เธอตายเพราะศัลยกรรมเสริมหน้าอก จะถูกยมทูตพาไปเกิดทั้งทีท่านกลับบอกว่ายังไปเกิดไม่ได้เพราะมีกรรมเก่าต้องสะสาง จบด้วยการทะลุมิติไปสู่ยุคอยุธยา เเละมาสิงร่างลูกสาวขุนหลวงที่มีผีผัวเก่าตามอาฆาต!
Lihat lebih banyakติ๊ด ติ๊ด
ติ๊ด ติ๊ด
ติ๊ดดดดดด
ชีพจรที่เคยดังเป็นจังหวะ ส่งสัญญาณยาวพรืดบ่งบอกชัดเจนว่าการเต้นของหัวใจของคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้นั้นได้หยุดลงอย่างกะทันหัน พยาบาลและหมอเถื่อนที่สัมผัสได้ว่าหายนะกำลังจะมาถึง เมื่อหนึ่งในคนไข้ที่มาผ่าตัดศัลยกรรมหน้าอกกับหมอกระเป๋าโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ บัดนี้การผ่าตัดผิดพลาดจนเสียเลือดมากเกินไป
ร่างเล็กของ ‘นางสาวบี’ กระตุกช็อกจากอาการเสียเลือดขั้นรุนแรงและเข้าสู่อาการโคม่าในสภาพกึ่งเปลือยคาห้องผ่าตัด เปิดเปลือยอกไข่ดาวสู่สาธารณะชน ซิลิโคนปลอมในมือหมอยังชุ่มเลือด ทั้งพยาบาลและหมอเถื่อนต่างรีบหาทางหนีทีไล่เมื่อเผลอทำให้คนไข้ที่มาศัลยกรรมด้วยเจอพิษมีดหมอกระเป๋าดับอนาถสิ้นใจคาห้องผ่าตัดเล็กๆ แห่งนี้ ด้วยศพนี้อาจจะทำให้ตำรวจรวบตัวเองและจบสิ้นอนาคตหมอศัลยกรรมหน้าใหม่ผู้ร่ำรวย
‘ว่าแล้วไง! อีนังผึ้งนี่มันต้องเป็นหมอเถื่อนชัวร์ป้าบ’ กว่าจะรู้สึกตัวว่าวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว นางสาวบีที่นั่งขัดสมาธิล่องลอยอยู่เหนือร่างกายอเนจอนาถที่นอนไร้ลมหายใจอยู่เบื้องล่างตบเข่าฉาด ‘ต้องไปเข้าฝันบอกแม่ไหมเนี่ย แต่ก่อนอื่นต้องไปตามหลอกหลอนอีหมอผึ้งนี่ก่อนเลย’
เป็นวิญญาณอาฆาตตั้งแต่วินาทีแรกที่ดวงจิตหลุดออกจากร่างอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ตกใจกับเหตุการณ์ถึงฆาตที่เกิดขึ้น
ก็เพราะว่าเตรียมใจมาดีพอแล้วน่ะสิ
ด้วยความที่ต้นตระกูลของนางสาวบีทำอาชีพเป็นหมอผีมารุ่นสู่รุ่น ครอบครัวของเธอมากกว่า 80% ไม่ว่าจะทวด ปู่ ย่า ตา ยาย ล้วนดำรงอาชีพนี้ในการจุนเจือครอบครัว และแน่นอนว่าทุกคนเป็นหมอผีของจริงที่สืบทอดสัมผัสที่หก สามารถสื่อสารกับวิญญาณได้มาตั้งแต่ที่ลืมตาดูโลก
น้าเธอเองก็เป็นหมอดูดวงชะตาในอนาคตที่โคตรแม่นยำ น้าบิวเคยบอกว่าบีในอายุ 25 เป็นวัยเบญจเพศที่ต้องเสี่ยงชีวิตด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เอาปัญหามาด้วยตัวเองเพื่อชดใช้กรรมและไปเวียนว่ายตายเกิดที่วัฏจักรสงสารต่อไป
นับว่าที่น้าบิวทำนายนั้นแม่นทีเดียว ตั้งแต่ที่เธอรู้จักกับอีหมอผึ้งมิจฉาชีพลวงโลกที่เข้าหาทางพ่อ เพราะเป็นเพื่อนสนิทพ่อก็เลยไว้ใจคิดว่าเป็นคลีนิคศัลยกรรมครบวงจร แถมอีกฝ่ายยังหัวหมอเข้าหาด้วยการเจาะจุดอ่อนอย่างหน้าอกไข่ดาวตั้งแต่กำเนิดที่เป็นปมด้อยมาตลอดชีวิตจนเธอเผลอหลงเชื่อ หารู้ไม่ว่าอีนี่น่ะมันหมอเถื่อน มันฉีดยาสลบ ผ่าตัดเธอแบบผิดๆ จนเสียเลือดตาย!
แต่ไม่ตกใจเท่าไหร่ อาจเพราะเห็นผีมาทั้งชีวิต ก็เลยไม่ค่อยหวาดหวั่นกับความตาย
ความตายคืออนิจจัง แม่สอนคำนี้ฝังใส่หัวมาทั้งชีวิตแล้ว คนที่ทำงานเป็นหมอผีก็เสี่ยงเหมือนกันหมด รุ่นก่อนๆ ที่ตายไปเพราะโดนทำของใส่มั่ง โดนผีตามอาฆาตจนตายโหงบ้างก็มี
เป็นวิญญาณก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องทำงานหาเงินมาจ่ายภาษีที่แพงแสนแพง ค่าครองชีพที่แทบกระอักเลือดจ่ายแทนเงิน ทนทำงานตัวเป็นเกรียวทั้งที่เลือกได้ก็ไม่อยากทำอาชีพหมอผี แต่อยากไปเป็นนักร้องมากกว่า แถมยังไม่ต้องผจญภัยกับการจราจรอันแออัด สังคมที่นับวันยิ่งเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ ทั้งคดีฆ่าข่มขืน ตบตีชิงทรัพย์ ตำรวจที่นับวันยิ่งไม่ต่างจากโจร คดีล่วงละเมิดทางเพศต่างๆ นานา เรื่องการเมืองที่แสนน่าเบื่อ ประเทศที่เหมือนนรกเข้าไปทุกที
ถึงสาเหตุการตายจะอนาถไปหน่อยก็ตาม
คิดแล้ววิญญาณนางสาวบีก็ฉีกยิ้มกว้าง แต่ก่อนอื่นต้องไปเข้าฝันแม่ก่อนว่าขิตที่นี่นะ มารับศพไปทำพิธีด้วย
อย่างน้อยก็ยังได้ตายแบบไม่เจ็บไม่ปวดอะไรล่ะวะ
แต่ก็แค้นเหลือเกิน
ค่อยไปตามหลอกหลอนอีหมอผึ้งจากหนังผีที่เคยดูมาดีกว่า เธอจะเริ่มจากโผล่แค่หัวเละๆ ออกมานอกหน้าต่างก่อนให้มันตกใจเล่น ก่อนที่ต่อมาจะฮือออกมาจากโทรทัศน์ระหว่างที่มันเปิดรายการวาไรตี้โชว์ดูเหมือนในเรื่องซาดาโกะ อย่างน้อยๆ เป็นวิญญาณแบบนี้ก็ต้องแสดงอภินิหารได้บ้างล่ะ
ตกลงกับตัวเองได้จึงทำท่าจะเริ่มภารกิจผีสาวตามเก็บเวล เพ่งดวงจิตนึกถึงหน้าบุพการีบังเกิดเกล้า
แต่ทว่า
หมับ!
‘อึก...!!’
ฝ่ามือหนาหยาบใหญ่ของผู้มาเยือนกลับคว้าเข้าที่คอของเด็กสาวแล้วยกจนตัวลอย นางสาวบีดิ้นทุรนทุรายไปมา แต่ลืมไปว่าวิญญาณนั้นไร้ความเจ็บปวด
“มึงจักไปไหน” ภาพตรงหน้าคือภาพที่นางสาวบีไม่เคยได้พบเจอและไม่มีวันจะได้เห็นจนกว่าเธอจะตายจริงๆ นั่นก็คือบุรุษในชุดโจงกระเบนสีแดงกล่ำกับสังวาลย์ทองทับทรวงแบบโบร่ำโบราณ ผิวดำคล้ำมีร่องรอยแผลเป็น ทรงผมชายบางระจัน ดวงตาสีแดงชาดเรืองรองทำให้เด็กสาวรู้สึกหวาดกลัว
“ใครอ่ะ ปล่อยนะ!” ไม่ว่าจะพยายามดิ้นรน จิกเล็บ กัด หรือข่วนอย่างไร ร่างสูงใหญ่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะไหวติง
“มึงมิมีกระไรติดค้างบนนี้ ไปกับกูเสีย” เสียงทุ้มต่ำลั่นประกาศิตทำเอาวิญญาณนางสาวบีชะงัก ลักษณะเหมือนที่แม่เคยบอก หรือว่าคนตรงหน้าคือยมทูตใช่ไหม พอเห็นเธอตุยก็มาเอาวิญญาณเลยเหรอ เร็วไปไหนก่อน สรุปคือนรกทำงานกันแบบดิจิตอลใช่ไหม
“จะไม่มีได้ไงพี่ หนูยังติดค้างอยู่ หนูมันวิญญาณอาฆาตนะ หนูยังไม่ได้ไปเข้าฝันบอกแม่เลยว่าหนูตายแล้ว แถมยังไม่ได้ล้างแค้นอีหมอเถื่อนนั่นเลยด้วย!!”
“เวรกรรมจะต้องตกต้องที่ตัวผู้ทำเอง มึงมีหน้าที่แค่ตามกูมา” ว่าพลางก็ร่ายเสกโซ่ตรวนพันธนาการเด็กสาวราวกับนักโทษเรือนจำ นางสาวบีเริ่มรู้สึกหวาดหวั่น เริ่มรู้สึกอยากพุ่งกลับเข้าร่าง คุณยมทำไมน่ากลัวแบบนี้
‘ไม่นะพี่ยม ขอทดลองใช้ชีวิตแบบวิญญาณร้ายก่อนสักสามวันได้ไหม... สองวัน วันเดียวก็ได้!!’
“ไม่ได้! ท่านผู้นั้นกำลังรอมึงลงไปชดใช้กรรมที่ติดค้างในชาติปางก่อนอยู่”
ท่านผู้นั้น? ใครวะ
ไม่ทันได้คิดอะไรให้จบดีก็เกิดหลุมดำขนาดใหญ่อยู่ใต้เท้า ชายกำยำตรงหน้าผลักหล่อนร่วงผล็อยลงไปในห้วงแห่งความมืดนั้นทันใด
กรี๊ดดดดดด
เสียงร้องโหยหวนของตัวเองนั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่เธอได้ยิน ก่อนที่ทัศนียภาพรอบตัวจะดับวูบลงไป พร้อมกับวิญญาณเด็กสาวที่ถูกสูบลงในหลุมดำ
“บัวงาม! บัวงามลูกแม่! เอ็งฟื้นแล้วรึ”
“... อื๋อ?” เสียงกังวาลของหญิงวัยกลางคนในชุดไทยโบราณเป็นประโยคแรกที่รบกวนการหลับอันยาวนานจนเด็กสาวจนต้องตื่น ว่าแต่ไอ้ชื่อบัวงามนี่มันใครวะ ชื่อโบร่ำโบราณสิ้นดี
นางสาวบีค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ของหญิงชุดไทยที่มะรุมมะตุ้มเธออยู่ ที่นอนก็แข็งแสนแข็ง สงสัยจะนอนนานไปหน่อย ปวดหลังเคล็ดเอวไปหมด
พอลืมตาเต็มที่ ก็เห็นภาพตรงหน้าชัดขึ้น ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนที่ถึงจะดูมีอายุแต่ก็ยังดูสวยปรากฎขึ้นพร้อมกับชุดสไบทรงเครื่องเหมือนหลุดมาจากในละครไทยจักรๆ วงศ์ๆ พร้อมกับสาวนุ่งผ้ารัดอกกับทรงผมสั้นกุดแบบที่เคยเห็นรูปในหนังสือเรียนประวัติศาสตร์สมัยมัธยมไม่มีผิด
“... ใครอ่ะ” คำแรกที่โพล่งออกมาคือคำถามราวกับคนความจำเสื่อม ‘คุณหญิงจันทร์งาม’ รู้สึกเหมือนลมจะจับ ซวนเซไปจนบ่าวรับใช้ต้องเข้ามาประคอง
“คุณหญิง! เป็นกระไรหรือไม่เจ้าคะ”
“มะ... มิเป็นไร ข้าพอเข้าใจหัวอกนาง ลูกสาวข้าคงสติแตกไปเสียแล้ว ตั้งแต่ที่ได้รู้ข่าวเรื่องพ่อแสนคำ”
นางสาวบีหยัดตัวลุกขึ้นมา อะไร? พูดจาซะโบราณเลย ที่นี่นรกหรือเปล่า จำได้ว่าเธอตายคาห้องผ่าตัดนี่
ว่าแต่ไอ้พี่ยมทูตนั่นไปไหน? เรื่องนี้ต้องมีเคลียร์ คนยังไม่ทันได้ไปตามอาฆาตเป็นผีเฝ้าไข้อีหมอเถื่อนนั่นเลย มาจับลงนรกสุ่มสี่สุ่มห้าได้ไง
ก็คงมีแต่ผู้หญิงคนนี้ล่ะมั้งที่ถามได้ เธอเลยตัดสินใจกระตุกชายผ้าสไบของผู้ใหญ่คนนั้นเบาๆ
“นี่ป้า เห็นผู้ชายตัวใหญ่ๆ แต่งตัวลิเกๆ ตาแดงๆ ตัวดำๆ อยู่แถวนี้ก่อนหนูตื่นบ้างปะ?”
ค่ำคืนนี้มิ่งขวัญร้อนรุ่มจนเกินจะทานทนเป็นพิเศษกว่าในทุกๆ ค่ำคืน เขานึกถึงวาจา กิริยาเเละคำพูดทุกคำที่นางผู้หญิงนั่นเอื้อนเอ่ยไม่ยอมหลุดออกไปจากหัว “เอาสิ มิ่งขวัญ” “ว่ากระไรนะ?” “น้าจะเล่นกับเจ้ามิ่งด้วยก็ได้นะ เพราะเจ้ามิ่งเองก็รูปงามถูกใจน้าเหมือนกัน” มิใช่ไม่รู้ว่านั่นคือมารยาล่อลวงชายของผู้หญิงเช่นนั้น ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกเเต่ก็ขาดความยับยั้งชั่งใจ เมื่อหวนนึกถึงท่าทางยั่วเย้าโดยไม่จริงจังนัก หัวใจของมิ่งขวัญยิ่งเต้นส่ำระรัว เขาไม่เคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ เเม้เเต่ทองผินที่เขาบูชาจนสุดดวงใจ ความรู้สึกที่มีต่อบัวงามเเตกต่างจากเจ้าคุณเเม่ เขาเคารพบูชาคุณเเม่ทองผินจนไม่คิดเเม้เเต่จะเเตะต้องเเม้เเต่ปลายเล็บหรือเเม้เเต่เส้นผมของท่าน เเต่มิ่งขวัญเข้าใจว่านั่นคือความรักในเชิงชู้สาวมาโดยตลอด เขาเข้าใจว่าตนเองนั้นหลงใหลจมปลักอยู่กับเสน่ห์ผู้ใหญ่ที่อบอุ่นเเละลึกลับของทองผินอยู่เสมอมา เเต่ครั้นเมื่อโดนยั่วหยอกเเค่เพียงน้อยจากผู้หญิงที่คิดว่าชังหน้าหล่อนตั้งเเต่เเรกเห็น สัญชาตญาณของชายหนุ่มที่กำลังจะเติบโตเต็มวัยร้องบอกว่าเขาปรารถนาในตัวของผู้หญิงคนนั้น จนถึงขนาดหึงหวง พลั้งปากสร้างความ
การมีความคิดไปในเเง่ลบต่อหล่อนอาจไม่ใช่เรื่องที่เเปลกใหม่ อาจเพราะบัวงามย่างเท้าก้าวเเรกเข้ามาในบ้านหลังนี้ในฐานะอนุภรรยาของบิดาเขา หล่อนเเสดงท่าทางยั่วยวนบุตรชายต่อหน้าพ่อของเขาอย่างกล้าหาญ เเถมยังปั่นหัวยั่วประสาทพ่อของเขาได้เป็นอย่างดี เขารู้ว่าหล่อนมันร้ายกาจ… เเต่ก็ไม่คิดว่าจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ร้ายกาจถึงกระทั่งพาชู้รักมากกนอนถึงถิ่นของเรา ขุนหล้ากระตุกยิ้มออกมา เเม้ว่าเขาเองจะเป็นขุนนางเเละเป็นลูกชายคนโตของพระยา หากเเต่สายเลือดโจรป่าที่อยู่ในกายครึ่งหนึ่งนั้นยังเข้มข้น ยิ่งหล่อนมีพิษ มีหนามเเหลมคมก็ยิ่งน่าลิ้มลอง น่าสนใจมากกว่าเดิม เขาเองก็เบื่อพวกคุณหญิงคุณนายที่เเสนเพียบพร้อมเเล้ว มาเอาหญิงร่านสวาทเเถมยังปั่นหัวเก่งคงจะน่าสนุกเเละท้าทายมากกว่า จะเป็นอย่างไรนะ หากได้ครอบครองหล่อน คงรู้สึกว่าไม่ต่างกับการได้รับชัยชนะจากบิดาของตนเองเป็นเเน่ ดูพ่อจะลุ่มหลงราคะร้อนร้ายของหล่อนมาก ถึงขนาดใช้สายตาขุ่นเคืองมองบุตรชายหัวเเก้วหัวเเหวน เเต่ก็คงมิเเปลกนัก การคลุกคลีกับหญิงร่านโลกีย์คงเป็นเรื่องคุ้นเคยของท่านไปเเล้วกระมัง นายกล้าถูกสั่งให้ตามมาบนเรือนทาส ทันทีที่บ่าวรับใช้สาวๆ เห็นร่
“เห็นทีว่าจะเป็นเพราะข้าเอง” แต่สุ้มเสียงเข้มที่ดังขึ้นด้านหลังก็ทำให้ทั้งบ่าวทั้งนายที่ยืนประจันหน้ากันชะงักไป เมื่อหันกลับไปสบตาจึงเห็นร่างของยอดหล้ายืนจังก้าอยู่ด้านหลัง ดวงหน้าของเขาประดับไปด้วยรอยยิ้มมุมปากท่าทางพิกลนัก “นางเปียกเพราะข้า อย่าได้ถือสาเลยหนา” “เจ้าค่ะคุณชาย” ทั้งที่เมื่อกี้เธอคิดหาข้ออ้างแทบตายแต่ยัยบ่าวนี้กลับดึงดันจะคาดคั้นให้จงได้ พอเป็นคุณหนูคนโตที่พูดอะไรส่งเดชไปเรื่อยเปื่อยออกมากลับเชื่อถือโดยไม่มีข้อกังขาเสียอย่างนั้น! เหตุผลก็ไม่มีให้ ไฉนจึงยอมเชื่อมากกว่า ลำเอียงไปไหมวะบ่าวบ้านนี้ คิดแล้วหงุดหงิด แต่ก็ทำเป็นฝืนยิ้มหวานให้กับชายตรงหน้า “ให้ข้าช่วยหรือไม่?” เมื่อเห็นว่าหล่อนทำท่าจะก้าวเข้าห้องหลังจากส่งยิ้มให้เพียงไม่กี่ชั่วครัน ขุนหล้าจึงอาสาเข้าช่วยเหลือ ถึงจะมีนัยยะว่าการช่วยเหลือที่ว่าคือเข้ามาช่วยเธอเปลี่ยนผ้าผ่อน รวมถึงรุ่มร่ามกับตัวเธอก็ตาม “มิเป็นไรดอกจ้ะ เปลี่ยนเสื้อครู่เดียวเอง รอน้าก่อนนะ” บ่าวคนนั้นยืนมองหล่อนลนลานเดินเข้าห้องพร้อมกับตามเข้าไปช่วยเปลี่ยนเสื้อแสงให้ จนเปลี่ยนเสร็จแล้วเปิดประตูออกมาก็พบว่าขุนหล้ายังคงยืนอยู่ที่เดิม “...” “มี
ในความเป็นจริง รูปโฉมของบัวงามที่ทำให้ขุนเเสนคำคนนี้ถึงกับหลงใหลนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเพราะหล่อนงดงามเเละดูมีจริตจะก้าน รวมถึงทรวดทรงที่อวบอั๋นเเม้ว่าจะร่างเล็กอรชร ไม่สูงสง่าอย่างสตรีอื่น หากเเต่ดวงตาที่เฉี่ยวคมเเต่กลับกลมโตสุกใสนั่นราวกับเเมวดำที่จ้องมองมา จึงทำให้ชายหนุ่มพากันหลงใหล ไม่ต่างจากไอ้กล้าผู้นี้ที่เเอบลอบตามมาถึงฝั่งเรือนของพระยาสิงขร เเอบลอบมองผ่านคลองกลางกองบัวใต้ตีน เขาเเช่อยู่นานพอดู จนกระทั่งเห็นร่างงามขยับมาเดินไปเดินมาอย่างคิดไม่ตกที่ศาลากลางสระบัว นายกล้านั้นไม่ต่างจากสุนัข อยู่ไม่ได้หากไร้ซึ่งเจ้าของ มันเเอบลอบสะกดรอยตามท้ายเรือของท่านพระยาผู้นั้นมา เเละพลัดหลงกลางคลอง ใช้เวลาว่ายน้ำข้ามวันข้ามคืน ด้วยเเรงกายของชายหนุ่มที่ตรากตรำทำงานหนัก จึงมองเห็นศาลากลางคลองบึงได้ไวๆ ในที่สุด ท่ามกลางซอกดอกบัวที่ขึ้นจับหนาอยู่ริมท่า เขาเเช่อยู่ในน้ำจนหนาวจับใจ เนื้อตัวใหญ่โตกำยำสั่นเทาอยู่ในน้ำ หากเเต่ดวงตากลับไม่อาจละสายตาจากความงดงามที่เขาโหยหาได้ ‘เจ้านายผู้งดงามของเขา’ กำลังกระเเทกก้นลงที่พักศาลา มีสีหน้าหงุดหงิดเหลือเกิน เมื่อไม่มีหล่อน การลำบากตรากตรำทำงานเหมือนต้
ขุนเเสนคำทำได้ทุกอย่าง หากว่านั่นจะเป็นหนทางที่จะสามารถไต่ไปถึงดวงจิตที่หายไปของเมียใจชั่วของเขาได้ เมื่อเสร็จสิ้นกิจรัก ทั้งคู่ตระกองกอดกันบนฟูกนอนราวกับคู่ผัวเมียที่รักกันปานจะกลืนกิน เเต่นั่นคงอยู่ในห้วงภวังค์ของเอื้องน้อยเพียงฝ่ายเดียว หล่อนอายุมากจนมีลูกโตขนาดนั้น เเต่ยังวิ่งโร่หาผู้ชายราวกับเด็กๆ ขุนเเสนคำในร่างสามีของนางที่โอบร่างกายเพรียวบางนั่นไว้รู้ดีอยู่เเก่ใจ ว่าในตอนที่เขามีชีวิตอยู่ พฤติกรรมเรียกร้องความรักของหล่อนมันน่าอดสูขนาดไหน เเต่ก็คงไม่ต่างจากเขาที่พยายามเรียกร้องความรักจากบัวงามสินะ ที่รู้สึกดูเเคลน… อาจเพราะเหมือนเห็นตัวเขาซ้อนทับอยู่ในร่างของเอื้องน้อยก็เป็นได้ “เห็นว่าเเม่เอื้องน้อยเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กของพระมเหสี จักว่ากระไรหรือไม่… หากพี่อยากขอเข้าพบท่านผ่านทางน้อง” เเต่เขาก็จำเป็นต้องสลัดความคิดวกวุ่นนั่นทิ้งไปพร้อมกับเข้าเรื่องเข้าราวอย่างจริงจัง ว่ากันว่าพระราชชนนีนั้นมีความถือตัวต่อชายเเปลกหน้าไม่ว่าจะตำเเหน่งยศศักดิ์สูงสักเพียงใด เเละถึงเเม้พระยาสิงขรจะมีความสนิทชิดเชื้อกับองค์กษัตริย์ก็ตาม เเต่เพราะเจ้านางให้ความสำคัญเเละต่อต้านการยึดถือเรื่องอนุ
สุดท้าย หล่อนก็เลือกที่จะทำเช่นนี้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่วิญญาณเร่ร่อนนั้นตัดสินใจถูกต้องเเล้ว ดวงจิตของขุนเเสนคำนั้นตระหนักรู้ขึ้นมาทันที เขารับรู้ได้มาตลอดว่าดวงจิตภายในนั้นทะเยอทะยาน กล้าได้กล้าเสียเพียงใด เเละสิ่งที่เขาตัดสินใจฉีกสัญญาเเละให้หล่อนไปยั่วยวนไอ้ขุนหล้า ก็คิดว่าจะไม่กล้าทำเสียอีก เเต่ดูเหมือนจะไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นเเล้วสินะ ดูวี่เเววมันเองก็ให้ความสนใจใคร่อยากในร่างเมียของเขาพอตัว ก็สมกับเป็นนางดี เขารู้ตนเองว่าเขาไม่มีวันตัดเยื่อไม่เหลือใยจากบัวงามได้ เเม้มิใช่เมียคนเเรก เเต่หล่อนคือผู้หญิงคนเเรกที่เขาจมปลัก ผูกมัด เเละต้องการครอบครองให้ได้จนยอมทำได้ทุกอย่าง การหลงรักหล่อนไม่ต่างกับตัวเขาที่ค่อยๆ จมลงสู่โคลนตม ไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้นอกจากต้องวนเวียนสะสางบ่วงกรรมเเละความห่วงหาอาทร เเม้ว่าบัวงามจะทรยศเขาจนเหมือนตายซ้ำตายซากกับการกระทำอันเลวระยำของหล่อน ทั้งที่เขาไม่เคยคิดจะนอกกายหาเมียอื่นมาให้เธอรู้สึกขุ่นเคืองใจเลยสักนิด เเต่เมียที่เขารักมากขนาดนั้นกลับไปเล่นชู้จนท้องโต เเต่เเค้นเคืองไปเเล้วได้อะไร กับทุกเรื่องเขาเด็ดขาดไม่มีอ่อนข้อ เเต่พอเป็นเรื่องเมียตนเอง
Komen