เข้าสู่ระบบเสียงกรีดร้องด้วยความสิ้นหวังดังออกมาจากห้องเล็กในเรือนที่ใกล้ผุพังท้ายจวนตระกูลซ่ง ดวงตาปูดโปนของเถียนสวี่ หลันจ้องมองเดรัจฉานมนุษย์ทั้งห้า ที่กำลังย่ำยีร่างกายของนางด้วยดวงตาแดงก่ำ ตอนนี้นางสิ้นไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืนอีกต่อไปแล้ว กว่าสองปีที่ถูกขังเอาไว้ในห้องที่เล็กแคบและเหม็นอับแห่งนี้ กว่าสองปีที่นางถูกทรมานและย่ำยีจากบุรุษมากหน้าหลายตา พวกที่มีจิตใจวิปริตชมชอบร่างกายที่พิการของสตรี ต่างก็จ่ายเงินให้สามีนางเพื่อที่จะได้สำเร็จความใคร่ กับร่างกายที่ไร้แขนขาของเถียนสวี่หลัน นางเคียดแค้นและชิงชังแต่กลับไม่สามารถทำสิ่งใดได้ ตอนนี้นางสำนึกผิดแล้วต่อกรรมที่นางกระทำเอาไว้กับอดีตสามี หากสามารถย้อนเวลากลับไปได้ นางจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีก ขอให้นักอ่านทุกท่านโปรดใช้วิจารณญาณในการเสพนิยายนะคะ เพราะนิยายทุกเรื่อง ชื่อเมืองและตัวละคร ล้วนแต่งขึ้นมาจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ได้อ้างอิงมาจากประวัติศาตร์ใด ขอบคุณนักอ่านที่น่ารักที่ยังคงติดตามผลนิยายของ Zuey มาโดยตลอด อ่านจบแล้วอย่าลืมกดหัวใจเพื่อเป็นกำลังใจ ในการสร้างผลงานต่อไปของไรท์ด้วยน๊า ขอบพระคุณมากค่ะ
ดูเพิ่มเติมเสียงกรีดร้องด้วยความสิ้นหวังดังออกมาจากห้องเล็กในเรือนที่ใกล้ผุพังท้ายจวนตระกูลซ่ง ดวงตาปูดโปนของเถียนสวี่หลันจ้องมองเดรัจฉานมนุษย์ทั้งห้า ที่กำลังย่ำยีร่างกายของนางด้วยดวงตาแดงก่ำ ตอนนี้นางสิ้นไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืนต่อไปแล้ว
กว่าสองปีที่ถูกขังเอาไว้ในห้องที่เล็กแคบและเหม็นอับแห่งนี้ กว่าสองปีที่นางถูกทรมานและย่ำยีจากบุรุษมากหน้าหลายตา พวกที่มีจิตใจวิปริตชมชอบร่างกายที่พิการของสตรี ต่างก็จ่ายเงินให้สามีนางเพื่อที่จะได้สำเร็จความใคร่กับร่างกายที่ไร้แขนขาของเถียนสวี่หลัน
ย้อนกลับไปในตอนที่นางยังคงอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านหนานซาน เถียนสวี่หลันนับว่าเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในอำเภอก็ว่าได้ ต่อมาแม้นางจะติดตามสามีย้ายมาอยู่ที่เมืองหลวง ใบหน้าของเถียนสวี่หลันก็ยังนับว่าโดดเด่นในหมู่สตรีอยู่ดี
จนกระทั่งซ่งหยางเฉิง แต่งงานใหม่กับบุตรสาวของขุนนางตระกูลใหญ่ ความสุขที่นางเคยได้รับจากสามีก็ค่อยๆ หายไป
มันคงเป็นเวรกรรมที่นางเคยทำเอาไว้กับเว่ยเจ๋อหมิงสามีคนแรกของนาง นางถึงได้ถูกจ้าวจื่ออิงภรรยาคนใหม่ของซ่งหยางเฉิงทรมานให้ตายทั้งเป็นเช่นนี้ ตลอดสองปีที่ผ่านมาจ้าวจื่ออิงขังนางเอาไว้ในห้องเก็บของที่เรือนท้ายจวน โดยที่ซ่งหยางเฉิงเองก็รู้เห็นทุกอย่าง
เรื่องที่นางทรมานและตัดแขนขาของเถียนสวี่หลันซ่งหยางเฉิงเองก็ไม่ได้เอ่ยห้าม เพราะสำหรับเขาแล้วเถียนสวี่หลันถือว่าหมดประโยชน์ตั้งแต่ที่เขาได้แต่งงานกับบุตรสาวของขุนนางตระกูลจ้าวแล้ว
ร่างกายเปลือยเปล่าที่ไร้แขนขาของเถียนสวี่หลัน นอนหงายอยู่บนพื้น ดวงตาของนางเลื่อนลอยเหมือนร่างกายเปล่าที่ไร้จิตวิญญาณ ทุกส่วนของร่างกายล้วนมีแต่ร่องรอยของการถูกเฆี่ยนตีจากแส้ม้าและถูกเผาไฟ ทั้งแผลเก่าและแผลที่พึ่งได้มาต่างก็ผสมปนเปกันจนแยกไม่ออก
เดรัจฉานมนุษย์เหล่านั้นได้จากไปนานแล้ว สาวใช้ที่เฝ้าทางเข้าเรือนหลังนี้ ยกถังน้ำที่เย็นเฉียบสาดไปที่ร่างของเถียนสวี่หลันอย่างไม่ไยดี แม้ยามนี้จะยังไม่ถึงฤดูเหมันต์แต่อากาศก็เริ่มหนาวเย็นแล้ว ร่างผอมแห้งของนางสั่นเทาขึ้นมาอย่างรุนแรง
“น่าสะอิดสะเอียนเสียจริง เป็นข้าคงกัดลิ้นตายไปนานแล้ว ไม่รู้ว่านางทนมาได้อย่างไรตั้งสองปี”
สาวใช้ร่างท้วมเอ่ยกับสาวใช้อีกคน สายตาของพวกนางมองมายังร่างเปลือยเปล่าของเถียนสวี่หลันด้วยความดูถูก
“นางจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายได้อย่างไร ก็ฮูหยินถอนฟันของนางออกจนหมดปากแล้ว รีบล้างตัวเสนียดจัญไรนี่เถอะ จะได้รีบไปเสียที อัปมงคลยิ่งนัก”
สาวใช้อีกคนเอ่ยสำทับขึ้น ด้วยเห็นเป็นเรื่องสนุก เถียนสวี่หลันไม่สนใจเรื่องที่พวกนางสนทนากัน นางค่อยๆ ใช้ข้อศอกคลานไปยังกองฟางที่อยู่ตรงมุมห้อง ร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำทำให้นางปวดแสบปวดร้อนที่บาดแผล แต่เถียสวี่หลันก็อดทนไม่ร้องออกมา นางหวังเพียงว่าสักวันสวรรค์จะเมตตาให้นางได้ตายไปจากสถานที่ที่เหมือนนรกขุมแห่งนี้เสียที
เสียงประตูเปิดออกอีกครั้งหลังจากสาวใช้ทั้งสองจากไป เถียนสวี่หลันไม่แม้แต่จะเผยอเปลือกตาขึ้นมอง ต่อให้เวลานี้เป็นพญามัจจุราชมาเอาชีวิตนางนางก็ไม่กลัวแม้สักนิด บางทีนางอาจจะขอบคุณเขาเสียด้วยซ้ำ ที่เขาเมตตามาปลดปล่อยนางให้หลุดพ้นจากที่นี่เสียที
“เจ้ายังหายใจอยู่หรือไม่ เถียนสวี่หลัน”
เสียงหวานดังขึ้นที่หน้าประตู สตรีใบหน้างดงามที่ถูกแต่งแต้มด้วยชาดอย่างประณีต ชุดผ้าไหมปักเลื่อมลายดอกเหมยสะบัดพลิ้วไปตามแรงลม นิ้วมือเรียวขาวผ่องยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นปิดจมูกด้วยความรังเกียจ ใบหน้างามแสดงท่าทางขยะแขยงออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“เหตุใดพวกเจ้าไม่ล้างตัวนางให้สะอาดกว่านี้ เหม็นเสียยิ่งกว่าเล้าหมูเสียอีก”
นางหันไปดุสาวใช้ร่างท้วมอย่างไม่จริงจังนัก รองเท้าราคาแพงเหยียบเข้าไปภายในห้องเล็กแคบนั้นเพื่อดูว่าเถียนสวี่หลันตายไปแล้วจริงๆ หรือไม่ เพราะนางไม่เห็นปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา
“ข้าไม่รู้สึกสนุกเหมือนแต่ก่อนแล้วสิ เหตุใดเจ้าถึงเลิกต่อต้านข้าแล้วเล่า เถียนสวี่หลัน เจ้าควรทำให้ข้าสนุกมากกว่านี้มิใช่หรือ ลุกขึ้นมาเร็วๆ ไม่ได้ยินเจ้านายของเจ้าสั่งหรืออย่างไร”
ไร้การตอบสนองจากร่างที่นอนขดอยู่บนกองฟาง จ้าวจื่ออิงพยักหน้าให้สาวใช้ทั้งสองไปลากเถียนสวี่หลันออกมา ร่างกายที่ผอมแห้งเหมือนไม้ฟืนถูกโยนลงไปแทบเท้าของจ้าวจื่ออิงอย่างไร้ความปรานี
เถียนสวี่หลันรู้สึกเจ็บไปทั่วร่างจนถึงกระดูก แต่นางก็มิได้ร้องออกมา สองปีมานี้นางร้องไห้อ้อนวอนขอให้จ้าวจื่ออิงปล่อยนางไปทุกวัน มันมากเกินพอแล้ว จากนี้สิ่งที่นางจะร้องขอคงมีแค่เพียงขอให้ปลดปล่อยนางด้วยความตายเท่านั้น
จ้าวจื่ออิงเหยียบลงไปบนแขนของเถียนสวี่หลันที่ถูกตัด นางต้องการได้ยินเสียงร้องโหยหวนอันน่าสมเพชของเถียนสวี่หลันเพื่อขอความเมตตาจากนาง แต่น่าเสียดายที่เถียนสวี่หลันนั้นสิ้นหวังกับชีวิตนานแล้ว สิ่งที่นางเฝ้ารอตอนนี้คงมีเพียงความตายเท่านั้น
“ท่าทางของเจ้าทำให้ข้าหงุดหงิดยิ่งนัก กล้าขัดคำสั่งข้าอย่างนั้นหรือ”
จ้าวจื่ออิงหยิบแส้ม้าออกมา นางเฆี่ยนลงไปยังร่างที่นอนขดอยู่บนพื้นอย่างแรง ร่างของเถียนสวี่หลันกระตุกทุกครั้งที่นางสัมผัสกับแส้หนังของจ้าวจื่ออิง ด้านปลายของมันมีปุ่มหนามเล็กๆ ทุกครั้งที่มันฟาดลงบนตัวนางผิวหนังของนางก็จะหลุดออกตามไปด้วย
ไม่นาน ร่างที่นอนอยู่แทบเท้าของจ้าวจื่ออิงก็ชุ่มโชกไปด้วยเลือด นางส่งเสียงหึ!!อย่างพอใจ จากนั้นจึงโยนแส้ม้าทิ้งแล้วเดินจากไป สาวใช้ร่างท้วมเดินไปปิดประตูและลงกลอนจากด้านนอก ทิ้งให้เถียนสวี่หลันนอนจมกองเลือดอยู่ที่เดิม
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปกี่วันคืนแล้ว หลังจากที่ถูกทรมานอย่างหนักเถียนสวี่หลันก็สลบไป นางฟื้นคืนมาอีกครั้งกลับพบว่าตนเองยังคงไม่ตาย นางไม่เข้าใจเลยว่านางถูกทรมานขนาดนั้นแล้วเหตุใดตนเองถึงยังมีชีวิตอยู่ เถียนสวี่หลันมองไปยังกระดาษหน้าต่างที่ขาดเป็นรู ทำให้มีแสงส่องลอดเข้ามา
เวลากลางวันอย่างนั้นหรือ นางพยายามคลานไปยังกองฟางที่อยู่มุมห้องอีกครั้ง บาดแผลและรอยเลือดที่แห้งไปนานแล้วปริแตกออกจากการที่นางขยับตัว รอยเลือดที่ไหลออกมาจากร่างของนางทิ้งร่องรอยเอาไว้เป็นทาง
เถียนสวี่หลันไม่ยอมทานอาหารหรือน้ำมาเป็นเวลาหลายวันทำให้นางแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง เสียงไขกลอนประตูที่ด้านนอกทำให้นางหยุดชะงักลง นางคิดว่าผู้ที่มาที่นี่หากมิใช่จ้าวจื่ออิงก็คงเป็นเดรัจฉานพวกนั้น
เถียนสวี่หลันหลับตาลงนอนขดตัวอยู่ที่พื้นที่เดิม ทันทีที่ประตูถูกเปิดออกร่างสูงโปร่งของใครบางคนก็เดินเข้ามาภายในห้อง กลิ่นหอมเย็นที่โชยมาทำให้เถียนสวี่หลันลืมตาขึ้นมอง
นางจดจำได้ดีใบหน้านี้นางไม่มีวันลืม บุรุษที่นางรู้สึกผิดต่อเขามาตลอดชีวิตของนาง เว่ยเจ๋อหมิงเขามาทำอันใดที่นี่ เถียนสวี่หลันหันหน้าหนี ความจริงนางไม่ต้องการให้เขามาเห็นนางในสภาพน่าสมเพชเช่นนี้ แต่นางไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะขยับไปที่ใดอีกแล้ว
สายตาของเว่ยเจ๋อหมิงมองไปยังร่างที่นอนขดที่พื้นด้วยความรู้สึกเวทนา เถียนสวี่หลัน นี่คือสิ่งที่เจ้าได้รับหลังจากที่เจ้าพยายามหักหลังข้าอย่างนั้นหรือ
ความอบอุ่นสายหนึ่งประทับลงบนกายที่เปลือยเปล่า เถี่ยนสวี่หลันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง เสื้อคลุมของเว่ยเจ่อหมิงกำลังคลุมอยู่บนร่างของนาง เถียนสวี่หลันรู้สึกว่าความอบอุ่นนั้นมันได้ซึมลึกลงไปถึงก้นบึ้งของจิตใจของนางแล้ว
เว่ยเจ๋อหมิงก้มลงอุ้มร่างผอมแห้งที่มีแต่ร่องรอยของการถูกทรมานของเถียนสวี่หลันอย่างไม่นึกรังเกียจ ในใจของนางอยากจะกล่าวขอโทษเขาเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะสายไปแล้ว
นางอยากจะถามว่าเหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ แต่น่าเสียดายที่สวรรค์คงจะไม่ให้โอกาสนาง เถียนสวี่หลันเองก็ไม่คิดว่าคนสุดท้ายที่นางได้พบก่อนตายคือบุรุษที่นางเคยทำร้ายในอดีต นางพยายามขยับปากพึมพำเบาๆ ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายจะถูกพรากไป
“เว่ยเจ๋อหมิง ข้าขอโทษ”
เป็นครั้งแรกที่เถียนสวี่หลันรู้สึกโล่งและเบาสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นางไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดตามร่างกายอีกต่อไปแล้ว การได้ถูกปลดปล่อยมันเป็นเช่นนี้เอง นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดนางถึงยังไม่ตายเสียที บางทีอาจเป็นเพราะนางกำลังรอให้เว่ยเจ๋อหมิง บุรุษที่นางติดค้างมาตลอดชีวิตมาช่วยปลดปล่อยนางนั่นเอง
เถียนสวี่หลันเอ่ยชื่อบุตรชายคนโตเสียงดังออกมาอย่างอ่อนใจ นางไม่รู้ว่าเด็กคนนี้หัวแข็งได้ใครกันแน่ ทั้งยังมีนิสัยชอบกลั่นแกล้งผู้อื่น ทั้งที่นางและพ่อของเขาไม่ได้มีนิสัยเช่นนี้เลยสักนิดเพียงแค่หนึ่งปีอาจารย์จั๋วก็เป็นอาจารย์คนที่ห้าของเขาแล้วที่ทำหน้าที่สอนหนังสือให้เว่ยซืออวิ๋น เพราะไม่มีอาจารย์คนไหนทนอยู่ได้เกินสามเดือนเลยสักคน“เอาล่ะๆ เจ้ากำลังท้องกำลังไส้ โมโหให้มันน้อยๆ หน่อย เรื่องอวิ๋นเอ๋อเดี๋ยวย่าจะช่วยพูดให้เอง”แม่เฒ่าจางเอ่ยออกมาด้วยท่าทางเอาอกเอาใจหลานสาว ห้าปีแล้วตั้งแต่ที่เถียนสวี่หลันและเว่ยเจ๋อหมิงย้ายกลับมาอยู่ที่ชิงโจว ครอบครัวของนางรวมทั้งองค์หญิงใหญ่ต่างก็อาศัยอยู่ร่วมกัน มีเพียงโสวฝู่ผู้เฒ่าเท่านั้นที่แยกตัวออกไปอยู่ข้างนอกแต่หลังจากที่เถียนสวี่หลันแต่งงานกับเว่ยเจ๋อหมิง นางก็ตั้งท้องอย่างรวดเร็วและคลอดเว่ยซืออวิ๋นออกมา เหล่าผู้อาวุโสก็กลับมารวมตัวกันเพื่อดูแลลูกให้นาง เพราะได้รับการตามใจมาตั้งแต่ยังเล็ก ลูกของนางเลยไม่เคยรู้จักเกรงกลัวผู้ใด“หลันเอ่อ เดือนหน้าเจ้าก็จะคลอดแล้ว เรื่องการเรียนของอวิ๋นเอ๋อก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเถอะ มีตาเฒ่าซ่างกวนอยู่ด้วยทั
“นี่สำหรับขาทั้งสองข้างของข้าที่เจ้าเคยเอาไป”เอ่ยจบนางก็ไม่คิดรอดูผลงานของตน แต่เดินหันหลังให้ภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แม้ว่าร่างกายนั้นจะไม่มีความผิด แต่ดวงวิญญาณที่อยู่ภายในมิใช่จ้าวจื่ออิงหากเจ้ากำลังดูอยู่ข้าจะไม่ขอโทษหรอกนะ เพราะที่ข้าเคยโดนกระทำมานั้นมันก็หนักหนาไม่ต่างกัน ลมเย็นสายหนึ่งพัดโชยมาที่ใบหน้าของนางเหมือนตั้งใจจะตอบรับคำพูดของเถียนสวี่หลัน จากนั้นไม่นานทุกอย่างภายในหุบเขาแห่งนั้นก็เงียบสงบลงเถียนสวี่หลันได้รับการช่วยเหลือและกลับมายังเมืองหลวงอย่างปลอดภัย ทางด้านกองทัพของฮ่องเต้ที่ถูกส่งออกไปนั้น เข้าตียึดพื้นที่คืนได้อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งฤดูเหมันต์ผ่านไป เดือนสองกองทัพทั้งหมดเดินทางกลับมายังเมืองหลวงพร้อมกับชัยชนะและตัวจวิ้นอ๋องที่เป็นหัวหน้าผู้คิดก่อการกบฏจวิ้นอ๋องถูกตัดสินให้ประหารชีวิตในข้อหาก่อกบฏอย่างไม่รอการไต่สวน เว่ยเจ๋อหมิง เถียนสวี่หลัน และชายชราที่ใครๆ ต่างก็คิดว่าเขาได้ถูกสังหารไปแล้วนั้น ยืนอยู่ตรงหน้าของชายวัยกลางคน ที่ไม่หลงเหลือความองอาจห้าวหาญเหมือนดั่งที่ผ่านมา“จงไปขอโทษท่านแม่ของข้าที่ท่านเคยกระทำผิดต่อนางในปรโลกเถอะ”เว่ยเจ๋อหมิงเอ่
ข่าวลือที่จวิ้นอ๋องซ่องสุมกำลังพลเพื่อก่อกบฏถูกปล่อยออกไปทั่วเมืองหลวง จากนั้นก็มีข่าวใหญ่เข้ามาอีกเรื่องคือ โสวฝู่ผู้เฒ่าถูกจวิ้นอ๋องสังหารจนเสียชีวิตแล้วในช่วงนี้มีแต่เหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นมากมายภายในแคว้นเยี่ยน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เจ้ากรมโยธายักยอกเงินงบประมาณการสร้างเขื่อนจนทำให้เขื่อนแตกน้ำท่วมปิ่งโจว รวมทั้งตระกูลจ้าวที่ลักลอบค้าเกลือและสมคบคิดกับโจรป่าเพื่อขัดขวางการช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมตอนนี้ยังมีเรื่องของจวิ้นอ๋องก่อการกบฏและโสวฝู่ผู้เฒ่าถูกลอบสังหารอีก ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็สามารถสั่นคลอนความมั่นคงของแคว้นเยี่ยนที่สืบทอดมานานหลายร้อยปีได้ ในบันทึกของราชวงศ์ไม่เคยเกิดเหตุการณ์มากมายเช่นนี้ขึ้นมาก่อนสงครามภายในที่กำลังจะปะทุครั้งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างเห็นได้ชัดเจน เหล่าขุนนางที่เคยให้การสนับสนุนจวิ้นอ๋องต่างก็ปิดปากเงียบ ไม่ยอมออกมาว่าราชการที่ท้องพระโรงราวกับต้องการแสดงการต่อต้านให้อีกฝ่ายได้เห็นแม่ทัพที่ทำหน้าที่ปกป้องเมืองหลวงในครั้งนี้คือ แม่ทัพที่มาจากตระกูลเซียว ที่ผ่านมาพวกเขาทำตัวเป็นกลางมาตลอด ไม่เคยสนใจเข้ายุ่งเกี่ยวการเมืองของเหล่าขุนนาง ที่คอยแก่งแย
เถียนสวี่หลันที่ได้ยินเรื่องนี้นางก็ได้แต่อึ้งไป เรื่องทั้งหมดนี้น่าจะต้องเกิดขึ้นในอีกห้าปีข้างหน้ามิใช่หรือ แล้วเหตุใดทุกอย่างถึงได้เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ หรือว่าเป็นเพราะนางเปลี่ยนแปลงอนาคตที่จะเกิดขึ้น เถียนสวี่หลันรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ที่เรื่องราวทุกอย่างเริ่มไม่อยู่ในการควบคุมของนางการตัดสินโทษได้เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คนตระกูลจ้าวกว่าร้อยชีวิตถูกคุมตัวไปที่ลานประหารพร้อมกันในยามซื่อ (9.00-11.00) แม้ตนเองและครอบครัวจะต้องตายในอีกไม่ช้า แต่เสนาบดีจ้าวกลับยังคงปิดปากเงียบไม่ยอมให้การซัดทอดผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังเถียนสวี่หลันและเว่ยเจ่อหมิงพร้อมทั้งองครักษ์ผู้ติดตามยืนอยู่ในฝูงชน มองดูคนตระกูลจ้าวหัวหลุดออกจากบ่าทีละคน เถียนสวี่หลันมิได้แสดงสีหน้าใดใดออกมาแม้ว่านางจะเห็นฉากนองเลือดตรงหน้าก็ตามที สายตาของนางเหลือบมองไปรอบๆ เพื่อหาร่างที่คุ้นตาของใครบางคนจ้าวจื่ออิง!! นางอยู่ที่นั่นเอง ใบหน้าด้านข้างที่ยกยิ้มมุมปากบางๆ ทำให้เถียนสวี่หลันขมวดคิ้วด้วยความสงสัย นางเห็นคนในครอบครัวของตนเองถูกประหารแต่กลับยิ้มออกมาอย่างนั้นหรือ นางใช่จ้าวจื่ออิงตัวจริงหรือไม่ แล้วเช่นนั้น
ครึ่งเดือนต่อมา เมื่อไม่มีอุปสรรคใดใดที่คอยขัดขวาง การเดินทางมายังปิ่งโจวเพื่อช่วยเหลือน้ำท่วมก็ผ่านไปได้ด้วยดี เถียนสวี่หลันได้พบหน้าคนรักของตนอีกครั้ง แต่ทั้งสองที่มัวแต่ยุ่งเรื่องที่ตนได้รับมอบหมายกลับไม่มีเวลาได้อยู่ด้วยกันตามลำพังก่อนหน้านี้ ระหว่างทางที่เว่ยเจ๋อหมิงเดินทางมายังปิ่งโจวก็ได้มีมือสังหารติดตามมาก่อกวนเป็นระยะ แต่เขาก็สามารถเดินทางมาถึงจุดหมายได้อย่างราบรื่น เมื่ออพยพชาวเมืองขึ้นสู่ที่สูงและหลังจากเหตุการณ์เขื่อนแตก เว่ยเจ๋อหมิงที่ได้รับมอบอำนาจมาจากฮ่องเต้ก็ได้เปิดยุ้งฉางของเมืองปิ่งโจวเพื่อช่วยเหลือชาวเมืองระยะเวลาที่รอคอยความช่วยเหลือจากทางราชสำนักนั้น พอดีกับที่เสบียงในยุ้งฉางหมดไป ทุกคนต่างทำงานของตนอย่างขะมักเขม้นไม่มีใครกล้าเกี่ยงงานของตน เพราะผู้ที่ร่วมเดินทางมาช่วยเหลือในครั้งนี้ด้วยคือว่าที่ฮ่องเต้ในอนาคต เมื่อชาวเมืองได้รู้ว่าองค์รัชทายาทเดินทางมาด้วยตนเอง พวกเขาต่างก็สรรเสริญฮ่องเต้และราชวงศ์ด้วยความซาบซึ้งใจ“โอย!!! ข้าจะตายแล้ว เหนื่อยเหลือเกิน”เถียนสวี่หลันทิ้งตัวลงบนตั่งตัวยาวด้วยใบหน้าอิดโรย ช่วงนี้อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นทุกขณะ สายฝนก็ยังกระหน่ำตกล
“ปากดีไปเถอะ ใกล้ตายเมื่อใดอย่าได้มาคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องข้าให้ไว้ชีวิตพวกเจ้าแล้วกัน”เถียนสวี่หลันเอ่ยออกมาเสียงดังด้วยท่าทางมั่นใจ หัวหน้าโจรมองใบหน้างามด้วยความสงสัย เห็นอยู่ชัดๆ ว่าพวกตนมีคนมากกว่า แต่สิ่งใดกันที่ทำให้สตรีร่างบางผู้นี้มีความมั่นใจว่าตนเองจะรอดพ้นไปได้“หุบปากของเจ้าซะ!! เช่นนั้นก็มาดูกันว่าใครกันแน่ที่จะต้องคุกเข่าร้องขอชีวิต”หัวหน้าโจรตะโกนออกมาด้วยท่าทีเดือดดาล ก่อนจะโบกมือสั่งให้ลูกน้องทั้งหมดเข้าจัดการทหารองครักษ์ที่ติดตามเถียนสวี่หลันมาแต่ก่อนที่คนสองกลุ่มจะได้ทันเข้าโรมรัน เสียงควบม้ามาจากทางด้านหลังก็ดังกระหึ่มขึ้น เยี่ยนหลงเฟิงองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเยี่ยนผู้สง่างาม พาทหารอีกห้าร้อยนายควบม้าตรงมายังกองคาราวานเกวียนของราชสำนักนี่เป็นความลับที่แม้แต่ทางขุนนางก็ยังไม่ทราบ มีเพียงเถียนสวี่หลันเท่านั้นที่ได้รู้แผนการของฮ่องเต้ เพราะอย่างนั้นจึงทำให้นางมั่นใจเป็นอย่างมากว่าตนเองจะต้องชนะในศึกครั้งนี้“เจ้าคิดว่าฝ่าบาทจะส่งสตรีตัวเล็กๆ เช่นข้า มาทำงานใหญ่ให้กับราชสำนักอย่างนั้นหรือ ดูเหมือนว่ากุนซือของพวกเจ้านี่ก็ไม่เท่าไหร่นะ ลูกไม้ตื้นๆ เช่นนี้ก็ยังมองไม่ออก”












ความคิดเห็น