เข้าสู่ระบบเมื่อนักเขียนช่างฝันต้องรับคำท้าของมหาเศรษฐีจอมหยิ่ง เดิมพันด้วยหัวใจ กับเกมที่กติกาเดียวคือ...ห้ามรัก เธอเชื่อในรักแท้ แต่โชคชะตากลับเหวี่ยงเธอให้มาพบกับ กู้เทียนอี้ มหาเศรษฐีผู้มองความรักเป็นเพียงเกมเย้ยหยัน เขาเสนอบทเรียนราคาแพงที่มีหัวใจของเธอเป็นเดิมพัน ปลายทางมีเพียงสองทางเลือก...โบยบินไปกับเขา หรือร่วงหล่นจนแหลกสลาย ทว่าเธอจะเอาชนะเกมที่ห้ามตกหลุมรักได้อย่างไร ในเมื่อเพียงสบตาเขาครั้งแรก เธอก็พ่ายแพ้ไปแล้วทั้งหัวใจ
ดูเพิ่มเติม“ผมมีข้อเสนอจะให้คุณ”
น้ำเสียงทุ้มพร่าเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ หากแต่กังวานอยู่ในความเงียบของห้องราวกับมนตร์สะกด หลินซีเผลอกลั้นหายใจ หัวใจกระตุกวูบไปกับสุ้มเสียงที่นุ่มนวลดุจเครื่องดนตรีชั้นเลิศ
“ค่ะ”
เธอตอบรับเสียงแผ่ว พยายามบังคับไม่ให้เสียงสั่น ลำคอแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างยากลำบากขณะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเข้มคู่นั้น ดวงตาที่เปล่งประกายคมปลาบราวกับรัตติกาลที่ประดับด้วยดาวนับล้านดวง
ทว่าแววตาที่จ้องกลับมากลับเจือไปด้วยความหยอกเย้า หรือบางทีอาจเป็นความเย้ยหยัน เธอรอ...รอให้เขาเอ่ยประโยคถัดไป แต่เขากลับนิ่งเงียบ ปล่อยให้ความเงียบทำงานของมันอย่างเลือดเย็น บีบคั้นเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
ความอึดอัดเริ่มเกาะกุมจนเธอทนไม่ไหว
“แล้ว...ข้อเสนอของคุณคืออะไรเหรอคะ”
ริมฝีปากหยักได้รูปของเขาค่อย ๆ เผยอออกเป็นรอยยิ้มอย่างเชื่องช้า เป็นรอยยิ้มที่เผยให้เห็นไรฟันขาวสะอาด แต่กลับไม่ได้ทำให้บรรยากาศดีขึ้นเลย เขายังคงไม่พูดอะไร ปล่อยให้เธอจมอยู่กับความสับสนของตัวเองต่อไป
“หรือว่าคุณไม่มีอะไรจะพูดคะ” ครั้งนี้หลินซีกระแทกเสียงถาม ความหงุดหงิดฉายชัดขึ้นมาในแววตา
ในที่สุดเขาก็ยอมเปิดปาก
“ผมมีเรื่องจะพูดเยอะแยะเลยล่ะครับ” ฝ่ามือแกร่งยกขึ้นลูบไล้ไปตามเส้นผมสีดำขลับของตัวเองอย่างไม่รีบร้อน ทุกการเคลื่อนไหวของเขาดูสง่างามจนน่าโมโห “แต่ผมไม่แน่ใจว่าคุณพร้อมที่จะฟังมันแล้วรึยัง”
“ก็เห็นอยู่ว่าฉันพร้อมแล้ว”
เธอสวนกลับทันควัน พลางเสมองไปทางอื่นอย่างรวดเร็วเกินไปจนดูมีพิรุธ แผงอกกำยำที่โผล่พ้นสาบเสื้อเชิ้ตสีขาวซึ่งไม่ได้ติดกระดุมสองเม็ดบนนั้น ดึงดูดสายตาอย่างร้ายกาจ จินตนาการบ้า ๆ แล่นพล่านเข้ามาในหัว อยากให้เขาปลดกระดุมเม็ดที่เหลือ...อยากเห็นกล้ามเนื้ออกที่ซ่อนอยู่ภายใต้เนื้อผ้า...อยากกระชากเนคไทที่คลายออกอย่างหลวม ๆ นั่นทิ้งไป แต่เธอก็ทำได้เพียงกำมือแน่น พยายามสะกดความปรารถนาของตัวเองไว้ เธอจะไม่มีวันให้เขารู้เด็ดขาดว่าเธออ่อนแอต่อเสน่ห์ของเขามากแค่ไหน
“ดีครับ” เขาก้าวเข้ามาใกล้เธออีกหนึ่งก้าว ตัดระยะห่างระหว่างพวกเขาทันที
หลินซีกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออีกครั้ง หัวใจในอกเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกมาข้างนอก ผิวเนื้อร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
“แล้ว...ข้อเสนอของคุณคืออะไรคะ”
น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาราวกระซิบ เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว สัญชาตญาณกำลังกรีดร้องให้ออกห่างจากชายคนนี้ เธอพอจะเดาได้ว่าเขากำลังจะพูดอะไร แต่ใจหนึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะหาคำตอบรับมือกับเกมบ้า ๆ ของเขาได้อย่างไร เธอไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะมีสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับใคร ยิ่งกับคนที่แทบไม่รู้จักอย่างเขาด้วยแล้ว
“ผมไม่แน่ใจว่าคุณพร้อมแล้วจริง ๆ” เขาหัวเราะในลำคอขณะก้าวตามเข้ามาอย่างคุกคาม
“ฉันบอกว่าพร้อมแล้วไงคะ” ครั้งนี้เธอหยัดยืน ไม่ยอมถอยอีก เธอจะไม่ยอมให้เขาได้ใจไปมากกว่านี้
“ผมต้องแน่ใจก่อนว่าคุณจะรับมือผมไหว”
เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองช้า ๆ เป็นภาพที่อันตรายและเซ็กซี่อย่างเหลือร้าย ในชั่วขณะนั้น หลินซีรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกแกะที่กำลังจะถูกหมาป่าเจ้าเล่ห์ขย้ำ
“รับมือเรื่องอะไรคะ”
เธอกลืนน้ำลายอีกครั้ง สายตาเจ้ากรรมกลับทรยศความคิดโดยเลื่อนไปจับจ้องยังต้นแขนแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม สมองเจ้ากรรมกลับวาดภาพว่ามันจะรู้สึกอย่างไร หากแขนคู่นั้นจะกอดรัดฟัดเหวี่ยงเธออยู่บนเตียง เธอหน้าแดงก่ำกับความคิดของตัวเอง
ให้ตายสิ เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่...
“ทุกเรื่อง” เขาเอ่ยเรียบ ๆ แต่ดวงตาคมกริบคู่นั้นกลับลากไล้สำรวจเรือนร่างของเธออย่างจาบจ้วงราวกับจะเปลื้องผ้าเธอด้วยสายตา
“ทุกเรื่องเหรอคะ” เธอเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง
“ผมอยากจะให้คุณยอมจำนนต่อผม...หลินซี” น้ำเสียงของเขาแหบพร่าลงราวกับเสียงคำราม เปลวไฟแห่งความปรารถนาลุกโชนขึ้นอย่างเปิดเผยในดวงตาของเขา
“ว่าไงนะคะ!” ดวงตาของเธอเบิกกว้าง เขาไม่ได้ล้อเล่นเลยสักนิด เธอคาดว่าเขาจะอ้อมค้อมกว่านี้ แต่ดูเหมือนชายคนนี้จะชอบตัดเข้าประเด็นเลย
“ผู้ชายอย่างผม...อยากได้อะไรก็ต้องได้...เมื่อไหร่ที่ต้องการ” กู้เทียนอี้ปลดเนคไทของตัวเองออกแล้วโยนมันลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี ราวกับกำลังปลดเปลื้องพันธะชิ้นสุดท้าย “นั่นคือสิ่งที่คุณต้องจำไว้”
“เข้าใจแล้วค่ะ” เธอมองตามเนคไทที่กองอยู่บนพื้น แล้วเงยหน้ามองเขา
เขาจะทำอะไรต่อไป?
“แน่ใจเหรอครับ”
ร่างสูงขยับเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ปลายนิ้วแกร่งเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าแต่เด็ดขาด ค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของตัวเองออกทีละเม็ด...ทีละเม็ด...ทุกวินาทีที่ผ่านไปเหมือนถูกยืดออกจนยาวนาน หลินซีรู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวถูกสูบออกไปจนหมดขณะจ้องมองแผ่นอกสีมะกอกที่ค่อย ๆ เผยออกมา นี่มันเหมือนความฝัน ช่างเป็นฝันร้ายที่แสนยั่วยวน
“ค่ะ” เธอพยักหน้า พยายามกลืนน้ำลายอีกครั้ง แต่ในคอกลับไม่มีน้ำลายเหลืออยู่แล้ว เขาถอดเสื้อเชิ้ตออกแล้วโยนมันไปกองอยู่ข้าง ๆ เนคไท “คุณ...คุณกำลังทำอะไรคะ” เธอถามเสียงสั่นเมื่อปลายนิ้วของเขาเลื่อนไปที่หัวเข็มขัด เธอมองตามมือของเขาที่ปลดมันออกอย่างชำนาญ
ไม่นะ...เขาคงไม่ได้จะถอดเสื้อผ้าทั้งหมดจริง ๆ ใช่ไหม
“ดูเหมือนอะไรล่ะครับ” เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองแล้วก็ยิ้มมุมปากใส่เธอ
“ทำไมคุณถึงถอดเสื้อผ้า”
“แล้วคุณคิดว่าทำไม” เขาไม่ตอบ แต่กลับก้มลงถอดกางเกงสีกรมท่าของตัวเองออก บัดนี้เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ เกือบจะเปลือยเปล่า เหลือเพียงบ็อกเซอร์สีขาวที่ปกปิดความเป็นชายของเขาไว้เท่านั้น
“คุณกู้เทียนอี้...”
ในหัวของเธอหมุนติ้ว ลำคอแห้งผาก ให้ตายเถอะ เขาเซ็กซี่เกินไปแล้ว
“ครับ?”
รอยยิ้มของเขากว้างขึ้น ก่อนจะก้าวออกจากบ็อกเซอร์ชิ้นสุดท้าย ตอนนี้เขาเปลือยเปล่าโดยสิ้นเชิง สายตาของเธอถูกตรึงอยู่ที่แก่นกายของเขา เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาเพิ่งจะเปลื้องผ้าต่อหน้าเธออย่างสบาย ๆ นี่มันชักจะเลยเถิดเกินไปใหญ่แล้ว...เธอต้องหยุดเรื่องนี้เดี๋ยวนี้!
“คุณกู้เทียนอี้!” เธอถอยกรูด ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับจับไข้ เธอถลำลึกเข้ามาเกินไปแล้ว...จนกระทั่งแผ่นหลังชนเข้ากับกำแพงเย็นเฉียบ เธอครางออกมาอย่างจนมุม เขาต้อนเธอเหมือนกับที่วางแผนไว้ไม่มีผิด
“ครับ...หลินซี” ดวงตาสีนิลคู่นั้นจ้องลึกเข้ามาอย่างรู้ทัน
“คุณจะทำอะไร” เธอทวนคำถามเดิม น้ำเสียงสั่นเทาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ
“ก็แค่...แสดงให้คุณเห็นว่าการปล่อยวางมันง่ายแค่ไหน”
สิ้นคำพูดนั้น เขาก็กระแทกประตูปิดเสียงดัง ปัง!
เสียงลูกบิดที่ถูกล็อกดัง ‘คลิก’ สะท้อนก้องอยู่ในใจของเธอ
“ตอนนี้คุณพร้อมจะฟังข้อเสนอของผมรึยัง”
“คุณแฉะไปหมดแล้ว เพื่อผมคนเดียวเลยใช่ไหม” เขาเร่งจังหวะปลายนิ้วให้เร็วขึ้น จนรู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอสั่นสะท้านอยู่แนบชิดกับเขา “คุณก็คิดถึงเรื่องนี้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ” “คุณเฮ่าหราน...” เธอครางชื่อเขาออกมาอย่างทรมาน “ครับ...ที่รัก” เขาถอยห่างจากเธอเล็กน้อย แล้วรีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมดสิ้น ต้องการจะเปลือยเปล่าเคียงข้างเธอ ต้องการจะรู้สึกถึงผิวเนื้อที่แนบสนิทกัน ต้องการจะเข้าไปอยู่ในตัวเธอใจจะขาด ทันทีที่ร่างกายเป็นอิสระ เขาก็อุ้มร่างของเธอขึ้นมาวางลงบนเตียงอีกครั้ง จัดตำแหน่งตัวเองอยู่เหนือร่างของเธอ แล้วสอดแทรกกายเข้าไปในตัวหล่อนจนสุดลำในคราวเดียว “อ๊า...” “อืมมม...คุณรู้สึกดีมาก” เขาคำรามชิดริมฝีปากเธอขณะเริ่มขยับกา
“ครับ นั่นก็เข้าใจได้” เขาลังเลว่าจะเล่าเรื่องที่คุยกับกู้เทียนอี้ให้เธอฟังดีไหม แต่ก็ตัดสินใจที่จะไม่ทำ เขาไม่อยากจะให้เธอคิดว่าเขากำลังไปยุ่งเรื่องของหลินซี และทำให้เธอกังวลไปมากกว่านี้ “ช่างเถอะค่ะ” จู่ ๆ เจิ้งลี่ซาก็เปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานหยดมาให้ รอยยิ้มที่สั่นคลอนปราการแห่งความอดทนสุดท้ายของเขาจนพังทลายลงไม่เป็นท่า และเพียงเท่านั้นฉู่เฮ่าหรานก็ไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วจนเธอไม่ทันได้ตั้งตัว เพียงชั่วพริบตาเขาก็โน้มตัวลงไปประทับริมฝีปากลงบนเรียวปากนุ่มของเธออย่างโหยหา เป็นจูบที่อัดแน่นไปด้วยความต้องการที่ถูกเก็บกดไว้เนิ่นนาน “อืม...” เสียงหวานครางออกมาเบา ๆ ในลำคอ เมื่อลิ้นร้อนของเขาแทรกผ่า
ทันทีที่หลินซีและกู้เทียนอี้เดินแยกไปยังห้องพักของหลินซี โลกทั้งใบของฉู่เฮ่าหรานก็หดแคบลงเหลือเพียงผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา...เจิ้งลี่ซา “ผมหวังว่าคุณคงจะไม่ว่าอะไรนะ แต่เทียนอี้ให้เราพักห้องคู่ด้วยกัน แล้วก็ให้หลินซีพักห้องเดี่ยวน่ะ” เขาเอ่ยขึ้น พยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาน้ำเสียงให้เป็นปกติ ทั้งที่หัวใจในอกกำลังเต้นระรัวด้วยความยินดีระคนประหม่า “แต่ถ้าคุณอยากจะนอนกับหลินซีมากกว่า ผมสลับห้องกับเธอได้เสมอ” “แล้วคุณอยากจะทำอย่างนั้นเหรอคะ” เจิ้งลี่ซาส่งยิ้มที่เขาอ่านไม่ออกมาให้ เป็นรอยยิ้มที่ทั้งยั่วยวนและท้าทายในเวลาเดียวกัน และในวินาทีนั้นเอง สิ่งที่เขาอยากจะทำทั้งหมดก็คือรวบร่างเธอเข้ามาจูบให้หายคิดถึง “คุณก็รู้ว่าผมอยากได้อะไรมากกว่า” เขาตอบเสียงพร่า มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุขจนต้องแอบเลื่อนไปบีบสะโพกกลมกลึงของเธอเบา ๆ ผ่านเนื้อผ้า&n
“หลินซีเป็นเพื่อนสนิทของเจิ้งลี่ซา” ฉู่เฮ่าหรานเริ่มต้นอย่างระมัดระวัง “และฉันก็...พยายามจะทำให้ความสัมพันธ์ของฉันกับลี่ซามันดีขึ้นอยู่ ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจว่าเจตนาของนายที่มีต่อหลินซีคืออะไร แต่จากที่ฉันรู้จักเธอมา เธอเป็นคนดีและค่อนข้างจะไร้เดียงสา ไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะมาเล่นเกมด้วย ฉันไม่อยากจะเห็นเธอต้องเจ็บปวด...เพื่อตัวเธอเอง และเพื่อลี่ซาด้วย” “หมายความว่านายกำลังจะบอกให้ฉันอยู่ห่าง ๆ จากหลินซีงั้นสิ” น้ำเสียงของกู้เทียนอี้ทุ้มต่ำลงอย่างน่ากลัว แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มหยัน “ก็ไม่เชิง” เขาถอนหายใจ “ฉันก็แค่ไม่อยากเห็นเธอเสียใจ” “เข้าใจแล้ว” กู้เทียนอี้พยักหน้าช้า ๆ “นั่นก็ไม่ใช่เจตนาของฉันเหมือนกัน” เขายกมือขึ้นเคาะผนังเบา ๆ “แต่ฉันชื่นชมนะที่นายกล้ามาคุยกับฉันตรง ๆ แบบนี้ นายคงจะแคร์เจิ้งลี่ซามากจริง ๆ ถึงได้ห่วงใยเพื่อนของเธอขนาดนี้” “ใช่ ฉันแคร์...แคร์มาก” ฉู่เฮ่าหรานยอมรับโดยไม่ปิดบังก่อนถามกลับ “ถ้าอย่างนั้นเหตุผลจริง ๆ ที่นายเรียกฉันมาคุยคืออะไร” รอยยิ้มหยันบนใบหน้าของกู้เทียนอี้จางหายไป ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมื
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พายุอารมณ์ลูกใหญ่จะพัดกระหน่ำเข้ามาในชีวิตของหลินซีและเจิ้งลี่ซา ย้อนกลับไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้า ในเช้าวันเดียวกันนั้น บรรยากาศภายในคฤหาสน์ของกู้เทียนอี้ยังคงผ่อนคลายและเต็มไปด้วยเสียงหยอกล้ออย่างเป็นกันเองของเหล่าสมาชิกครอบครัวและเพื่อนสนิทที่เดินทางมาถึงก่อน แต่สำหรับฉู่เฮ่าหรานแล้ว ความสงบสุขนั้นเป็นเพียงฉากบังหน้าความกระวนกระวายใจของเขาเท่านั้น เขายืนมองออกไปนอกหน้าต่างครั้งแล้วครั้งเล่า รอคอยการมาถึงของคนเพียงคนเดียว... “กู้หยุนเฟิง! หยุดเลยนะ!” เสียงหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขของฉู่ลี่เหยียนดังขึ้น ขณะที่เจ้าตัวฟาดแขนสามีเบา ๆ “คุณน่ารังเกียจที่สุด!” “ผมไม่ได้น่ารังเกียจนะ ผมคือ ‘พี่ลิ้นดุ’ ของคุณต่างหาก” กู้หยุนเฟิงแกล้งหยอกภรรยาต่อหน้าทุกคน จนฉู่เฮ่าหรานต้องแสร้งทำเป็นครางออกมาอย่างระอา “กู้หยุนเฟิง นายพอเถอะ” เขาเอ่ยขึ้นพลางยิ้มกริ่มให้น้องเขย ผู้ซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดาของเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้...กู้เทียนอี้ “ฉันไม่อยากจะนึกภาพนายกับน้องสาวฉันในทางนั้นเลยจริง ๆ” “ฉันมั่นใจเลยว่านายไม่อยาก” กู้หย
และเธอก็รู้ดีว่ากับกู้เทียนอี้ มันอันตรายยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขามันรุนแรงกว่ามาก เธอสัมผัสมันได้ ในทุกจังหวะที่หัวใจเต้นผิดปกติเมื่อเขาปรากฏตัว ในทุกลมหายใจที่ขาดห้วงไปเมื่อเผลอสบตา มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งบ้าบอ แปลกประหลาด และราวกับถูกลิขิตไว้ ส่วนหนึ่งในใจของเธออยากจะถามเขาเหลือเกินว่าเขารู้สึกเหมือนกันรึเปล่า แต่ก็รู้ดีว่ามันจะดูน่าสมเพชและมากเกินไป อาจจะทำให้เขากลัวจนหนีไป และถึงแม้ลึก ๆ เธอจะไม่อยากไล่ตามความสัมพันธ์นี้ เธอก็ยังไม่พร้อมที่จะสูญเสียเขาไป เธอแค่อยากจะสนุกกับการหยอกเย้า สนุกกับการอยู่ใกล้เขา สนุกกับวิธีที่เขาทำให้หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะให้นานที่สุดเท่าที่มันจะยังไม่ทำร้ายเธอ เพราะเธอรู้ดีว่าสุดท้ายแล้วเธอจะต้องการมากกว่านั้นเสมอ และมันก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย เธอไม่อยากจะสูญเสียตัวเองไปอีกแล้ว “แสดงว่าคุณก็จะยังไม่ไปไหนใช่ไหมครับ” กู้เทียนอี้ถามเธอพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ที่อ่านยาก เมื่อเห็นหญิงสาวยังนิ่งอยู่เขาจึงขอร้องอีกครั้ง “ได้โปรดอยู่ต่อเถอะนะหลินซี” “ฉันไม่เห็นเข้าใจเลยว่าทำไมคุณถึงได้แคร์นักหนาว่าฉันจะอ
ความคิดเห็น