เถียนจิ้งหลานสตันท์แมนสาวสวยได้รับอุบัติเหตุจากเอฟเฟคระเบิด รู้สึกตัวอีกทีเธอก็ได้มาอยู่ในร่างของพระสนมฮ่องเต้ เดิมกะไว้ว่าจะหาวิธีกลับสู่ยุคปัจจุบัน แต่กลายมาเป็นต้องมารับหลายบทบาท เป็นนักแสดงแห่งวังหลวงแทน "ส่วนเถียนจิ้งหลานนั้นคืนนี้แค่นอนนิ่งๆ ให้ฮ่องเต้กอดก็พอ ชีวิตสตรีของเธอ นอนกับผู้ชาย กอดกับผู้ชายครั้งแรกในชีวิตด้วยฐานะของแมวตัวผู้ ! "
View Moreเปรี้ยง!
ท้องฟ้าในยามราตรีส่งเสียงกัมปนาทกึกก้อง พสุธาสะเทือนเลื่อนลั่น สายลมโหมกระหน่ำรุนแรง โคมไฟในพระราชวังล้วนดับแสง ส่งผลให้ผู้คนตื่นตระหนกตกใจทั่วทั้งวังหลวง
ณ ตำหนักซินหยวน ร่างบอบบางของสตรีนางหนึ่งล้มฟุบลงบนพื้น สลบไสลไม่ได้สติ นางกำนัลรับใช้ต่างส่งเสียงดังเอะอะโวยวาย
เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งก้านธูป ร่างน้อยนั้นพลันได้สติเลือนราง แม้จะลืมตาไม่ขึ้น ขยับตัวไม่ได้ แต่ก็ได้ยินเสียงภายนอกได้อย่างชัดเจน
แสงสว่างของเทียนแต่ละเล่มภายในห้องวูบไหวตามแรงลม เสียงกระซิบคุยกันค่อนข้างเบา
“ข้าบอกแล้ว อย่าให้เถียนเฟยทำพิธี” ซิ่วฟางส่งสายตาขุ่นเคืองไปยังเซียงหรูเพื่อนนางกำนัลคนสนิท
“แล้วทำไมเจ้าไม่ห้ามเองล่ะ ฮึ” เซียงหรูทำปากขมุบหมิบ มองตาเขียวตอบกลับไปยังซิ่วฟาง
“ช่างเถอะๆ เถียนเฟยเคยรับสั่งว่าถ้าสลบถึงสามวันค่อยแจ้งเฉิงกงกงให้กราบทูลฝ่าบาท” เสียงเหนื่อยหน่ายของโหรวม่านดังขึ้นมาห้ามศึกของนางกำนัลทั้งสอง
ร่างน้อยได้ยินดังนั้นก็พลันคิดเถียนเฟยคือใคร เธอชื่อ เถียนจิ้งหลานไม่ใช่ชื่อเถียนเฟย แต่มีเอ่ยถึงกงกงกับฮ่องเต้ หรือว่าจะเป็นตำแหน่งพระสนมของฮ่องเต้
คิดแล้วก็รำพึงกับตัวเองในใจ ‘เกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย ถ้าฝันก็สมจริงเกินไปแล้ว’
หลังจากฟังเหล่านางกำนัลพูดไปได้สักพัก เถียนจิ้งหลานจึงคิดขึ้นได้ว่า ตนเองคงได้ย้อนกลับมายุคโบราณแน่แล้ว ความกลัดกลุ้มก็บังเกิดขึ้นมา
ก่อนมายุคนี้ เธอเป็นคุณหนูเถียนจิ้งหลาน หลานสาวสายตรงคนเดียวของตระกูลใหญ่ คิดจะทำอะไรก็ทำได้ ไม่มีใครต่อว่าหรือห้ามปราม ว่างจนต้องหาเรื่องฆ่าเวลาว่างด้วยการไปรับงานเป็นสตันท์แมนบ้าง นักแสดงตัวประกอบบ้าง ถ้าไม่เกิดเหตุผิดพลาดเอฟเฟกต์ระเบิดขึ้นก็คงได้ทำงานอย่างสนุกสนานต่อแล้ว
ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็กลายเป็นสตรีที่แต่งงานแล้ว ทั้งยังอยู่ในยุคที่ไม่คุ้นเคย ไม่รวมถึงการที่เธอนั้นยังไม่เคยมีประสบการณ์ระหว่างหญิงชายแม้แต่นิดเดียว
‘หัวจะอยู่บ่นบ่าได้นานแค่ไหนกันนะ หรือต้องตายซ้ำตายซ้อน’
คิดวนไปเวียนมา จนเพลียและหลับไปในที่สุด
แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง เถียนจิ้งหลานก็ค่อยๆได้สติขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นนางกำนัลน้อยหน้าแฉล้มสองคนกำลังประคองอ่างน้ำสำริดสำหรับล้างหน้าพร้อมทั้งผ้าเช็ดหน้าและแก้วน้ำสำริดเข้ามาข้างเตียง
“เถียนเฟยล้างหน้าก่อนนะเพคะ ”
“หม่อมฉันเช็ดหน้าให้เพคะ”
เสียงสดใสและสายตาเต็มไปด้วยความสุขของนางกำนัล ซิ่วฟางกับเซียงหรูส่งประกายวิบวับมาให้เถียนจิ้งหลาน
“นี่คือยาอะไร ใช้ทำอะไรหรือ” เถียนจิ้งหลานหยิบแก้วสำริดบรรจุน้ำยาที่มีกลิ่นสมุนไพรจีนค่อนข้างแรงมาดมด้วยความสนอกสนใจ
“บ้วนปากเพคะ ตัวยาก็มีพวกหวงฉี หวงเหลียน ต้าหวง ส่วนตัวยาอื่นๆหม่อมฉันก็ลืมแล้ว” เซียงหรูพยายามตอบคำถาม ถึงจะแปลกใจกับคำถามอยู่บ้าง แต่เข้าใจว่าอาจเป็นเพราะผลกระทบจากการสลบเมื่อคืนของพระสนม
“หวงเหลียน ต้าหวงน่ะหรือ แค่ยาสองตัวนี้ก็ขมคอแล้ว” กล่าวจบเธอก็ยกแก้วรีบบ้วนปากอย่างรวดเร็ว
เมื่อทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อย เถียนจิ้งหลานจึงทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่าง ทั้งชื่อของนางกำนัลและขันทีในตำหนัก กิจวัตรประจำวันที่ต้องทำ ที่สำคัญคือฮ่องเต้มีรูปร่างหน้าตาแบบไหน ลักษณะนิสัยอย่างไร
หลังจากทวนความจำสักพัก เรื่องอื่นยังพอจำได้บ้าง แต่ความทรงจำเกี่ยวกับฮ่องเต้แทบไม่มี เค้าโครงใบหน้าของฮ่องเต้ค่อนข้างเลือนราง ราวกับว่าเถียนเฟยคนนี้คงไม่เป็นที่โปรดปราน ไม่ค่อยได้พบเจอฮ่องเต้จนจำหน้าของเขาแทบไม่ได้ ที่จำได้ชัดเจนมีแค่ฮ่องเต้เป็นบุรุษที่แสนเย็นชา และไม่อนุญาตให้สตรีนางใดได้ใกล้ชิด
“เถียนเฟยแต่งตัวก่อนนะเพคะ หม่อมฉันจะเกล้าผมให้” เสียงหวานของโหรวม่านสะกิดให้ออกจากความคิดที่เริ่มจะฟุ้งซ่าน
เมื่อเถียนจิ้งหลานเดินมานั่งหน้าคันฉ่อง ก็ปรากฏสตรีใบหน้ารูปไข่ ผิวพรรณขาวเนียนละเอียด ดวงตาเหมือนเมล็ดซิ่ง คิ้วโก่งดำสวย ปากกระจับได้รูป เธออดขมวดคิ้วอย่างเสียไม่ได้ เถียนเฟยผู้นี้มีใบหน้าคล้ายคลึงกับเธอถึงแปดเก้าส่วน หากดูเผินๆก็คล้ายดั่งฝาแฝดหรือไม่ก็พี่น้องที่คลานตามกันมา อายุก็น่าจะประมาณสิบแปดปีได้
จากนั้น ภาพสะท้อนในคันฉ่องก็ปรากฎร่างนางกำนัลเดินเข้ามาพร้อมถือชุดที่สตรีวังหลังสวมใส่ รวมถึงเครื่องประดับต่างๆ
เถียนจิ้งหลานมองไปยังอาภรณ์นั้น สายตาบ่งบอกถึงความพึงพอใจ ชุดสีอ่อนไม่ฉูดฉาด เนื้อผ้าดี รูปทรงเรียบง่ายแต่ดูเรียบหรูมีรสนิยม
ก่อนที่นางกำนัลจะหยิบเครื่องประดับศีรษะในถาด เถียนจิ้งหลานก็ชิงพูด
“ปักปิ่นอันเดียวพอนะ”
“เพคะ” เหล่านางกำนัลรับคำ
เนี่ยนเหวินนางกำนัลอีกคนถือถาดเครื่องเสวยเยื้องย่างเข้ามาในห้อง “พระกระยาหารเช้ามาแล้วเพคะ”
เถียนจิ้งหลานหันหน้ามองไปยังอาหารที่อยู่บนโต๊ะดวงตาก็ลุกวาว เธอพูดในใจว่า ‘เป็นสนมในวังดีตรงนี้แหละ อาหารถูกปรุงอย่างประณีต กลิ่นหอมและหน้าตาสวยงาม ดีกว่าอยู่ในร่างขอทานข้างถนน สิ่งใดก็ไม่น่ากลัวเท่าไม่มีจะกินในสถานที่ต่างถิ่นเช่นนี้ อาจจะอดตายก่อนหาเงินได้เอง’
กว่าจะกลับถึงตำหนักซานสุ่ยก็ใช้เวลาเกือบสองก้านธูป ขันทีหนุ่มน้อยก็อุ้มแมวส้มขนฟูฝ่าบรรดาองครักษ์เข้าตำหนัก‘ทำมาเป็นมอง เรื่องประหลาดในวังเคยจะสนใจบ้างไหม’ เถียนจิ้งหลานเหลือบตามองเหล่าองครักษ์แล้วก็ได้แค่คิดแต่ไม่กล้าพูดออกมาเมื่อเข้ามาถึงห้องที่ฮ่องเต้ใช้บรรทม เธอก็ปล่อยเสี่ยวหู่ลงบนเก้าอี้ ดวงตาหงส์ของฮ่องเต้หรี่มองมาที่คนและแมว“เช็ดตัวทำความสะอาดขนด้วย” เสียงเย็นชาเอ่ยสั่งขันทีอัน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเสียงอ่อนโยนกล่าวกับเสี่ยวหู่“เจ้าตัวแสบไปดื้อที่ไหนมาอีก น่าตีนัก”ขันทีอันได้ยินเช่นนั้นจึงเพิ่มแรงเช็ดขนเสี่ยวหู่ด้วยความหมั่นไส้ แมวส้มรู้สึกไม่สบายตัวเลยอ้าปากงับไปที่มือข้างที่ถูกอุ้มและกระโจนออกจากอ้อมแขนด้วยความตกใจไม่ทันตั้งตัว ขันทีอันคว้าขาหลังของเสี่ยวหู่ที่กำลังกระโดดไปหาฮ่องเต
ยามเซิน (15.00 – 16.59 น.)ขันทีอันยังไม่ทันได้ก้าวพ้นธรณีประตูของตำหนักเหอเซิ่งก็ได้ยินเสียงของฮ่องเต้กับราชครูหม่าคุยกันค่อนข้างดัง‘เมื่อวานก็มา วันนี้ก็มา หรือราชครูเกิดหวงฮ่องเต้ขึ้นมากันนะ’ คิดแล้วก็เดินเข้าไปยืนอยู่ข้างขันทีเซี่ยงรอปรนนิบัติฮ่องเต้“ท่านเจ้ากี้เจ้าการกับเรื่องของเจิ้นมากไปแล้ว” เสียงขุ่นมัวของฮ่องเต้แสดงถึงความไม่พอพระทัย“กระหม่อมทำทุกอย่างเพื่อฝ่าบาทและบัลลังก์มังกรนะพะย่ะค่ะ” ราชครูหม่าโต้แย้งขึ้นมาทันที“หวังดีด้วยการให้เจิ้นไปค้างอ้างแรมกับพระสนมทุกคน ท่านทำเหมือนไม่รู้จักเจิ้น”“เพราะรู้จักดีถึงต้องทำเช่นนี้พะย่ะค่ะ หากฝ่าบาทห่วงบ้านเมือง กระหม่อมจะช่วยฝ่าบาทสุดความสามารถไม่เสียดายชีวิต หากห่วงบัลลังก์ กระหม่อมจะช่วยปกป้อง หากห่วงสมบัติในท้องพระคลั
มาถึงตำหนักซินหยวนก็เข้าช่วงปลายของยามซวี (19.00 – 20.59 น.) เหล่าขันทีและนางกำนัลในตำหนักล้วนทราบว่าฮ่องเต้จะเสด็จมาตั้งแต่เย็น ถึงอย่างนั้นก็ยังงุนงงกันอยู่“ถวายพระพรฝ่าบาท” เหล่าขันทีและนางกำนัลต่างกล่าวรับเสด็จพร้อมกัน“เถียนเฟยอยู่ห้องไหน คืนนี้เจิ้นจะค้างที่นี่” ฮ่องเต้กล่าวอย่างไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา“หม่อมฉันจะนำเสด็จเองเพคะ” เสียงหวานของโหรวม่านดังขึ้น พร้อมกับส่งสายตาให้กับซิ่วฟางและเซียงหรูให้ตามไปด้วยกันเมื่อถึงห้องบรรทมของเถียนเฟย โหรวม่านกับซิ่วฟางก็ยืนหลบมุมภายในห้องรอรับสั่งของฮ่องเต้ ส่วนเซียงหรูกับเนี่ยนเหวินก็ยกถาดของว่างและน้ำชาเข้ามาถวายแก่ฮ่องเต้ฮ่องเต้กวาดสายตามองไปทั่วห้องเห็นพระสนมร่างเล็กนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงก็เอ่ยขึ้นว่า “นำเสื้อคลุมขนสัตว์ของเถียนเฟยมาให้เจิ้น แล้วพวกเจ้าก็ออกไปได้” พลัน
หลังจากออกว่าราชกิจที่ท้องพระโรง ฮ่องเต้และราชครูหม่าก็ไปยังห้องทรงงาน ณ ตำหนักหย่งฟู่“เรื่องที่ฝ่าบาทให้กระหม่อมสืบได้ความว่าท่านมหาเสนาบดีเหยาอยากอุ้มหลาน เลยสั่งให้เหยาเฟยใกล้ชิดกับฝ่าบาทเพิ่มขึ้นพะย่ะค่ะ ”“เจ้าคิดว่าสาเหตุมีเพียงเท่านี้หรือ” ฮ่องเต้ถามกลับด้วยความคลางแคลงใจ“แค่นี้จริงๆพะย่ะค่ะ เรื่องอื่นๆ ล้วนไม่มีสิ่งใดน่าสงสัย มิต้องทรงวิตกกังวล เรื่องสำคัญสำหรับฝ่าบาทในตอนนี้คือให้กำเนิดองค์รัชทายาทได้แล้วพะย่ะค่ะ”ราชครูหม่าทำมือประสานกันค้อมตัว หลบสายตาขณะกล่าวตอบฮ่องเต้ เขาก้มหน้าแล้วกล่าวต่อ“กระหม่อมคิดว่า ฝ่าบาทควรต้องใช้เวลาในยามค่ำคืนกับพระสนมได้แล้วพะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นจะส่งผลต่อความมั่นคงของพระราชบัลลังก์และความสงบของรัฐต้าเซี่ยได้”“เจ้าอย่ารวบรัดเจิ้น เจิ้นยังไม่อ
“เสี่ยวหู่ เจ้านี่เก่งนะ ทำให้เหยาเฟยอุ้มมาส่งด้วยพระองค์เองได้”ฝ่ามือเรียวของขันทีอันกึ่งขยี้กึ่งนวดคลึงบนลำตัวและขนของเสี่ยวหู่‘สบายสุดๆ มันแปลกตรงไหนกัน’ “เหมียวๆๆ”ขันทีอันเห็นการตอบกลับของเสี่ยวหู่ก็พูดต่อ“ปกติเหยาเฟยแทบไม่ออกนอกเขตตำหนัก ถ้าไม่มีรับสั่งจากไทเฮาหรือฮ่องเต้ ขนาดสวนดอกไม้ยังไม่ค่อยไปเลย”“เหยาเฟยเป็นพวกอินโทรเวิร์ตหรือนี่ ” “เหมียวๆๆๆ”ขันทีอันมือหนึ่งตักน้ำอุ่นมาค่อยๆรดบนตัวของเสี่ยวหู่ มืออีกข้างค่อยๆลูบน้ำบนขนออก พลางกระซิบเบาๆ “ข้าพูดกับเจ้า เจ้าก็อย่าไปบอกใครนะ”‘เรื่องนี้ขันทีกับนางกำนัลในวังก็น่าจะรู้มั้ย ความลับตรงไหนกัน’“ได้ๆ ข้าจะ
ภายใต้ร่มเงาไม้แสงแดดรำไร สายลมเย็นๆพัดผ่าน ใบไม้พลิ้วไหวตามแรงลม เหยาเฟยสตรีหน้าตางดงามรูปร่างบอบบาง สวมอาภรณ์สีเขียวสดใสกำลังนั่งท่ามกลางมวลดอกไม้พูดคุยหยอกเย้าอยู่กับนางกำนัลของตนหลิงฮุ่ยจ้องมองใบหน้าของเหยาเฟยด้วยความชื่นชม ปากน้อยๆส่งเสียงเจื้อยแจ้วได้ยินชัดเจนว่า“เหยาเฟยเพคะ พระองค์ทรงงดงามขนาดนี้ ขนาดหม่อมฉันที่เป็นสตรีด้วยกันยังหลงใหล ทำไมพระองค์ไม่เสด็จไปหาฮ่องเต้ล่ะเพคะ ฮ่องเต้น่าจะโปรดปรานพระองค์ไม่มากก็น้อย”เหยาเฟยเอื้อมมือเรียวไปบีบแก้มหลิงฮุ่ย กล่าวอย่างเอ็นดู“เจ้าก็พูดไป เจ้าก็รู้ว่าฝ่าบาทไม่ทรงโปรดสตรี ต้องให้ข้าทำอย่างไรให้ฝ่าบาทมาสนใจข้าดีล่ะ”“ชายหนุ่มอย่างไรก็ต้องแพ้สัญชาตญาณของบุรุษเพศอยู่ดีเพคะ อาจจะต้องพยายามปลุกมันบ่อยๆเท่านั้นเอง”หลิงฮุ่ยโน้มตัวไปแนบกาย พูดกึ่งกระซิบข้างหูของเหยาเฟย มือน้อยพลางเล่นม้วนปอยผมขอ
Comments