้ำตกท่าเมื่อหลายวันก่อนคุณหนูของนางก็เปลี่ยนไปเยอะ
“หลังจากตกน้ำตกท่าครั้งนั้น ในช่วงที่หลับไปข้าได้พบเจอเรื่องราวมากมายซึ่งมันทำให้ข้าคิดว่าหากตัวข้าไม่คิดลงมือทำอันใด มิแคล้วฝันร้ายของข้าคงกลายเป็นความจริง” นี่คือสิ่งที่นางเตรียมไว้อธิบายหากมีคนสงสัยถึงการเปลี่ยนไปของตน
“หากฝันร้ายนั้นทำให้คุณหนูไม่สบายใจ เช่นนั้นเราขอฮูหยินออกไปไหว้พระดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ไหว้พระหรือ น่าสนใจไม่น้อย” หากจำไม่ผิดหลังจากอวี้ซีเยว่ตกน้ำเสียชีวิตได้ไม่กี่วัน อวี้ลู่เสียนที่ทั้งรู้สึกผิดและเคียดแค้นนางเอกอย่างเฟินฮุ่ยเหมย จึงไปดักต่อว่าอีกฝ่ายที่กลางตลาดพออีกฝ่ายปฏิเสธว่าตนไม่ได้ผลักคุณหนูเล็กอวี้ จึงลงมือตบตีจนพระเอกอย่างหยางเฟยฉีสหายของพี่ใหญ่เข้ามาห้าม นั่นคือการพบกันครั้งแรกของนางเอกบุตรสาวแม่ทัพอุดรที่เพิ่งย้ายมาอยู่เมืองหลวงกับพระเอกที่เป็นคุณชายผู้สืบทอดตำแหน่งกั๋วกง
ก็ตอนที่ทำนางตกน้ำแม่นางเอกผู้มีจิตเมตตารีบหนีกลับก่อนเพราะกลัวความผิดจึงไม่ทันได้ตกหลุมรักพระเอกที่มาช่วยนางขึ้นจากน้ำ ซึ่งตามหลักแล้วมันก็ไม่ควรจะมีฉากนี้ อวี้ซีเยว่ผู้เป็นตัวจุดชนวนความแค้นฝั่งตัวร้ายควรจะจมน้ำตาย แต่ดันไม่ตายเพราะมีนางโผล่มานี่ไง
“คุณหนูอยากไปวัดใดดีเจ้าค่ะ”
“วัดเฟิงกวางก็แล้วกัน ใบเฟิงน่าจะกำลังงดงาม” โชคดีที่ได้ความทรงจำของร่างเดิมมาด้วย มิเช่นนั้นนางคงสวมรอยเป็นอวี้ซีเยว่ได้ไม่แนบเนียน
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นเราไปขออนุญาตฮูหยินกันเถิดเจ้าค่ะ”
“อืม”
เด็กสาววัยสิบสี่ปีผัดหน้าเติมชาดเพียงเบาบางเผยให้เห็นผิวพรรณและความงดงามอย่างเป็นธรรมชาติแลดูอ่อนเยาว์น่ารักสมวัย
ฮูหยินอวี้แม้จะเข้มงวดไปสักเล็กน้อย แต่ก็เอ่ยปากอนุญาตโดยง่ายเพราะบุตรสาวที่เพิ่งผ่านเรื่องราวเลวร้ายมา
“เจ้าจะไปวัดแม่ไม่ว่า แต่ต้องพาคนคุ้มกันไปด้วยแม่ถึงจะเบาใจ”
“ได้เจ้าค่ะ เอ่อ...ท่านแม่จะว่าอะไรหรือไม่เจ้าคะ หากลูกจะขออนุญาตพาพี่รองไปด้วย”
“นางถูกลงโทษกักบริเวณอยู่ แม่คงอนุญาตไม่ได้”
“ท่านแม่ที่แสนงดงามของลูก เพราะอยากไปปัดเป่าเคราะห์ภัยลูกจึงอยากไปไหว้พระ แต่หากต้องไปคนเดียวลูกคงจะเหงา ลูกจึงอยากให้พี่รองไปด้วย ท่านแม่ได้โปรดอนุญาตเถิดนะเจ้าคะ” อวี้ซีเยว่มองมารดาด้วยสายตาอ้อนวอน
“ตั้งแต่ตกน้ำในครานั้น เหตุใดบุตรสาวข้าถึงได้ช่างเจรจาขึ้น”
“ท่านแม่...ก็อย่างที่ลูกบอกว่าตอนที่ลูกหลับได้พบเรื่องราวมากมายทั้งดีและร้าย ลูกจึงอยากเปลี่ยนแปลงตนเองเพราะลูกรู้ดีว่าคนที่รักลูกมากที่สุดก็คือคนในตระกูลอวี้ ท่านพ่อท่านแม่ พี่ใหญ่และพี่รองต่างรักและเอ็นดูลูกมากกว่าใครทั้งหมด ลูกจึงไม่อยากทำให้พวกท่านผิดหวังอีก”
“ตามแต่ท่านต้องการเจ้าค่ะ แต่ขอยกเว้นชีวิตและเงินทองเจ้าค่ะ ข้าค่อนข้างยากจน ทุกวันนี้อยู่ดีกินดีเพราะบิดามารดา” นางกล่าวจบก็กลับมานั่งตัวตรงพร้อมกับหลุบตาลงเล็กน้อยให้ดูน่าเอ็นดูกึ่งน่าสงสาร “ท่านผู้ตรวจการโจว เย็นนี้ท่านพอจะมีเวลาว่างหรือไม่ขอรับ” เมื่อมีคนเสนอค่าตอบแทนให้ คุณชายหยางเช่นเขามีหรือจะไม่รับไว้ ในเมื่อค่าตอบแทนที่เขาต้องการมันช่างหอมหวานยิ่ง... “ข้าไม่ได้มีงานสำคัญใด ท่านมีอันใดหรือไม่” ขุนนางหนุ่มเอ่ยถามบุรุษผู้ที่มีอายุน้อยกว่า “เย็นนี้ข้าอยากจะเชิญท่านมารับมื้อเย็นที่จวนที่พวกข้าพักอาศัย อาจจะมีการจิบสุราบ้างเล็กน้อยเพื่อสร้างความคุ้นเคยกัน” หยางเฟยฉีกล่าวจบก็เหลือบมองสหายตน&nb
“ใช่ เขากล่าวว่าอย่างไรก็ไม่แต่ง เพราะตัวเขานั้นรักฮูหยินมาก สุดท้ายคนแบกความอับอายจึงเป็นคุณหนูเฟินที่บุรุษหลายคนในงานได้เห็นนางในสภาพเช่นนั้น ทั้งยังถูกบุรุษปฏิเสธไม่รับผิดชอบอีก” “ข้าเพิ่งรู้ว่ามีเรื่องเช่นนี้ด้วย แล้วการที่นางตกน้ำเป็นฝีมือใครหรือเจ้าคะ” เหตุใดนางถึงได้รู้สึกเหมือนว่าเวรกรรมกำลังตามทันสตรีผู้นั้น “ไม่ทราบ คุณหนูเฟินก็บอกไม่ได้ว่าเป็นฝีมือใคร เพราะบริเวณนั้นไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว” ‘ก็คงไปสร้างศัตรูเอาไว้มาก เลยมีคนมาเอาคืน’ “เจ้าอยากกินอะไรเพิ่มหรือไม่ พี่จะสั่งให้” สิ้นเสียงของรองเจ้ากรมยุติธรรม ก็มีบุรุษสองคนเปิดประตูห้องส่วนตัวเข้ามา “มิรบกวนท่านรอ
14 ว่าที่น้องเขยของอวี้ลู่หมิง ด้านบนของหอขายข่าวมีบุรุษสองคนนั่งมองกลุ่มคนด้านล่างด้วยสายตาเรียบเฉย นิ้วแกร่งหยิบถั่วในจานก่อนจะโยนเข้าปาก หากไม่ได้มาหนานโจวด้วยในคราวนี้ ตนก็คงไม่รู้ว่าแท้จริงนายท่านเฟยเจ้าของหอขายข่าวที่ยิ่งใหญ่และหอประมูลแห่งนั้นคือสหายผู้นี้ แม้จะรับรู้
“พี่รองน่ะสิเจ้าคะ คะนึงหาพี่เลี่ยงรุ่ยจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ข้าและพี่ใหญ่จึงต้องพากันเดินทางมาที่หนานโจว” “ซีเยว่เจ้าล้อพี่เล่นแล้ว” อวี้ลู่เสียนกล่าวด้วยท่าทีเขินอาย จนบุรุษตระกูลเฟินกำมือแน่น “ข้าพูดความจริงเจ้าค่ะ” “เราไปนั่งคุยกันในเหลาแห่งนั้นดีหรือไม่ จะได้คุยไปกินข้าวไป” ในสายตาอวี้ซีเยว่ตอนนี้ พี่ชายซ่างกวนป๋อช่างรู้ใจนาง กินอาหารเลิศรสไปด้วยคุยกันไปด้วยดีที่สุด “เช่นนั้นข้า...” คุณหนูเฟินตั้งใจจะเอ่ยปากแต่โดนอวี้ลู่เสียนเอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน “เช่นนั้นเราสี่คนรีบไปกันเถิดเจ้าค่ะ” คำจำกัดจำนว
‘อย่างไรสำหรับพี่ บุรุษก็ต้องมาก่อนนะน้องเล็ก’ พี่สาวอย่างตนไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งได้จริงๆ เพราะมิเช่นนั้นว่าที่ฟูจวินของนางจะเดือดร้อน แคว้นฉีจินก็แสนจะกว้างใหญ่ แต่เหตุใดนางถึงได้พบศัตรูบนทางแคบ[1] ด้วยสัญชาตญาณอวี้ซีเยว่รีบจับแขนพี่สาวเอาไว้แน่น เพราะกลัวพี่สาวจะบุกเข้าไปทำร้ายสตรีดอกบัวขาว “มีอันใดหรือซีเยว่” อวี้ลู่เสียนเอ่ยถามน้องสาว เมื่อเห็นนางทำสีหน้าไม่ค่อยดี “มิมีอันใดเจ้าค่ะ เรารีบไปหาอะไรกินในโรงเตี๊ยมทางนั้นเถิดเจ้าค่ะ” “เดินทางรอนแรมจากเมืองหลวงมาไกลมิคาดคิดว่าจะมาเจอคนรู้จักที่หนานโจว” เสียงหวานของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้นก
“หากเป็นข้าแต่งเข้าจวนเจ้า เจ้าจะรังเกียจหรือไม่เล่า” คุณชายตระกูลหยางกล่าวทีเล่นทีจริง เพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากจะสืบทอดตำแหน่งกั๋วกงต่อจากบิดาเท่าใดนัก จึงพยายามรีบเร่งให้บิดาที่บัดนี้ปลดประจำการจากการเป็นแม่ทัพแล้ว มอบน้องชายน้องสาวให้เขาสักสองสามคน “ล้อข้าเล่นแล้ว คุณชายหยางผู้ยิ่งใหญ่เนี่ยนะจะมาชอบสตรีซุกซนที่ยังไม่ปักปิ่นอย่างน้องสาวข้า อีกอย่างคุณสมบัติเจ้าไม่ผ่าน เพราะซื่อจื่อจวนกั๋วกงอย่างเจ้า ไม่มีทางจะเป็นเขยแต่งเข้าจวนผู้ใดได้” “เจ้าก็คิดเช่นนั้นหรือ” “บุรุษรูปงามทั้งสอง ข้าน้อยยังนั่งอยู่ตรงนี้นะเจ้าคะ เหตุใดถึงได้เอ่ยถึงข้าอย่างไม่คิดเกรงใจเช่นนี้ และหากพวกท่านยังจะกล่าวเรื่องพวกนี้ต่ออีก ข้าจะเป็นฝ่ายออกไปขี่ม้าเองเจ้าค่ะ” น้องน้อยบ่นยืดยาว แก้มเนียนใสป่องขึ้นอย่างแง่งอน สร้างรอยยิ้มให้กับอวี้ลู่เสีย
ความคิดเห็น