หวงจื่อหนิงนักโภชนาการสาวมืออาชีพ ผู้ทุ่มเทให้กับงาน และความรัก แต่แล้ววันหนึ่งหวงจื่อหนิงพบว่า บริษัทอาหารเสริมแห่งหนึ่งใช้สารอันตราย ในผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่าช่วยลดน้ำหนักได้เร็ว แต่มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงต่อร่างกาย เมื่อพบเจอเรื่องที่เป็นอันตรายกับผู้บริโภค หวงจื่อหนิงไม่มีทางทำงานร่วมกับคนเหล่านี้อีก แต่หลักฐานที่เธอได้มายังไม่ทันได้ส่งถึงสือและตำรวจ ก็ถูกฆ่าปิดปากด้วยอุบัติเหตุเสียก่อน ทว่าความตายนี้กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ เมื่อหวงจื่อหนิงรู้สึกตัวและลืมตา กลับพบว่าตัวเธอเองมาอยู่ในยุคโบราณ! มิหนำซ้ำยังเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวที่มีชื่อเดียวกันกับเธออีกด้วย เจ้าของร่างเป็นโรคขาดสารอาหารชนิดรุนแรงถูกใช้งานนางเยี่ยงทาส มารดาที่ถูกสามีทอดทิ้งหลังจากที่สอบได้จอหงวนก็ตรอมใจตาย “โอ้ยตายแล้วแม่นางน้อยผู้น่าสงสาร อดอยากจนป่วยตายร่างกายผ่ายผอมแทบจะมีแต่หนังหุ้มกระดูก เฮ้อออ แต่ไม่เป็นไรความรู้ที่ข้ามีอยู่ในหัวย่อมช่วยแก้ปัญหาได้แน่นอน” “เอ๋ ถ้าข้ามีขาทองคำให้เกาะล่ะ หนทางแก้แค้นบุรุษชั่วช้าให้พวกนางแม่ลูกก็มีหนทางแล้วสิ!!” “เหตุใดซื่อจื่อกับจื่อหนิงถึงไม่อยู่ที่เรือนหยางชู ทั้งสองคน หายไปที่ใดชางเซิ่งอีกคน”
View Moreหวงจื่อหนิงในโลกเดิมเป็นนักโภชนาการ และนักวิจัยด้านอาหารที่ทำงานในศูนย์โภชนาการและสุขภาพโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง โดยมีหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านอาหาร สำหรับคนไข้เฉพาะทางและนักกีฬา
หน้าที่หลักของนักโภชนาการทางการแพทย์ คือการออกแบบแผนโภชนาการ สำหรับผู้ป่วยที่ต้องควบคุมอาหาร เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยโรคไต ผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องฟื้นฟูร่างกาย ทำงานร่วมกับแพทย์และกำหนดอาหารเพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพคนไข้ผ่านอาหาร วิจัยถึงผลกระทบของสารอาหารต่อโรคและสุขภาพของผู้ป่วย
ที่ปรึกษาด้านโภชนาการสำหรับนักกีฬา ดูแลเรื่องอาหารสำหรับนักกีฬาที่ต้องการเพิ่มพลังงานและสมรรถภาพ ออกแบบ
สูตรอาหารสำหรับการเพิ่มกล้ามเนื้อและฟื้นฟูร่างกาย ทดสอบระดับสารอาหารในร่างกายเพื่อปรับแผนอาหารให้เหมาะสมวิจัยอาหารผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทำงานในห้องวิจัยโภชนาการ ศึกษาว่าอาหารชนิดใดช่วยป้องกันโรคได้ วิจัยเกี่ยวกับอาหารฟังก์ชั่น เช่น โปรไบโอติกส์ที่ช่วยดูแลลำไส้ สารสกัดจากพืชที่ช่วยลดไขมันในเลือด และอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
ทั้งยังเป็นเจ้าของเพจโภชนาการและสุขภาพ ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับ “อาหารบำบัดโรค” และ “เคล็ดลับสุขภาพ” รีวิวอาหารเพื่อสุขภาพของผู้คน รวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับการกินอาหารให้ถูกต้อง
ในสายงานนี้เธอมีความเชี่ยวชาญด้านอาหารบำบัดโรค เธอสามารถวิเคราะห์สุขภาพของแต่ละคน แล้วออกแบบอาหาร
ที่เหมาะสม การวิจัยสูตรอาหารที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และเข้าใจโครงสร้างสารอาหารอย่างลึกซึ้งแต่แล้ววันหนึ่งหวงจื่อหนิงที่ได้รับการว่าจ้าง จากบริษัทอาหารเสริมชื่อดังแห่งหนึ่ง เพื่อวิจัยเกี่ยวกับสารอาหารสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก เธอพบว่าบริษัทชื่อดังใช้สารอันตรายในผลิตภัณฑ์ ที่อ้างว่าช่วยลดน้ำหนักได้รวดเร็ว ซึ่งมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงต่อร่างกาย
เมื่อพบเจอเรื่องที่เป็นอันตรายกับผู้บริโภค หวงจื่อหนิงไม่มีทางทำงานร่วมกับคนเหล่านี้อีก ‘ไม่ได้เรื่องนี้จะปล่อยผ่านไม่ได้เด็ดขาด หากไม่นำหลักฐานสำคัญไปส่งให้ถึงมือสื่อช่องต่าง ๆ รวมถึงตำรวจในเมืองนี้ คนที่กินอาหารเสริมชนิดนี้เข้าไปต้องเป็นอันตรายแน่ ๆ’
หวงจื่อหนิงรวบรวมข้อมูลทั้งหมดลงในแฟลชไดร์ หลังจากนั้นเธอยังคงทำตัวตามปกติ แต่ความจริงแล้วเธอลักลอบติดต่อนักข่าว และทีมสืบสวนของสถานีตำรวจไว้แล้ว เพื่อนัดแนะสถานที่ในการส่งมอบหลักฐาน
แต่หวงจื่อหนิงไม่รู้ว่าเผลอแสดงตัวมีพิรุธ จนถูกคนในบริษัทจับได้ตอนไหนก็ไม่อาจทราบได้ เพราะโทรศัพท์ของเธอเริ่มมีเบอร์แปลก ๆ โทรมาทุกวัน ซึ่งเบอร์เหล่านั้นล้วนโทรมาข่มขู่ เพื่อห้ามเธอไม่ให้เปิดโปงบริษัทอาหารเสริมแห่งนี้
ตื้ด ตื้ด ตื้ด หวงจื่อหนิงขมวดคิ้วมุ่นหันไปมองโทรศัพท์มือถือ ก่อนหยิบมันขึ้นมาและกดรับสาย “ฮัลโหล ใครคะ?”
เสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความเย็นชา พูดข่มขู่ขึ้นทันทีที่เธอกดรับสายนั่น “คุณหวง คุณกำลังยุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่งนะ”
หวงจื่อหนิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนขยับปากพูดด้วยเสียงเรียบนิ่ง “พวกคุณเป็นใคร?”
“หึ ๆ ๆ มันไม่สำคัญหรอกว่าผมเป็นใคร สิ่งที่สำคัญคือคุณต้องหยุดทุกอย่างที่กำลังทำอยู่”
หวงจื่อหนิงกำโทรศัพท์ในมือไว้แน่น ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้น “พวกคุณคิดจะปิดปากฉันอย่างนั้นเหรอ? ฉันมีหลักฐานทั้งหมดนั่นอยู่ในมือ! ถ้าฉันเงียบนั่นหมายความว่า พวกคุณมีบางอย่างที่ปกปิดผู้บริโภคใช่ไหม”
เสียงของชายปริศนาเริ่มพูดให้หวงจื่อหนิงกลัวยิ่งกว่าเดิม “คุณฉลาดเกินไปแล้วคุณหวง และคนฉลาดมักจะมีจุดจบที่ไม่ดีเท่าไหร่”
แม้ตอนนี้หวงจื่อหนิงจะใจเต้นแรงด้วยความกลัว แต่ยังพยายามพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ “ฉันไม่กลัวพวกคุณ! ถ้าพวกคุณไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วจะกลัวอะไรล่ะ?”
“กล้าหาญดีนี่ แต่ผมขอเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้าย วางมือซะ! มิฉะนั้นคุณอาจไม่มีวันได้ตื่นขึ้นมาทำงานที่คุณรักอีกต่อไป ติ๊ด!”
เมื่อถูกเบอร์ปริศนาโทรมาข่มขู่ถึงชีวิต หวงจื่อหนิงจึงคิดจะนำหลักฐานไปมอบให้นักข่าว รวมถึงตำรวจที่เธอติดต่อไว้ในคืนนี้ ขืนเธอปล่อยให้เรื่องมันยืดเยื้อต่อไป ในแต่ละวันเธอคงจะกลายเป็นคนขี้ระแวงไปเสียก่อน
หวงจื่อหนิงหายใจเข้าแรง ๆ เธอมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ที่เพิ่งดับลง “พวกมันกล้าขู่ฉันขนาดนี้เลยเหรอ”
เธอมองไปที่แฟลชไดร์สองชิ้นบนโต๊ะ มือกำแน่นด้วยความโกรธ “ฉันต้องเปิดโปงเรื่องนี้ให้ได้!” แต่เธอไม่รู้เลยว่าคืนนี้คือคืนสุดท้ายของชีวิตเธอในโลกนี้
ห้องทำงานหรูหราในตึกสูง ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชื่อดัง ชั้นสูงสุดของสำนักงานใหญ่บริษัทเฟิ่งหวงกรุ๊ป หญิงสาวในชุดสูทสีดำนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ราคาแพง และมองเอกสารในมือด้วยสายตาเย็นชา เพราะข้อมูลที่หวงจื่อหนิงได้ไปนั้นล้วนเป็นหลักฐานสำคัญที่สามารถมัดตัวเธอได้ “หลักฐานพวกนี้ถ้าหลุดออกไปเราจะเสียหายอย่างหนัก”
“เราจัดการกับคนที่ขโมยข้อมูลมาแล้ว แต่หวงจื่อหนิงยังมีหลักฐานอีกชุดหนึ่งในมือ”
“ฉันให้เวลาพวกแกมานานเกินไปแล้ว”
“เธอกำลังหาทางนำหลักฐานไปมอบให้สื่อ ถ้าเราไม่ลงมือคืนนี้เกรงว่าพรุ่งนี้ข่าวจะกระจายไปทั่ว”
“งั้นก็ให้แน่ใจว่าเธอจะไม่มีวันไปถึงที่นั่น”
“เข้าใจแล้วครับ เราจะทำให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ และจะไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ ให้ตำรวจสาวมาถึงตัวได้แน่”
“ดีมาก แต่อย่าทำให้มันดูน่าเกลียดจนเกินไปล่ะ ฉันจะรอฟังข่าวดีจากพวกนายอยู่ที่นี่”
“รับทราบครับ”
เสียงพึมพำเบา ๆ ของหญิงสาวในชุดสูทสีดำ ขณะที่เธอนั่งจิบไวน์แดงและสั่งการเสียงเข้มกับลูกน้องคนสนิท “เธอฉลาดเกินไปน่าเสียดายความสามารถของเธอจริง ๆ หวงจื่อหนิง ฮ่า ๆ ๆ”
ณ ลานจอดรถของโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งเป็นสถานที่ที่หวงจื่อหนิงจะทำการมอบหลักฐาน เธอเร่งฝีเท้าเดินไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปที่รถของตนและกำลังรอใครบางคนอย่างใจจดใจจ่อ หลักฐานที่เธอได้มาใช้เวลาหลายเดือน กว่าจะรวบรวมเกี่ยวกับสารอันตราย ที่ผสมลงไปในอาหารเสริมของบริษัทใหญ่แห่งนี้
จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของหวงจื่อหนิงก็ดังขึ้น แต่เบอร์และชื่อที่ปรากฏเป็นเพื่อนที่ทำงานของเธอเอง “จื่อหนิง! ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”
“ฉันอยู่ในลานจอดรถของโรงพยาบาล กำลังรอส่งหลักฐานให้สื่อกับตำรวจ หมอหลิวฉันแน่ใจในข้อมูลพวกนี้ พวกเขาใช้สารต้องห้ามในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร!”
หมอหลิวรีบบอกกับหวงจื่อหนิงด้วยน้ำเสียงร้อนรน “หนีไปจื่อหนิง! พวกเขารู้ตัวแล้วว่ามีคนขโมยข้อมูลและฉันคิดว่า...”
ทันใดนั้น ไฟหน้ารถคันหนึ่งก็ส่องสว่างจ้า มันพุ่งเข้าหาเธอด้วยความเร็วสูง เสียงล้อบดพื้นถนนดังเอี๊ยด! กรี๊ดดด! โครม! ตุบ อัก
“มะ มะ ไม่นะ ชะ ชะ ฉันยังไม่ได้เปิดโปงเรื่องนะ...” หวงจื่อหนิงกำแฟลชไดร์ไว้ในมือแน่น เธอหันหลังหมายจะหนีแต่มันสายเกินแก้ เสียงรถชนร่างของเธออย่างรุนแรงก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป
ในโลกเดิมใบนี้หวงจื่อหนิงไม่มีอะไรให้ห่วง พ่อแม่และน้องชายต่างย้ายไปอยู่ในเมืองใหญ่ ปล่อยทิ้งให้เธออยู่กับคุณยายตั้งแต่เด็ก ซึ่งคุณยายของเธอเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ส่วนคนรักของเธอก็เลิกรากันไปไม่ดีเท่าไหร่นัก สำหรับพ่อแม่ของเธอจะรู้สึกกับการตายของเธอยังไง ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ส่วนตัวของเธอคงได้ไปเกิดใหม่อีกครั้ง
แน่นอนว่าหวงจื่อหนิงย่อมได้กลับไปเกิดใหม่ แต่การเกิดใหม่ของเธอนั้นกลับมีชีวิตที่ลำบากกว่าชาตินี้เสียอย่างนั้น กว่าจะหาทางหลบหนีออกจากตระกูลชั่ว ๆ ได้ ก็เล่นเอาหวงจื่อหนิงเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย
ซ่งอวี้เยียนที่หอบเอาความผิดหวังกลับจวน ที่สำคัญยังมีชางอวี่ที่นำรับสั่งของหลี่อ๋องตามมาถึงจวน คราแรกตัวของซ่งอวี้เยียนคิดจะขอร้องชางอวี่ เพื่อให้เขากลับไปและไม่บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เขาไม่สนใจสายตาของซ่งอวี้เยียนที่คอยส่งมาแม้แต่น้อยเมื่อมาถึงจวนเจ้าเมืองหลงเฉิง ชางอวี่ได้ถ่ายทอดรับสั่งของหลี่อ๋องต่อซ่งเจ๋อจิ้น ซึ่งข้างกายมีหลินฮูหยินคอยประคองร่างบุตรสาว ผู้ตกอยู่ในความเศร้าเสียใจจากความผิดหวัง แต่รับสั่งจากหลี่อ๋องที่บิดาของซ่งอวี้เยียนได้ฟัง กลับทำเขาขนหัวลุกเกลียวอย่างรวดเร็ว“ท่านเจ้าเมืองจดจำรับสั่งของท่านอ๋องได้ทั้งหมดแล้ว ใช่หรือไม่ขอรับ” ชาวอวี่เอ่ยถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งซ่งเจ๋อจิ้นเอาแต่ก้มหน้าและยอมรับ รวมถึงทำตามรับสั่งของหลี่อ๋องอย่างเคร่งครัด “ขะ ขะ ข้าจะทำตามที่ท่านอ๋องรับสั่ง อย่างแน่นอน บุตรหลานทำผิดเป็นบิดามารดาไร้ความสามารถ มิอบรมสั่งสอนบุตรหลานให้ดี ครั้งนี้ต้องขอประทานอภัยต่อท่านอ๋องแล้ว ฝากองครักษ์ชางทูลท่านอ๋องด้วยว่า บุตรสาวของข้าจะไม่ไปวุ่นวายที่จวนอ๋องอีกแน่นอน”ชางอวี่ย่อมรู้ว่าเหตุใดซ่งเจ๋อจิ้น ถึงไม่ยอมเงยหน้ามาพูดอย่างคนเป็นเจ้าเมือง เพรา
รถม้าของจวนหลี่อ๋องที่กลับจากเรือนชิงเหอในวันนี้ บรรยากาศภายในรถม้าดูมีสีสันกว่าวันก่อนอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของหลี่อ๋องยามได้อยู่กับบุตรชาย และสตรีที่เขายอมรับกับตนเองอย่างซื่อสัตย์ว่าพึงใจนางไม่เพียงเท่านั้นหลี่อ๋องยังเล่นเกมส์ทายคำ ที่จื่อหนิงมักจะใช้เป็นตัวช่วย ในการทบทวนบทเรียนของซื่อจื่อน้อยอย่างสนุกสนาน จนเสียงของทั้งสามดังออกมาให้คนโดยรอบรถม้าได้ยินอย่างชัดเจนเพียงแต่ด้านหน้าจวนของหลี่อ๋องนั้น มีรถม้าจากจวนเจ้าเมืองมาจอดอยู่เงียบ ๆ ผู้ที่นั่งอยู่ด้านในสั่งสาวใช้คนสนิท ออกไปสอบถามถึงเจ้าของจวนกับบ่าวไพร่ ที่ทำหน้าที่ดูแลประตูอย่างแข็งขัน“อี้เหมิงเจ้าไปถามบ่าวที่หน้าประตูให้ข้าที ว่าวันนี้ท่านอ๋องอยู่ที่จวนหรือไม่”“เจ้าค่ะคุณหนู”บ่าวทั้งสองที่รูปร่างกำยำใบหน้าดุดัน รีบเอ่ยถามกับอี้เหมิงเมื่อนางเดินมายังบันไดขั้นแรก “เจ้ามีธุระอันใดที่จวนแห่งนี้รึ”“คุณหนูของข้านำของฝากจากแคว้นหลีมาถวายท่านอ๋อง ตอนนี้ท่านอ๋องอยู่ที่จวนหรือไม่” อี้เหมิงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง“ท่านอ๋องไม่อยู่รบกวนเจ้านายของเจ้าค่อยมาวันหลัง”แต่อี้เหมิงยังซักไซ้ไล่เรียงอีกครั้ง “แล้วท่านอ๋องเสด็จไปที่ใ
ภายหลังได้พบเจอและพูดคุยกับท่านตาท่านยายแล้ว จื่อหนิงจำต้องส่งญาติผู้ใหญ่ของตนกลับจวน และนางสัญญาว่า จะติดต่อทั้งสองผ่านชางเซิ่งกับชางอวี่ นอกจากสองคนนี้แล้วไม่มีคนอื่น ที่รับรู้เรื่องที่นายท่านหวงกับเฉินฮูหยินมาพบท่านอ๋องที่นี่“ท่านตาท่านยาย พวกท่านดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าคะ ไว้ข้าจะทำอาหารบำรุงให้พี่ชางเซิ่งนำไปส่งให้ที่จวน แต่หากมีคนแอบอ้างพวกท่านอย่ารับสิ่งของเด็ดขาด พวกท่านรับปากข้าได้หรือไม่เจ้าคะ”นายท่านหวงที่กุมมือบางของจื่อหนิงไว้ และใช้มือที่เริ่มเหี่ยวย่นของตนตบลงไปที่หลังมือเบา ๆ “หนิงเอ๋อร์ของตาสบายใจเถิด ตากับยายของเจ้าจะรอคนสนิทที่จำใบหน้าได้เท่านั้น เอาล่ะนี่ก็ใกล้จะเย็นแล้วตากับยายต้องกลับก่อน ส่วนเรื่องร้านค้าเจ้ารอสักสองสามวันนะ”“เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านตากับท่านยายมากนะเจ้าคะ”“ท่านอ๋องหลานทั้งสองคนของกระหม่อม คงต้องรบกวนท่านอ๋องช่วยดูแลแล้ว กระหม่อมทั้งสองทูลลาพ่ะย่ะค่ะ” ที่นายท่านหวงกล้าพูดเช่นนี้ เพราะการกระทำของท่านอ๋องแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงแม้นายท่านหวงจะไม่เอ่ยคำนี้กับตน หลี่อ๋องย่อมทำมันด้วยความเต็มใจและทำได้ดีมากเสียด้วย “นายท่านหวงโปรดวางใจ ตราบใดที่เปิ
เมื่อบรรยากาศภายในศาลาริมน้ำเริ่มผ่อนคลายไปในทางที่ดีขึ้น ซื่อจื่อกลับไปนั่งที่เดิมเพื่อตั้งใจวาดภาพ ซึ่งยามนี้เป็นรูปเป็นร่างมากกว่าครั้งแรก หลี่อ๋องยังคงนั่งอยู่อีกฝั่งมองจื่อหนิง ที่ดูเหมือนว่าจะมีความสุขกว่าทุกวันที่ผ่านมานายท่านหวงและเฉินฮูหยินแม้จะรู้สึกเศร้าใจ เพราะปัจจุบันพวกเขาทั้งสองนั้นได้สูญเสียบุตรสาวทั้งสามคนอย่างไม่มีวันกลับ และเสียชีวิตในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน แต่อย่างน้อยบุตรสาวคนโตกับบุตสาวคนรอง ยังมีทายาทไว้ให้พวกเขาได้เฝ้าดูการใช้ชีวิตต่อไป“ถ้าท่านลุงกับป้าสะใภ้รู้ว่าเจ้าอยู่ที่เมืองหลงเฉิง คงอยากพาญาติผู้พี่ทั้งสองคนมาพบเจ้าเป็นแน่ ท่านลุงของเจ้าก็เสียใจไม่แพ้ตากับยายหรอกนะ ที่ยามนั้นมารดาของเจ้าเลือกไปกับหร่วนฉินหง เฮ้อ ถ้าลุงของเจ้ารู้เข้าจะโกรธแค้นเพียงใด เมื่อรู้ว่าน้องสาวที่เขาดูแลมาอย่างดี ต้องตกตายเพราะบุรุษผู้ชั่วช้านั่น” นายท่านหวงรู้นิสัยของบุตรชายดี ว่าทั้งรักทั้งห่วงน้องสาวคนนี้มากเพียงใดจื่อหนิงได้ฟังจึงอยากให้ท่านตาท่านยาย ช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไว้ก่อน “ท่านตาท่านยายพวกท่านอย่าเพิ่งบอกท่านลุงเรื่องท่านแม่และข้า เพราะตอนนี้ทุกอย่างยังคงต้องระ
ทางด้านจื่อหนิงสวมชุดผ้าแพรสีอ่อนนั่งเล่นในศาลาข้างลำธาร และกินอาหารว่างอยู่กับซื่อจื่อน้อย นางสังเกตเห็นว่าหลี่อ๋องกำลังพูดคุยกับแขกสองคน ที่ดูอายุน่าจะเป็นผู้อาวุโสที่หลี่อ๋องรู้จัก เนื่องจากท่าทางการพูดจาคล้ายสนิทสนมกันอยู่ในระดับหนึ่ง แต่นั่นไม่เกี่ยวอันใดกับนางจึงไม่ได้สนใจมากนักเพียงแต่ว่ายามนี้หลี่อ๋องกำลังบอกบางอย่างกับแขกทั้งสอง ซึ่งเป็นความต้องการของจื่อหนิง ที่นางเพิ่งได้บอกกับตนในค่ำคืนที่ผ่านมา แม้ไม่อาจไปมาหาสู่กันได้เช่นยามปกติ แต่การได้พบเจอกันที่นี่ยังพอเติมเต็มความรู้สึกของจื่อหนิงได้“นายท่านหวงเรื่องสำคัญที่เปิ่นหวางอยากบอกกับท่าน เกี่ยวข้องกับบุตรสาวคนโตอย่างหวงเจียถิง บุตรสาวที่มิได้กลับมาเยี่ยมเยียนพวกท่าน ตั้งแต่ออกเรือนกับบัณฑิตฐานะกลาง ๆ คนหนึ่ง”นายท่านหวงและเฉินฮูหยินมีสีหน้าตกใจ ที่หลี่อ๋องสืบรู้เรื่องของบุตรสาวคนโตของตน “ทะ ทะ ท่านอ๋องบอกว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับถิงเอ๋อร์ บุตรสาวคนโตของกระหม่อมเช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ถูกต้อง แต่คนที่จะบอกรายละเอียดกับพวกท่านก็คือ ‘นาง’ เท่านั้น” หลี่อ๋องผายมือไปทางศาลาริมน้ำ ที่มีจื่อหนิงและซื่อจื่อน้อยกำลังนั่งเล่นอยู่ที่น
เมื่อเห็นร่างบางในอ้อมแขนของตน คล้ายกำลังคิดทบทวนสิ่งที่เคยพูดไป ในวันที่จื่อหนิงได้รับบาดเจ็บ หลี่อ๋องจึงเรียกสติของจื่อหนิงด้วยการขยับตัว ก่อนจะประคองนางขึ้นมานั่งแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือ และได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง“จื่อหนิงเจ้าอย่าลืมที่เปิ่นหวางเคยบอกเอาไว้ ตราบใดที่เจ้าอยู่ภายใต้การดูแลของจวนอ๋อง ชีวิตของเจ้าจะปลอดภัยและได้ทำในสิ่งที่เจ้าอยากทำ” เขาเอ่ยบอกกับนางอย่างอ่อนโยน แต่น้ำเสียงนั้นกลับหนักแน่นประหนึ่งขุนเขา“เอ่อ หมะ หมะ หม่อมฉันแค่พูดเผื่อเอาไว้เท่านั้นเพคะ แต่ตอนนี้ท่านอ๋องปล่อยหม่อมฉันก่อนดีหรือไม่ แหะ ๆ ๆ” เพราะหลี่อ๋องยังคงประคองตนเองอยู่ แต่จื่อหนิงเกรงว่าจะมีใครผ่านมาเห็นเอาได้แต่หลี่อ๋องนอกจากจะไม่ยอมปล่อยแล้ว กลับเปลี่ยนเรื่องพูดถึงดินฟ้าอากาศไปเสียได้ “หือ เปิ่นหวางว่ายามดึกที่นี่อากาศเย็น ประเดี๋ยวเจ้าจะเจ็บไข้เอาได้อยู่ใกล้กันเช่นนี้อบอุ่นดี เจ้าไม่คิดเช่นนั้นหรือจื่อหนิง”จื่อหนิงถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ‘อากาศเย็นสบายแค่นี้จะเจ็บป่วยได้อย่างไร ไหนผู้คนบอกว่าหลี่อ๋องมีแต่ความโหดเหี้ยมอำมหิต แต่ที่เห็นอยู่ตรงหน้าคืออ๋องหน้ามึนมากกว่า’‘ฮ่า ๆ ๆ จื่อหนิงแ
Comments