เมื่อหยางซินเยว่ถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจจนตัวเองต้องตายพอได้เกิดใหม่ในดินแดนที่แปลกประหลาดยังถูกน้องสาวต่างมารดารังแกแถมบิดาผู้ให้กำเนิดยังรังเกียจที่ไร้พลังทั้งยังต้องค้นหาชาติกำเนิดที่เเท้จริงของตน
ดูเพิ่มเติมเด็กหญิงตัวน้อยใบหน้าที่ฉายแววงดงามตั้งแต่ยังเล็กมีผิวขาวราวกับหิมะ เธอได้อาศัยและเติบโตที่บ้านเด็กกำพร้าในเมืองหนึ่งชื่อว่า 'หวงลู่'
เมื่อตอนที่อายุได้ราวหนึ่งขวบ เธอถูกคนนำมาทิ้งไว้ที่หน้าประตู บ้านเด็กกำพร้า ภายในตัวของเด็กน้อยยังมีแหวนหยกเก่าๆ ที่สลักตัวอักษร 'หยาง' ไว้ด้านในมันถูกห้อยด้วยเชือกผ้าเก่าๆ แขวนไว้ที่คอของเธอ
เมื่อผู้ดูแลมาพบเข้าจึงนำตัวเธอมาดูแลรวมกับเด็กคนอื่นและตั้งชื่อให้เธอว่า ซินเยว่ให้ใช้นามสกุลหยางเหมือนกับตัวอักษรที่สลักอยู่บนแหวนหยก
เมื่อซินเยว่อายุได้ห้าขวบเธอได้ถูกรับเลี้ยงโดยสามีภรรยาที่ดูร่ำรวยและใจดี เกาชิงและเกาหลิงลี่ สองสามีภรรยาแซ่เกาที่ความจริงแล้วเป็นนักโจรกรรมและนักต้มตุ๋นที่ทางตำรวจสากลต้องการตัว
สองสามีภรรยาถูกออกหมายจับนับสิบประเทศเมื่อเป็นแบบนั้น พวกเขาจึงคิดวางแผนรับเลี้ยงเด็กกำพร้าให้เป็นลูกบุญธรรมเพื่อฝึกฝนให้เป็นตัวแทนของเขาและภรรยา โดยมีพวกเขาที่อยู่เบื้องหลังคอยสั่งการ
สองสามีภรรยาแซ่เกาปลอมตัวเป็นเศรษฐีใจบุญคอยบริจาคเงินช่วยเหลือบ้านเด็กกำพร้า เพื่อให้ดูแนบเนียนจึงเสแสร้งรักและสงสาร เหล่าเด็กที่ถูกทอดทิ้ง อีกอย่างทั้งสองคนยังไม่เคยมีลูกเป็นของตัวเองนั่นยิ่งง่ายต่อแผนที่วางเอาไว้
ครั้งนี้ซินเยว่คือเด็กหญิงที่ได้รับเลือกจากสามีภรรยาแซ่เกาพราะมีเธอมีผิวพรรณขาวผ่องหน้าตาน่ารัก อายุของเธอยังน้อยจึงง่ายต่อการล้างสมองและฝึกให้เชื่อฟัง
เมื่อซินเยว่ย้ายไปอยู่กับสามีภรรยาแซ่เกาเธอก็ถูกฝึกทักษะ ด้านต่างๆ จากทั้งสองไม่ว่าจะด้านร่างกายจิตใจการต่อสู้และทักษะการเอาตัวรอดเพื่อง่ายต่อการหนีหลังจากที่ชิงของล้ำค่ามาจากเศรษฐีพวกนั้น ทุกอย่างที่เธอถูกฝึกมาแทบจะไม่ต่างอะไรกับการฝึกหน่วยพิเศษหรือสายลับขององค์กรต่างประเทศ
นอกจากซินเยว่แล้วยังมีเด็กที่ถูกรับมาเลี้ยงก่อนหน้าเธออีกสามคนคือ ชิงเหอ หานเยี่ย และหลิงหลง ทุกคนต่างถูกรับมาจากบ้านเด็กกำพร้าต่างที่กัน
ผ่านไปสิบสี่ปีพวกเขาทั้งสี่เติบโตมาพร้อมกันในบ้านสกุลเกา แต่ดูเหมือนว่าความสามารถของซินเยว่จะก้าวหน้าและโดดเด่นมากกว่าใครในหมู่พี่น้องของเธอ เพราะซินเยว่มีพรสวรรค์และทักษะที่โดดเด่นความทรงจำของเธอเป็นเลิศกว่าใคร
ทุกอย่างที่เธอทุ่มเทมาตลอดในการฝึกนั่นเพราะซินเยว่ต้องการความรักจากสองสามีภรรยา เธอจึงเพียรพยายามฝึกฝนตนเองเพื่อจะได้เป็นที่โปรดปราน
ทุกครั้งที่ถูกชมเชยเธอจะดีใจเป็นอย่างมากแต่ซินเยว่ก็ไม่เคยทำตัวหยิ่งผยองหรือร้ายกาจเห็นเเก่ตัวกับลูกบุญธรรมคนอื่น เธอยังคงตระหนักอยู่เสมอว่าเธอเป็นเพียงเด็กที่ถูกรับมาเลี้ยง เธอยังคงเป็นซินเยว่ที่ร่าเริงและอบอุ่นอยู่เสมอ แต่ภายใต้หน้ากากที่เธอสร้างขึ้นมานั้นกลับมีแต่ความโดดเดี่ยวและอ้างว้างซินเยว่หวังอยู่เสมอว่าสักวันหนึ่งจะมีใครสักคนเข้ามาเติมและทำให้ความรู้สึกที่อ้างว้างของเธอนั้นหายไป
ตลอดมาซินเยว่รับงานโจรกรรมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นภาพวาดเก่าแก่หายาก เครื่องเพชรมูลค่าสูง หรือปล้นพิพิธภัณฑ์ที่มีมรดกเก่าเเก่ล้ำค่าของโลก ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรที่สามีภรรยาแซ่เกาสั่งมาโอกาสที่ซินเยว่สามารถมันได้สำเร็จคือหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
ตั้งแต่อายุสิบแปดเธอก็เริ่มเดินทางออกนอกประเทศใช้ชีวิตโลดโผนไม่เคยมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และตอนนี้ซินเยว่เริ่มมีชื่อเสียงและถูกกล่าวขวัญในหมู่นักประมูลใต้ดินผิดกฎหมายเพราะฝีมือที่ยอดเยี่ยมของเธอ แต่ไม่เคยมีใครได้พบตัวจริงของเธอมาก่อน หากต้องการจ้างเธอทำงานต้องผ่านระบบและคัดกรองจากสามีภรรยาแซ่เกา
ซินเยว่จะรับคำสั่งผ่านรหัสที่มีเพียงสามีภรรยาแซ่เกาเท่านั้นที่รู้เธอจึงยังคงเป็นบุคคลปริศนาที่ไม่มีใครรู้ประวัติอายุหรือหน้าตา บางคนก็ลือกันว่าเธอเป็นผู้ชายบ้างก็ว่าเป็นผู้หญิง แต่มีเพียงเรื่องเดียวที่พวกเขารู้ตรงกันคือฉายาที่ตำรวจสากลทั่วโลกมอบให้เธอ
"นักโจรกรรมเงา"
'หยดน้ำตาสวรรค์' สร้อยเพชรที่มีเอกลักษณ์และมีมูลค่ามหาศาลซึ่งถูกเก็บอยู่ในห้องนิรภัยทันสมัยที่สุดในโลกและได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาจากบอดี้การ์ดมือดีของคฤหาสน์ 'เรนเดล'
สร้อยเพชรเก่าเเก่ที่ตกทอดมาหลายชั่วอายุคนของตระกูลเรนเดล อีกไม่นานจะมีการจัดงานเดินแบบแฟชั่นโชว์การกุศลและหยดน้ำตาสวรรค์ จะออกมาสู่สายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ
ซินเยว่คือหัวโจกในการวางแผนปล้นครั้งสำคัญ เธอรู้ดีว่าต้องเลือกใครมาร่วมทีมเพราะเป้าหมายในการโจรกรรมครั้งนี้คือ เพชรเม็ดงามมูลค่ากว่าห้าร้อยล้านเหรียญที่จะถูกจัดให้อยู่กลางเวทีงานการกุศลใหญ่แห่งปี แผนการทุกอย่างต้องรัดกุมและแนบเนียนก่อนที่พวกเธอจะลอยลำหายเข้ากลีบเมฆไป
โดยปกติแล้วซินเยว่จะทำงานคนเดียวเพราะง่ายแก่การเร้นตัว แต่คราวนี้เป็นงานใหญ่ และระบบรักษาความปลอดภัยเเน่นหนาซินเยว่จึงต้องมีผู้ช่วย เธอเรียกตัวชิงเหอ หานเยี่ย และหลิงหลงมาช่วยในการโจรกรรมครั้งนี้
ก่อนงานการกุศลเริ่มขึ้นหนึ่งชั่วโมง
ซินเยว่ ที่ปลอมตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลอัญมณีได้รับมอบหมายให้เข้าไปในห้องนิรภัยเพื่อตรวจสอบ หยดน้ำตาสวรรค์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนการนำไปสวมให้นางแบบที่จะเดินในชุดฟินาเล่ในคืนนี้ ส่วนชิงเหอและหานเยี่ย ปลอมตัวเป็นบอดี้การ์ดในงานและคอยดึงดูดความสนใจพวกบอดี้การ์ดคนอื่นที่เฝ้าอยู่ด้านนอก
เมื่อซินเยว่นำหยดน้ำตาสวรรค์ที่ทำขึ้นมาเลียนแบบทำการสับเปลี่ยนกับของจริงและนำไปใส่ให้กับนางแบบ จากนั้นจึงแอบนำหยดน้ำตาสวรรค์ของจริงแยกชิ้นส่วนแล้วส่งให้หลิงหลงที่ปลอมตัวเป็นบริกรหญิงและส่งต่อให้ชิงเหอนำออกไปอย่างแนบเนียน
หลังจบงานแฟชั่นโชว์เจ้าหน้าที่ได้นำหยดน้ำตาสวรรค์มาตรวจสอบอีกครั้งก่อนเก็บเข้าตู้นิรภัยและพบว่ามันกลายเป็นสร้อยที่ทำขึ้นมาเลียนแบบแต่ตอนนี้ซินเยว่ได้หายตัวไปแล้ว
สิบวันต่อมาซินเยว่ได้เดินทางไปยังจุดนัดพบที่ทั้งสี่ได้ตกลงกันไว้หลังจบงานนี้
ณโรงแรมใหญ่ใจกลางกรุงนิวยอร์ก
มีการจัดงานประมูลลับขึ้นที่ชั้นใต้ดินที่ลึกที่สุดของโรงแรมและสินค้าที่นำมาทำการประมูลส่วนใหญ่ถูกปล้นมาทั้งนั้น ผู้ที่สามารถเข้าร่วมการประมูลจะต้องลงทะเบียนออนไลน์และได้รับการ์ดทองเพื่อยืนยันตัวตนจึงจะสามารถเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ได้ สถานที่จะเปลี่ยนไปทุกครั้งที่จัดงานประมูลลับขึ้นและข้อมูลสถานที่จะถูกส่งเข้ามือถือส่วนตัวของผู้ลงทะเบียนเท่านั้น
คนที่เข้าร่วมการประมูลลับนี้ส่วนใหญ่เป็นพวกอิทธิพลมืด นักการเมือง พ่อค้ายาดังนั้นจึงไม่แปลกที่สินค้าที่นำมาประมูลจะมีมูลค่าสูงลิ่วแต่ยังคงเป็นที่ต้องการของพวกนักสะสมกระเป๋าหนัก
หยดน้ำตาสวรรค์ ก็เป็นหนึ่งในสินค้าที่จะเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ด้วย ซินเยว่สวมชุดเดรสยาวเกาะอกเปิดไหล่สีดำดูเรียบแต่หรูหรา เพียงแต่งหน้าบางๆ ก็สามารถทำให้เธอดูสวยโดดเด่นยิ่งกว่าใคร ขาเรียวยาวก้าวลงจากแลมโบกินี่สีแดงตัดกับชุดสีดำของเธอเมื่อเดินเข้าไปในเลาจ์ชั้นใต้ดินขอโรงแรม ซินเยว่สั่งไวน์มานั่งดื่มรอหลิงหลง ชิงเหอและหานเยี่ย อย่างใจเย็นจากนั้นไม่นานทั้งสามก็เดินเข้ามาพร้อมกัน
หลิงหลงเปิดแชมเปญเพื่อดื่มฉลองให้กับความสำเร็จเงินที่ได้จากการประมูลมากกว่าราคาจริงของสร้อยเพชรเสียอีก ซินเยว่รับแชมเปญจากหลิงหลง เมื่เธอดื่มเข้าไปก็รู้สึกแสบร้อนที่คอคล้ายกำลังกลืนลูกไฟเข้าไป แก้วเเชมเปญในมือร่วงลงพื้นแตกกระจาย ซินเยว่ล้มลงจากเก้าอี้แล้วกระอักเลือดออกมา
'ทำไม'
ซินเยว่ส่งสายตาเป็นคำถามเธอมองพวกเขาด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ แต่มันก็ไม่ได้รับคำตอบจากพวกเขานอกจากรอยยิ้มเย้ยหยัน พร้อมกับลมหายใจรวยรินที่ค่อยๆ จากไปของเธอ
“เสี่ยวเป่าเจ้าต้องช่วยข้า”เสี่ยวเป่าเหมือนจะรู้ว่าเสี่ยวหงต้องการจะทำอะไร มันกระโดดไปที่นางแล้วคายแก่นพลังของมันวางไว้บนมือของเสี่ยวหง ซินเยว่ที่กำลังโรมรันอยู่กับไป๋ซวี่เฟิงไม่ทันเห็นสิ่งที่พวกเขากำลังทำ‘ฝากเจ้าดูแลนางด้วยนะแล้วอย่าลืมไปตามหาข้าเล่า’เสี่ยวหงพูดกับเสี่ยวเป่าที่ตัวหดเล็กลงกลายเป็นก้อนขนอีกครั้ง เสี่ยวหงใช้แก่นพลังของนางและเสี่ยวเป่าที่บำเพ็ญมายาวนานเพื่อผนึกร่างของไป๋ซวี่เฟิงเอาไว้จากนั้นนางระเบิดแก่นพลังของตนเพื่อทำลายดวงจิตของเขาก่อนที่นางจะหายไป เสี่ยวหงส่งกระแสจิตมาที่ซินเยว่‘แม้ว่าข้าจะตายไปแล้วเกิดใหม่อยู่ที่ใดข้าและเจ้าจะยังคงผูกพัน ในชาตินี้ข้าตายไปก่อนเมื่อถึงเวลาจุติอีกครั้งหวังว่าเจ้าจะตาหาข้าจนพบ’น้ำตาหยดสุดท้ายหลั่งออกมาจากดวงตาหงส์คู่งามของเสี่ยวหง ไป๋เยี่ยนหลงดึงร่างของซินเยว่ให้ออกห่างจากรัศมีแรงระเบิด ไป๋ซวี่เฟิงดินรนเพื่อให้หลุดจากการผนึกของเสี่ยวหงแต่เพราะมีแก่นพลังของเสี่ยวเป่าด้วยเขาจึงต้องสลายหายไปพร้อมกับนางท้องฟ้าที่เคยเเดงฉานกำลังมีฝนตกลงมาเหมือนท้องว่ากำลังหลั่งน้ำตาให้กับเสี่ยงหง ซินเยว่ร้องเรียกหาเสี่ยวหงทั้งน้ำตา เสียงร้องไห้ของนางดั
ชายชุดดำนับร้อยค่อยๆ เปิดเผยตัวแต่ละคนมีพลังขั้นเจี๋ยตันขึ้นไปทั้งนั้น ไป๋เยี่ยนหลงยังคงนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นเหมือนกับเขามิได้หวันเกรงให้กับคนของไป่ซวี่เฟิงเลยสักนิดด้านซินเยว่ยังคงหลับไม่ตื่นวนเวียนอยู่ในภาพฝันที่นางได้อยู่ร่วมกับคนตระกูลหยางอีกครั้ง นางรู้สึกมีความสุขเมื่อได้อยู่กับพวกเขาแต่ความรู้สึกลึกๆ เหมือนกำลังโหยหาบางสิ่งแต่นางไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร นางนั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียวในศาลาใกล้สระบัวท่าทางของนางเหงาหงอยเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่ง“หลานรักปู่มีของที่ต้องการมอบให้เจ้า”ท่านปู่ของนางเดินเข้ามาในศาลา ซินเยว่หันมาสนใจ หยางตงฉวนท่านปู่ของนาง“นี่คือสิ่งที่จำกัดพลังของเจ้าเอาไว้ เมื่อถึงเวลาเจ้าจะต้องได้ใช้มันแน่”เขาได้มอบป้ายหยกรูปหงส์ให้นางถึงเวลาที่หลานจะต้องไปแล้ว อย่าลืมว่าพวกเราตระกูลหยางทุกคนอยู่ข้างหลานตลอดเวลาไม่เคยไปไหน”ซินเยว่พยักหน้า ครอบครัวของนางมายืนรอส่งนางที่หน้าประตูจวนทุกคนโบกมือให้นางทั้งยังอวยพรให้ซินเยว่ได้พบกับเขาผู้นั้น นางไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นหมายถึงอะไร ก่อนที่ซินเยว่จะฟื้นกลับมาร่างของนางเปล่งแสงสีแดงเปลวเพลิงค่อยก่อตัวเป็นรูปร่างเหมือนไข่
ซินเยว่นั่งมองภาพของการต่อสู้ของตระกูลหยางจนจบ นางค่อยๆ ออกเดินไปท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาจนกระทั่งถึงหน้าประตูจวนของตระกูลเจียว ซินเยว่สะบัดมือหนึ่งครั้งประตูบานใหญ่สองบานแตกกระจุยไม่เหลือชินดี“เจียวเมิ่งออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้ วันนี้ข้าหยางซินเยว่จะไม่ยอมปล่อยพวกเจ้าไปแม้แต่คนเดียว”ซินเยว่ยืนถือกริชอยู่ท่ามกลางสายฝนดวงตาของนางแดงก่ำไปด้วยความคั่งแค้น พลังของนางทำให้องครักษ์ที่เฝ้าประตูต้องถอยห่างเพราะแรงกดดันและความร้อนที่แผ่ออกมา เสี่ยวเป่าในร่างสัตว์อยู่ตัวยักษ์คำรามเสียงดังก้องฟ้า องครักษ์ขั้นเจี๋ยตันถึงกับกระอักเลือดออกมาองครักษ์ของตระกูลเจียวออกมาล้อมซินเยว่เอาไว้ ทุกคนล้วนระดับขั้นเจี๋ยตันขึ้นไปแต่สายตาของนางไม่มีความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย เจียวมิ่งเดินออกมาพร้อมองครักษ์ที่คอยกางร่มให้เขามองมาที่ซินเยว่ด้วยความสงสัยตอนนี้ใบหน้าของนางได้ถูตี้ซางพรางเอาไว้ทำให้มองเห็นเป็นผู้อื่น“แม่นางน้อยเจ้าบุกมาทำลายประตูจวนตระกูลเจียวเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยหรือซินเยว่หัวเราะออกมาอย่างไม่ไว้หน้าเขา“เจ้าเฒ่าสารพัดพิษ”นางสบถด่าเจียวเมิ่งออกไปอย่างสะใจ“นา
“ทะ... ท่านจ้าวผู้ครองนครได้โปรด....”ลี่ผิงยังไม่ทันที่จะเอ่ยจบประโยคร่างของนางก็กระเด็นออกไปไกลหลายจั้ง นางพยายามพยุงร่างที่บอบช้ำของตนหมอบคลานมาเบื้องหน้าของไป๋เยี่ยนหลง ลี่ผิงเห็นสายตาที่แสนอำมหิตของเขานางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ“โปรดเมตตาหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว”ไป๋เยี่ยนหลงไม่สนใจลี่ผิงอีกต่อไป เขาอยากรีบกลับไปอยู่กับสตรีแสนซุกซนที่เอาแต่บ่นทำปากขมุบขมิบน่ารักอยู่ด้านในแล้ว“ทำลายตันเถียนส่งไปส่วนลึกของหุบเขาทมิฬ”สิ้นคำของไป่เยี่ยนหลงลี่ผิงก็กรีดร้องขอความเมตตาแต่คนของไป๋เยี่ยนหลงก็เข้ามาลากนางออกไปจากตรงนั้น เยี่ยจื่อส่ายหน้าด้วยความจนใจพลางมองร่างของลี่ผิงที่กำลังถูกลากออกไป แค่ถูกส่งไปยังส่วนลึกของหุบเขาทมิฬโอกาสรอดของนางก็แทบไม่มีแล้ว นี่นายท่านยังให้ทำลายตันเถียนของนางอีกชีวิตนี้ของลี่ผิงไม่มีทางรอดกลับมาอย่างแน่นอน เมื่อจัดการตัวต้นเรื่องเสร็จแล้วจากนั้นไป่เยี่ยนหลงก็หันมาจัดการคนที่มาจากแผ่นดินชิวหลิง“ทำลายตันเถียนแล้วส่งกลับไปที่แคว้นฉิง ป่าวประกาศการกระทำของพวกเขาให้คนแผ่นดินชิวหลิงได้รู้ให้ทั่ว”สิ้นคำไป่เยี่ยนหลงก็ลุกออกไปจากท้องพระโรงทันที ที่ไป๋เยี่ยนหล
ฉิงอิงหลางดันเจ้ามังกรตัวโตหัวมันเยิ้มไปด้วยน้ำหวานของสตรีใต้ร่างเขาทีเดียวจนสุดลำ เสียงของนางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ฉิงอิงกลางทนไม่ไหวอีกต่อไปเขาไม่มีเวลามาปลอบโยนนางเพราะเขาต้องทำให้นางเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์เสียก่อน องค์ชายสามแห่งแคว้นฉิงกระแทกเอวสอบเข้าใส่สตรีใต้ล่างอย่างไม่ยั้งผ่านไปเพียงไม่นานเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของนางก็เปลี่ยนเป็นเสียงร้องครวญครางอย่างเสียวซ่าน เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังพับพับตลอดเวลา ชายหญิงในห้องร้องครวญครางประสานกันดังแว่วออกมาด้วยความเสน่หารัญจวนอย่างไม่เกรงกลัวว่าใครจะมาได้ยินก่อนหน้าที่ฉิงอิงหลางจะมาถึงบ้านร้างนอกเมือง เงาสองร่างยืนตระกองกอดกันอยู่บนต้นไม้เหมือนเฝ้ารอใครบางคน และเพียงไม่นานฉิงอิงหลางที่อยู่ในชุดดำก็อุ้มร่างของสตรีหายเข้าไปในบ้านร้างจากนั้นเสียงครวญครางอย่างรัญจวนของทั้งสองก็ดังแว่วมาอย่างไม่ขาดสาย สตรีที่ยืนอยู่บนต้นไม้เมื่อได้ยินเสียงน่ารังเกียจของชายหญิงในบ้านร้าง ใบหน้างามของนางก็แดงซ่านลามไปถึงลำคอ ไป๋เยี่ยนหลงมองสตรีอันเป็นที่รักในอ้อมแขนด้วยสายตาเอ็นดู"ช่างน่าตายยิ่งนัก"เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นมาก็คือซินเยว่ตัวจริงที่อยู่ในร่างของไซซีย
ชายชุดดำอีกคนเอ่ยขึ้นเขาก้าวเข้าหาซินเยว่เพียงก้าวเดียวก็ถึงตัวของนางได้อย่างง่ายดาย ชายชุดดำใช้สันมือฟาดไปที่ต้นคอของซินเยว่อย่างไม่ออมมือนางสลบไปทันที แต่ก่อนที่ชายชุดดำทั้งสองจะทันได้เคลื่อนย้ายร่างของซินเยว่ที่สลบไม่ได้สติออกไปจากห้องนั้น ชายชุดดำผ้าปิดหน้าห้าคนกระโดดออกมาขวางเอาไว้ ผู้มาทีหลังไม่รั้งรอให้ชายชุดดำทั้งสองได้ตั้งตัวพวกเขาฟาดพลังปราณใส่ชายชุดดำทั้งสองทันทีชายชุดดำทั้งสองกระโดดหลบพลังที่ผู้มาทีหลังซัดมาที่พวกเขาได้อย่างหวุดหวิดแล้วภายในห้องก็เกิดการต่อสู้ขึ้น ชายชุดดำทั้งสองที่มาก่อนหน้าไม่มีโอกาสที่จะพาร่างของซินเยว่ออกไปจากห้องนั้น เพราะมัวแต่พัวพันอยู่กับการต่อสู้กับชายชุดดำที่มาทีหลังคนหนึ่งได้โอกาสจึงอุ้มร่างของซินเยว่แล้วกระโดดหายออกไปจากตรงนั้นทันที"พวกเจ้าเป็นใครเหตุใดจึงมาขัดขวางภารกิจของข้าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร"ชายชุดดำที่เหลืออยู่อีกสี่คนไม่มีใครตอบคำถามชายชุดดำทั้งสองที่มาก่อนเมื่อพวกเขาเห็นสหายอุ้มร่างของซินเยว่ออกไปแล้วพวกเขาทั้งสี่ก็แยกตัวกันหนีออกไปจากห้องนั้นทันทีชายชุดดำที่มาก่อนเมื่อเห็นว่าตนถูกชิงตัวเป้าหมายไปแล้วก็คิดจะติดตามไปเ
ความคิดเห็น